กาญจนบุรี - นอภ.เมืองกาญจนบุรี พร้อมหัวหน้าฝ่ายทะเบียนและบัตร หอบเอกสาร 5 พันหน้า โร่ขึ้นโรงพักแจ้งความดำเนินคดีขบวนการสวมบัตรต่างด้าว มีทั้ง ส.อบจ. ปลัดอำเภอ ผญบ.รวมบัตร 421 ใบ มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท เผยพบปมทุจริตหลังเข้ามารับตำแหน่ง นอภ.เมืองกาญจน์ และทางอำเภอได้ไปตั้งศูนย์บริการภายในห้างดังสาขากาญจนบุรี ประมาณ พ.ย.56 หลังพบมีการแก้ไขเอกสาร “วัน เดือน ปีเกิด ของบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนในระบบฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์”
เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ (7 ก.พ.) นายศรัทธา คชพลายุกต์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี พร้อมด้วยนายสรธร บ่อเกิด ปลัดอำเภอเมืองกาญจนบุรี หัวหน้าฝ่ายทะเบียนและบัตร พร้อมเอกสาร 5,000 หน้า เข้าพบ พ.ต.ท.นคร พักไพโรจน์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สภ.เมืองกาญจนบุรี แจ้งความดำเนินคดีขบวนการปลอมแปลงบัตรประชาชนชาวพม่ารายใหญ่ รวม 16 ราย ประกอบด้วย
1.นางณัฐรินีย์ สบายยิ่งดลเดช ปลัดอำเภอ (เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ) อำเภอไทรโยค จ.กาญจนบุรี
2.นางศุภิดา ลาบเหลือ ปลัดอำเภอ (เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ) อำเภอเดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี
3.นางวีณา ธนรักษ์ ปลัดอำเภอ (เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ) อำเภอพนมทวน จ.กาญจนบุรี
4.นายธนกร สว่างแก้ว ปลัดอำเภอ (เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ) อำเภอพนมทวน จ.กาญจนบุรี
5.นางภัทรภร แสงจันทร์ เจ้าหน้าที่ปกครองชำนาญการ อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี
6.นางแสงอรุณ จุมพล พนักงานราชการ อำเภอเมือง จ.กาญจนบุรี
7.นายพนมกร คล้ายเมือง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 7 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
8.นายประสาน นิยมทรัพย์ สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี
9.นายมานพ ภาคภูมิ อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
10.น.ส.กาญจนา แม้นเดช
11.นายนิรุจน์ เสมอภาค
12.นายธีระพันธุ์ เสน่ห์ชอบ
13.นายชายแดน มีคุณ
14.น.ส.ปิยะวดี กลิ่นพะยอม
15.บุคคลที่มีชื่อเล่นว่า แอล ไม่ทราบชื่อและนามสกุล
และ 16.บุคคลต่างด้าว จำนวน 421 ราย
นายศรัทธา คชพลายุกต์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี เปิดเผยว่า การแจ้งความดำเนินคดีครั้งนี้ตนไม่ได้รู้สึกหนักใจแต่อย่างใด ถึงแม้ผู้ที่เกี่ยวข้องที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีจะมีตำแหน่งทางด้านการเมือง และข้าราชการระดับปลัดอำเภอต่างๆ รวมทั้งผู้ใหญ่บ้านก็ตาม
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อปี พ.ศ.2548-2549 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้บุคคลไร้สถานะที่อยู่ในประเทศไทยก่อนเดือนตุลาคม 2542 สามารถขึ้นทะเบียนเป็นผู้มีสถานะทางทะเบียนได้ และหลังจากที่ตนเข้ามารับตำแหน่งนายอำเภอเมืองกาญจนบุรี ก็พบว่า ทางอำเภอได้ตั้งศูนย์บริการภายในห้างสรรพสินค้าเทสโก้ โลตัส สาขากาญจนบุรี ประมาณเดือนพฤศจิกายน 2556 ขณะนั้นตนได้สั่งให้สับเปลี่ยนเจ้าหน้าที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่เพื่อป้องกันการทุจริต
จากนั้นตนได้รับแจ้งจากปลัดอำเภอฝ่ายทะเบียนที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ชุดใหม่ว่า พบเอกสารดำเนินการแก้ไขรายการ วัน เดือน ปีเกิด ของบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนในระบบฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ผิดปกติ คือ มีบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน นำเอกสาร วัน เดือน ปีเกิด รวมทั้งเลขประจำตัวประชาชนตรงกัน มายื่นที่อำเภอเพื่อขอเป็นบุคคลที่มีสถานะทางทะเบียนซ้ำกัน จำนวน 9 ราย ซึ่งส่อไปในทางทุจริตของเจ้าหน้าที่ที่ไปปฏิบัติหน้าที่ที่ศูนย์บริการภายในห้างเทสโก้ โลตัส สาขากาญจนบุรี ดังนั้น ตนจึงตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง
โดยมี น.ส.ศศิมา อาจสูงเนิน ลูกจ้างชั่วคราวของอำเภอเมืองกาญจนบุรี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน เป็นผู้ถูกสอบ และ น.ส.ศศิมา ยอมรับสารภาพว่า ได้ทำการแก้ไขรายการ วัน เดือน ปีเกิด ให้แก่บุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนในระบบฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ จำนวน 9 ราย การกระทำดังกล่าวของ น.ส.ศศิมา อาจสูงเนิน ลูกจ้างชั่วคราว จึงมีความผิดตามกฎหมายที่มีอยู่ หลังจากดำเนินคดีต่อ น.ส.ศศิมา ตนได้สั่งการให้ นายสรธร บ่อเกิด ปลัดอำเภอเมืองกาญจนบุรี หัวหน้าฝ่ายทะเบียนและบัตร พร้อมทีมงานดำเนินการสืบสวนในเชิงลึก เพื่อขยายผลดำเนินคดีต่อผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด
จากการตรวจสอบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรของบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน หรือบุคคลประเภท 0 กลุ่ม 89 ของอำเภอเมืองกาญจนบุรี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 ถึง พ.ศ.2556 มีการแก้ไขรายการ วันเดือนปีเกิด รายการเพศของบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน จำนวน 421 ราย ทั้งหมดเป็นแรงงานต่างด้าวชาวพม่า และจังหวัดกาญจนบุรี ได้แต่งตั้งคณะกรรมการการสอบสวนข้อเท็จจริงสรุปได้ว่า การดำเนินการแก้ไขรายการวันเดือนปีเกิด รายการเพศของบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนดังกล่าวเป็นไปโดยมิชอบ และมีการนำข้อมูลของรายการที่แก้ไขไปขอทำบัตรประจำตัวบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน ที่สำนักงานทะเบียนอำเภอเมืองกาญจนบุรี
โดยมีข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐเมื่อครั้งที่ปฏิบัติงานอยู่ที่สำนักงานทะเบียนอำเภอเมืองกาญจนบุรี และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดตามรายชื่อข้างต้นร่วมกันทำเป็นขบวนการ ทั้งหมดได้ร่วมกันดำเนินการ หรือรู้เห็น หรือควรรู้เห็นในการแก้ไขรายการบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนโดยทุจริต ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ.2534 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ประมวลกฎหมายอาญา และพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522
สำหรับผู้ที่เป็นข้าราชการที่เข้าไปเกี่ยวข้องจะต้องถูกดำเนินคดีทั้งทางวินัย และอาญาด้วย ตนถือว่าขบวนการเหล่านี้เป็นขบวนการทำลายความมั่นคงของชาติอย่างแท้จริง และขณะนี้กรมการปกครอง ได้ถอนบัตรทั้งหมดออกจากสารบบแล้ว
ด้าน นายสรธร บ่อเกิด ปลัดอำเภอเมืองกาญจนบุรี หัวหน้าฝ่ายทะเบียนและบัตร กล่าวว่า หลังจากที่เราตรวจพบฐานข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน โดยมีการแก้ไขข้อมูลประจำตัวอันเป็นเท็จ ปรากฏว่า กลุ่มผู้ร่วมขบวนการได้เรียกบุคคลต่างด้าวที่ขบวนการดังกล่าวปลอมแปลงบัตรขึ้นมาให้ไปพบที่บ้าน เพื่อชี้แจงขั้นตอนให้ทราบหากเกิดกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐเรียกไปพบเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง และมีแรงงานต่างด้าวบางรายได้ให้ข้อมูลแก่เราว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะดำเนินการทำบัตรดังกล่าวด้วยความบริสุทธิ์ใจ โดยผ่านหัวหน้ากลุ่มที่นำพามาทำบัตร โดยหัวหน้ากลุ่มบอกว่า หากทำบัตรแล้วจะสามารถอยู่ในเมืองไทยได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายเป็นเวลา 10 ปี จึงยอมจ่ายเงินให้แก่หัวหน้ากลุ่มรายละ 25,000 บาท ถึง 30,000 บาท แต่ข้อเท็จจริงก็คือ มีการสวมบัตรของเพื่อนแรงงานต่างด้าวด้วยกันเอง
ส่วน พ.ต.ท.นคร พักไพโรจน์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สภ.เมืองกาญจนบุรี กล่าวว่า ผู้ถูกกล่าวหาส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากนี้จะต้องส่งเรื่องให้แก่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ให้ดำเนินการต่อไป