กาญจนบุรี - มือปราบ “ดีเอสไอ” ลงพื้นที่เข้าพบนายอำเภอเมืองกาญจนบุรี พร้อมปลัดฝ่ายทะเบียนและบัตร เพื่อรับทราบขั้นตอนและข้อมูลขบวนการปลอมแปลงบัตรประจำตัวของบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน หรือบุคคลประเภท “0” เผยเบื้องต้น เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ท. หากพบกระทบความมั่นคง “ดีเอสไอ” อาจพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ ขณะที่ทหารเตรียมสอบขยายพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนตะวันตก
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (11 ก.พ.) พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผู้บังคับการสำนักคดีความมั่นคง ดีเอสไอ พร้อมทีมงานได้เดินทางเข้าพบ นายศรัทธา คชพลายุกต์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี และนายสรธร บ่อเกิด ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายทะเบียนและบัตร ที่ห้องทำงานของนายศรัทธา คชพลายุกต์
โดยมีกองทัพสื่อมวลชนจากส่วนกลางให้ความสนใจเดินทางมาทำข่าวเป็นจำนวนมาก ทำให้บรรยากาศภายในห้องทำงานเป็นไปอย่างคึกคัก สื่อแต่ละสำนักต่างสับเปลี่ยนกันซักถามถึงขั้นตอนการปลอมแปลงบัตรประจำตัวของบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน หรือบุคคลประเภท 0 ซึ่งเป็นบัตรประจำตัวของแรงงานต่างด้าวชาวพม่า รวม 421 ราย ที่ทางอำเภอเมืองกาญจนบุรี ตรวจพบว่ามีการทุจริต และได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.อ.นคร พักไพโรจน์ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.เมืองกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังจากมีการนำเสนอข่าวนี้ออกไป ได้สร้างความสั่นสะเทือนให้แก่กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เป็นอย่างมาก
สำหรับผู้ที่ถูกแจ้งความดำเนินคดี 16 รายประกอบด้วย
1.นางณัฐรินีย์ สบายยิ่งดลเดช ปลัดอำเภอ (เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ) อำเภอไทรโยค จ.กาญจนบุรี
2.นางศุภิดา ลาบเหลือ ปลัดอำเภอ (เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ) อำเภอเดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี
3.นางวีณา ธนรักษ์ ปลัดอำเภอ (เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ) อำเภอพนมทวน จ.กาญจนบุรี
4.นายธนกร สว่างแก้ว ปลัดอำเภอ (เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ) อำเภอพนมทวน จ.กาญจนบุรี
5.นางภัทรภร แสงจันทร์ เจ้าหน้าที่ปกครองชำนาญการ อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี
6.นางแสงอรุณ จุมพล พนักงานราชการ อำเภอเมือง จ.กาญจนบุรี
7.นายพนมกร คล้ายเมือง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 7 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
8.นายประสาน นิยมทรัพย์ สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี อดีตกำนันตำบลเกาะสำโรง
9.นายมานพ ภาคภูมิ อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
10.น.ส.กาญจนา แม้นเดช
11.นายนิรุจน์ เสมอภาค
12.นายธีระพันธุ์ เสน่ห์ชอบ
13.นายชายแดน มีคุณ
14.น.ส.ปิยะวดี กลิ่นพะยอม
15.บุคคลที่มีชื่อเล่นว่า แอล ไม่ทราบชื่อและนามสกุล
และ 16.บุคคลต่างด้าว จำนวน 421 ราย
โดย พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผู้บังคับการสำนักคดีความมั่นคง ดีเอสไอ เปิดเผยว่า เราลงพื้นที่เพื่อดำเนินการขอข้อมูลคดีการกระทำผิดเกี่ยวกับการปลอมเเปลงบัตรประจำตัวของบุคคลต่างด้าวที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน หลังจากได้ข้อมูลจากอำเภอเมืองกาญจนบุรี ก็จะประสานขอข้อมูลจากทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันเเละปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท.และจะดำเนินการเข้าไปตรวจสอบกับทางส่วนกลางของกระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะหน่วยงานที่พิจารณาออกบัตรให้บุคคลต่างด้าวทั้งหมด
ที่สำคัญเราเห็นว่าขั้นตอนการออกบัตรดังกล่าวมันโยงไปถึงส่วนกลาง ซึ่งจะต้องไปตรวจดูว่ามีเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางคนใดมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ประเด็นที่ชี้ให้เห็นก็คือ ประเด็นการยื่นคำร้องขอมีบัตร ขั้นตอนแรกคือ แรงงานต่างด้าวจะต้องมาแสดงตนก่อน ซึ่งในเรื่องนี้ปรากฏว่า มีความชัดเจนมากว่าบุคคลต่างด้าวทั้ง 421 ราย ไม่ได้มาแสดงตน ประเด็นที่ 2 ก็คือ เจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนจะต้องเอาข้อมูลของยุคคลต่างด้าวลงในระบบฐานข้อมูล แต่ไม่สามารถออกบัตรได้ หน้าที่ของผู้ออกบัตร คือ ทางเจ้าหน้าที่ส่วนกลาง ซึ่งเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางเองจะต้องรับรู้ว่ามันผิดปกติ
“ดังนั้น เราจะตรวจสอบไปยังส่วนกลางด้วยว่ามีการดำเนินการเรื่องนี้หรือไม่อย่างไร เชื่อว่าหากเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายร่วมใจกันตรวจสอบอย่างละเอียดเรื่องการทุจริตก็จะไม่เกิดขึ้น ซึ่งตรงนี้ทางดีเอสไอ ก็จะขยายผลต่อไป เบื้องต้น คดีดังกล่าวยังอยู่ในความดูแลของ ป.ป.ท. แต่ถ้าหากตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วพบว่า ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทาง ดีเอสไอ ก็จะพิจารณาอีกครั้งหนึ่งว่าสมควรที่จะเสนอให้เป็นคดีพิเศษหรือไม่ต่อไป”
นายศรัทธา คชพลายุกต์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.ได้เดินทางมาขอข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนการทุจริตไปแล้ว ซึ่งวันนี้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ก็ได้เดินทางมาขอข้อมูลรายละเอียดทั้งหมด โดยคดีดังกล่าวตนหวังว่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้แก่ข้าราชการได้เป็นอย่างดี
“วานนี้ พล.ต.ณัฐ อินทรเจริญ ผบ.พล.ร.9 ค่ายสุรสีห์ ก็ได้มอบหมายให้ พ.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ รอง ผบ.พล.ร.9 ค่ายสุรสีห์ มาขอข้อมูลเช่นกัน เพราะทางกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ มีความเป็นห่วงเกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงเป็นอย่างมาก เช่น ขบวนการดังกล่าวจะเกี่ยวข้องต่อการค้ามนุษย์ หรือยาเสพติดหรือไม่ ซึ่งหลังจากที่ผมให้ข้อมูลทั้งหมดไป ทางทหารเองก็จะดำเนินการตรวจสอบพื้นที่ชายแดนภาคตะวันตก 4 จังหวัดที่ดูแลอยู่คือ พื้นที่ จ.กาญจนบุรี จ.ราชบุรี จ.เพชรบุรี และ จ.ประจวบคีรีขันธ์” นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี กล่าว