ศูนย์ข่าวศรีราชา - รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ลงพื้นที่มอบนโยบายด้านการท่องเที่ยวแก่จังหวัดชลบุรี และจังหวัดฝั่งทะเลตะวันออก พร้อมร่วมพิจารณาร่างแผนการพัฒนาท่องเที่ยวเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลภาคตะวันออก (Active Beach) เน้นขายได้จริง และจับต้องได้
วันนี้ (20 พ.ค.) นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการท่องเที่ยวประจำเขต พัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันออก พร้อมทั้งมอบนโยบายด้านการท่องเที่ยว ณ ห้องประชุมพระพิพิธโภไคย ศาลากลางจังหวัดชลบุรี
โดยมี นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ในฐานะประธานคณะกรรมการการท่องเที่ยวประจำเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันออก พร้อมด้วยตัวแทนทั้งภาครัฐ และเอกชนจาก 4 จังหวัดภาคตะวันออก ประกอบด้วย ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลภาคตะวันออก โดยให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมมือในด้านการพัฒนาการท่องเที่ยวในส่วนของจังหวัดฝั่งทะเลตะวันออกแบบบูรณาการ พร้อมทั้งร่วมกันปรับปรุงแก้ไขร่างแผนการพัฒนาท่องเที่ยวเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลภาคตะวันออก (Active Beach) ก่อนที่จะนำเสนอคณะรัฐมนตรี
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับที่ปรึกษา คณะการจัดการท่องเที่ยว สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้นำเสนอการจัดทำแผนการพัฒนาท่องเที่ยว 5 ปี พ.ศ.2559-2563 เขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลภาคตะวันออก (Active Beach) ว่าที่ผ่านมา ได้มีการดำเนินการหารือร่วมกันมาแล้ว 2 ครั้ง โดยในวันนี้เป็นการหารือร่วมกัน โดยเขตพัฒนาการท่องเที่ยว (Active Beach) ประกอบด้วย ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ภายใต้วิสัยทัศน์ “การท่องเที่ยวชายทะเลสีสันตะวันออกระดับสากล ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเชื่อมโยงสู่นานาชาติ”
ทั้งนี้ เพื่อต้องการให้ 1. มีการพัฒนาให้กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเป็นเมืองท่องเที่ยวหาดทรายทะเลที่เต็มไปด้วยสีสันของทะเลตะวันออก และเป็นแหล่งเรียนรู้วิถีการท่องเที่ยวชุมชนในระดับสากล 2.ส่งเสริมและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของเมืองท่องเที่ยวหลัก จังหวัดชลบุรี และเมืองท่องเที่ยวรองในเขตพัฒนาการท่องเที่ยว ได้แก่ ระยอง จันทบุรี และตราด
3.เจาะเกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวให้พักนาน และใช้จ่ายสูงในเขตพัฒนาการท่องเที่ยว และขยายฐานนักท่องเที่ยวจากเมืองท่องเที่ยวหลักชลบุรี ไปเมืองท่องเที่ยวรอง 4.สร้างความเข้มแข็งของกลไก เครือข่าย และยกระดับการทำงานร่วมกันในการพัฒนาการท่องเที่ยวในเขตและนอกเขต รวมถึงนานาชาติ 5.เร่งแก้ไขปัญหาการท่องเที่ยวด้านความปลอดภัย จริยธรรมทางธุรกิจ และปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมในเมืองท่องเที่ยวหลัก อย่าง ชลบุรี โดยมุ่งหวังที่จะสร้างรายได้ กระจายรายได้จากการท่องเที่ยว
ด้าน นางกอบกาญจน์ วัฒนวรากูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า คณะกรรมการพัฒนาการท่องเที่ยว ประจำเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันออก (Active Beach) ถือว่าเป็นคณะกรรมการที่สำคัญมาก เนื่องจากจะเป็นคณะกรรมการที่ดูแลด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และจังหวัดตราด โดยจะต้องร่วมกันวางยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวในระยะยาว 3-5 ปี จะเป็นในรูปแบบใด นอกจากนั้น จะต้องบูรณาการกับหลายๆ กระทรวงที่เกี่ยวข้องด้านการท่องเที่ยว ซึ่งมีประมาณ 7-8 กระทรวง พร้อมกับภาคเอกชนด้วย
สำหรับแผนงานดังกล่าวจะแล้วเสร็จประมาณสิ้นเดือนมิถุนายน 2558 นี้ จากนั้นจะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ เพื่อเป็นแผนยุทธศาสตร์ในการจัดหางบประมาณในระยะยาวต่อไป โดยแผนงานดังกล่าวจะต้องนำไปปฏิบัติงานได้อย่างจริงจัง ดังนั้น ต้องมีการวางแผนด้านการตลาด และจุดขายที่เด่นชัดเพื่อนำไปสู่ทางท่องเที่ยวที่ยั่งยืนตลอดไป
นางกอบกาญจน์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับคณะกรรมการชุดนี้ โดยมี นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธาน และมีคณะกรรมการจากทั้ง 4 จังหวัด จำนวน 25 คน ร่วมเป็นคณะกรรมการชุดนี้
ที่ผ่านมา คณะกรรมการชุดนี้ได้มีการประชุมร่วมกันมาแล้วในระดับหนึ่ง โดยอาจจะมีการปรับปรุงรูปแบบอีกเล็กน้อยเพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงทั้งจังหวัดหลัก และจังหวัดรองให้สามารถไปด้วยกันได้ เพื่อไม่ให้รายได้กระจุกอยู่ในจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง โดยต้องการให้กระจายครอบคลุมทั้ง 4 จังหวัด ที่สำคัญจะต้องเน้นโครงการหลักไปก่อนเพื่อให้เกิดความชัดเจน เพราะหากมากเกินไปก็จะไม่สมบูรณ์แบบเท่าที่ควร ดังนั้น จึงต้องเน้นโครงการที่เป็นจุดดึงดูดการท่องเที่ยวที่สำคัญก่อน สามารถขายได้จริง และจับต้องได้
ที่ผ่านมา การท่องเที่ยวใน 4 จังหวัดภาคตะวันออกนั้นก็มีการประสานงาน และเชื่อมโยงกันอยู่แล้ว แต่จะต้องให้เกิดการเชื่อมโยงเพิ่มมากขึ้น และให้เกิดเป็นรูปธรรมมีความมั่นคงยั่งยืนมากยิ่งขึ้นด้วย
นางกอบกาญจน์ กล่าวว่า สำหรับคณะกรรมการชุดนี้จะมีหน้าที่ดูแลควบคุม พร้อมนำไปปฏิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรม ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว และต้องนำแผนงานดังกล่าวดำเนินการอย่างต่อเนื่องแม้จะมีการเปลี่ยนแปลง รัฐบาล รัฐมนตรีที่รับผิดชอบ หรือคณะกรรมการ แต่แผนงานหรือโครงการนี้ก็จะดำเนินการต่อไป โดยแผนงานนั้นอาจเกิดขึ้นในระยะเวลา 1-2 ปี หรือบางแผนงานอาจจะต้องใช้ระยะเวลา 3-5 ปี แต่ก็ต้องทำอย่างต่อเนื่องตลอดไป