xs
xsm
sm
md
lg

ผบ.พล.ร.9 สั่งตรวจสอบข้อมูลสวมบัตรต่างด้าว 4 จว.ชายแดนตะวันตก เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.ลงพื้นที่กาญจน์สอบสวนหาขบวนการใหญ่ (ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กาญจนบุรี - ผบ.พล.ร.9 สั่งตรวจสอบข้อมูลการสวมบัตรต่างด้าว 4 จังหวัดชายแดนตะวันตก ด้าน ส.อบจ.โต้ ขณะนั้นเป็นกำนันมีหน้าที่ตามอำเภอสั่ง ยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ราชการ เผยเล่นคอมพ์ไม่เป็น แต่ดันผิด พ.ร.บ.คอมพ์ เตรียมใช้สิทธิขอคุ้มครองชั่วคราว ส่วนเลขา ป.ป.ท.ส่ง จนท.ชุดสืบสวนสอบสวนเข้าพบ นอภ.เมืองกาญจน์ พร้อมพนักงานสอบสวน ติดตามคดีแจ้งจับขบวนการปลอมแปลงบัตรประจำตัวแรงงานต่างด้าผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน



ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเมื่อวันที่ 7 ก.พ.58 ที่ผ่านมา นายศรัทธา คชพลายุกต์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี พร้อมด้วย นายสรธร บ่อเกิด ปลัดอำเภอเมืองกาญจนบุรี หัวหน้าฝ่ายทะเบียนและบัตร นำเอกสาร จำนวน 5,000 หน้า เข้าพบ พ.ต.อ.นคร พักไพโรจน์ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อแจ้งความดำเนินคดีขบวนการปลอมแปลงบัตรประจำตัวประชาชนของบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎรรายใหญ่ ซึ่งมีข้าราชการระดับปลัดอำเภอ (เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ) 6 ราย อดีตกำนัน 1 ราย ผู้ใหญ่บ้าน 2 ราย พลเรือน 6 ราย และบุคคลต่างด้าว 421 คน

เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (10 ก.พ.) พ.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ รอง ผบ.พล.ร.9 ได้เข้าประชุมร่วมกับ นายศรัทธา คชพลายุกต์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี พ.ต.อ.พิศุทธ์ ศุกระศร ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี ที่ห้องประชุมชั่วคราวของร้านอาหารแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.หนองหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี โดยใช้เวลาในการหารือเกี่ยวกับการเรื่องการร้องทุกข์กล่าวโทษในคดีดังกล่าว นานกว่า 2 ชั่วโมง

พ.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ รอง ผบ.พล.ร.9 ค่ายสุรสีห์ เปิดเผยภายหลังว่า พล.ต.ณัฐ อินทรเจริญ ผบ.พล.ร.9 ค่ายสุรสีห์ ให้ความสำคัญต่อปัญหาดังกล่าวเป็นอย่างมาก จึงให้ตนประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยเฉพาะอำเภอเมืองกาญจนบุรีซึ่งเป็นผู้เสียหายโดยตรง ในส่วนของทหาร ซึ่ง พล.ต.ณัฐ อินทรเจริญ ผบ.พล.ร.9 กกล.สุรสีห์ ได้สั่งการให้ดำเนินการตรวจสอบในพื้นที่รับผิดชอบทั้ง 4 จังหวัดอย่างเข้มข้น ประกอบด้วย จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดราชบุรี จังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดนทั้งหมด

ด้าน นายประสาน นิยมทรัพย์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) กาญจนบุรี อดีตกำนันตำบลเกาะสำโรง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการกระทำผิดในครั้งนี้ ขณะนั้นตนมีตำแหน่งเป็นกำนันตำบลเกาะสำโรง ทำหน้าที่ตามที่ทางอำเภอสั่งการมาเพื่อให้ตนตรวจสอบบุคคลต่างด้าวในพื้นที่ที่มีสิทธิตามกฎหมาย เพื่อแจ้งรายชื่อบุคคลต่างด้าวในพื้นที่ที่ตนเองรับผิดชอบ และเมื่อเสนอรายชื่อให้ทางอำเภอพิจารณา ก็จะมีขั้นตอนในการดำเนินของปลัดอำเภอ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

ทางอำเภอจะมาเหมารวมว่าเป็นกลุ่มแก๊งขบวนการแบบนี้ไม่น่าจะถูกต้อง เพราะกำนันผู้ใหญ่บ้านทำหน้าที่แบบหนึ่ง แต่ในส่วนของปลัดอำเภอ และเจ้าหน้าที่ก็มีหน้าที่ในการปฏิบัติอีกแบบหนึ่ง อย่างกรณีของตนใช้คอมพิวเตอร์ยังไม่เป็นดันโดนกล่าวหาว่ากระทำผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แบบนี้ไม่น่าจะเป็นธรรมต่อตน และอีกหลายๆ คน

“ผมมองว่าในการแจ้งความในครั้งนี้ผมไม่ได้รับความเป็นธรรม และคงต้องใช้สิทธิในการดำเนินการตามทางศาลปกครองเพื่อคุ้มครองเกี่ยวกับขั้นตอนในการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ตอนนี้กำลังปรึกษาในส่วนของทนายที่จะใช้สิทธิในช่องทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องในเร็วๆ นี้ต่อไป” นายประสาน นิยมทรัพย์ ส.อบจ.กาญจนบุรี เผย

ต่อมา เวลา 15.30 น.วันเดียวกันนี้ นายรักษ์กล้า สถานสุข น.ส.ชิยา ศิริรักษ์ และนางปวีณา ศิริพาณิช นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เข้าพบ พ.ต.อ.นคร พักไพโรจน์ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อขอข้อมูลการรับเรื่องราวร้องทุกข์จากกรณีที่ นายศรัทธา คชพลายุกต์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี และนายสรธร บ่อเกิด ปลัดอำเภอเมืองกาญจนบุรี หัวหน้าฝ่ายทะเบียนและบัตร ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อข้าราชการระดับตำแหน่งปลัดอำเภอ (เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ) 6 ราย อดีตกำนัน 1 ราย ผู้ใหญ่บ้าน 2 ราย พลเรือน 6 ราย และบุคคลต่างด้าว 421 คน เมื่อวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาสอบถามข้อมูลจาก พ.ต.อ.นคร ประมาณ 20 นาที จึงแล้วเสร็จ โดยเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.ที่เดินทางมาในครั้งนี้ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดให้ผู้สื่อข่าวทราบแต่อย่างใด

ต่อมา เมื่อเวลา 16.00 น. คณะดังกล่าวได้เดินทางเข้าพบ นายศรัทธา คชพลายุกต์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี และนายสรธร บ่อเกิด ที่ที่ว่าการอำเภอเมืองกาญจนบุรี เพื่อสอบถามและขอข้อมูลรายละเอียดเบื้องต้นเช่นกัน โดย นายศรัทธา ได้อธิบายสาเหตุ และขั้นตอนการทุจริตของขบวนการดังกล่าวทุกอย่างให้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.ได้รับทราบอย่างละเอียด โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที

จากนั้นเจ้าหน้าที่ นายรักษ์กล้า สถานสุข นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) จึงได้รายงานให้ นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการ ปปท.และฝ่ายเลขานุการ ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ทราบตามที่ได้รับมอบหมาย เพื่อจะได้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง ให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว

สำหรับเอกสารทั้งหมด 5,000 หน้า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดของพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี โดย พ.ต.อ.นคร พักไพโรจน์ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ คาดว่าประมาณกลางเดือน ก.พ.58 จะสามารถส่งให้แก่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ส่วนกลางได้

ภาพจากแฟ้ม
กำลังโหลดความคิดเห็น