ราชบุรี - หัวหน้าสำนักปลัดเทศบาลตำบลบ้านสิงห์ อำเภอโพธาราม หอบเอกสารเข้าร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรม ศาลากลางจังหวัดราชบุรี เรียกร้องให้ตรวจสอบกรณีนักการเมืองท้องถิ่น ร่วมกับข้าราชการระดับปลัดตำบล กระทำความผิดยักยอกเงินโครงการอบรม อพปร.ของเทศบาลไปเป็นทรัพย์ส่วนตัว
เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (10 มิ.ย.) ที่ศูนย์ดำรงธรรม ศาลากลางจังหวัดราชบุรี น.ส.พัชรี สงกรานต์ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/1 หมู่ 9 ต.บ้านสิงห์ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี หัวหน้าสำนักปลัดเทศบาลตำบลบ้านสิงห์ (นักบริหารงานทั่วไป 8) อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ได้นำเอกสารหลักฐานกว่า 20 หน้า เข้าร้องเรียนเพื่อให้เร่งตรวจสอบกรณีนักการเมืองท้องถิ่นในเทศบาลตำบลบ้านสิงห์ และข้าราชการระดับปลัดตำบล ร่วมกันกระทำความผิดยักยอกเงินของเทศบาลไปเป็นทรัพย์ส่วนตัว โดยเป็นการทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ในโครงการฝึกอบรมทบทวนอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) ของเทศบาลตำบลบ้านสิงห์ ประจำปี 2557 ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับการอนุมัติโครงการแล้ว แต่กลับมีการนำเอาสำเนาโครงการไปขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานเอกชน แต่เมื่อได้รับเช็คสนับสนุนมาแล้วกลับไม่นำเข้าเป็นเงินรายได้ของเทศบาลตำบลสิงห์ เพื่อนำไปใช้ในการจัดทำโครงการ แต่กลับนำไปเข้าบัญชีส่วนตัว
น.ส.พัชรี สงกรานต์ หัวหน้าสำนักปลัดเทศบาลตำบลบ้านสิงห์ กล่าวว่า วันนี้ตนได้นำเอกสารเข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม ผ่านไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี เพื่อให้เร่งรัดตรวจสอบการขอรับเงินสนับสนุนโครงการฝึกอบรมทบทวนอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) ของเทศบาลตำบลบ้านสิงห์ ประจำปี 2557 เนื่องจากมีการตรวจสอบพบว่า มีการทุจริตเกิดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากหน่วยงานต่างๆ แล้วกลับไม่มีการนำเข้าเป็นเงินรายได้ของเทศบาล
“ที่ผ่านมาเคยมีการร้องเรียนเรื่องนี้มาแล้วหลายครั้ง แต่ดูเหมือนว่าเรื่องจะไม่มีความคืบหน้า วันนี้จึงอยากให้ศูนย์ดำรงธรรมตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง แม้ว่าจะรู้สึกกลัวความไม่ปลอดภัยในชีวิตอยู่บ้างก็ตาม เนื่องปัจจุบัน นายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญต่อเรื่องการทุจริตมาก วันนี้จึงถือโอกาสดีนี้นำเรื่องมาร้องต่อศูนย์ดำรงธรรม เพื่อให้หน่วยงานราชการได้เข้ามาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง” น.ส.พัชรี กล่าว
ด้าน น.ส.ประภารัตน์ นาคผจญ หัวหน้ากลุ่มงานอำนวยการสำนักงานจังหวัดราชบุรี กล่าวภายหลังรับหนังสือร้องเรียนจาก น.ส.พัชรีว่า เรื่องนี้ได้มีการแต่งตั้งกรรมการระดับอำเภอขึ้นมาตรวจสอบแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่ทางอำเภอยังไม่ได้รายงานเข้ามาที่ศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งจะต้องนำเรื่องนี้รายงานต่อกระทรวงมหาดไทย และทางผู้ตรวจกระทรวงมหาดไทย ก็ได้รับทราบเรื่องนี้แล้ว พร้อมกับได้กำชับให้เร่งรัดดำเนินการแล้ว