xs
xsm
sm
md
lg

จับรถตู้ติดสติกเกอร์สมอเรือวันที่ 2 พบชาวลาวแฝงตัวทำงานอื้อ เตรียมฟันนายจ้างทุกราย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กาญจนบุรี - นอภ.เมืองนำทีมจับรถตู้โดยสารติดสติกเกอร์สมอเรือเป็นวันที่ 2 สั่งสอบประวัติชาวลาวที่ปั๊มพาสปอร์ตท่องเที่ยว พบแฝงตัวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต เตรียมขยายผลดำเนินคดีนายจ้างทุกราย



จากกรณีวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายศรัทธา คชพลายุกต์ นายอำเภอเมือง จ.กาญจนบุรี พร้อมด้วยพ.ท.สถาพร เตี๊ยะเพชรดี ผบ.ควบคุม ร.9 พัน 1 กองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ พ.ต.ท.สุรัตน์ ประทุมแก้ว รอง ผกก.จร.สภ.เมือง พ.ต.ต.อุทัย อินทรักษ์ สวป.สภ.เมือง ร.ต.อ.อำพร มุสักพันธ์ รอง สว.ตม.กาญจนบุรี ร.อ.ต่อพงษ์ ศิริลัย ผบ.ร้อย ทพ.ที่ 1405 ร.ท.รตินนท์ เสนาณรงค์ ผบ.ร้อย รส.ร.9.พัน 1 กองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์

นายนพดล กาญจนกุล เจ้าหน้าที่ขนส่งจังหวัด นายสุวิทย์ มากแก้ว ปลัดอำเภอเมือง นายประสาน สงวนพันธุ์ นายก อบต.บ้านเก่า นายอภิรัฐ สงบจิต ผู้ใหญ่บ้านบ้านพุน้ำร้อน หมู่ 12 ต.บ้านเก่า ตั้งจุดตรวจจุดสกัดที่บริเวณ 3 แยกอนามัยบ้านพุน้ำร้อน หมู่ 12 ต.บ้านเก่า อ.เมือง ห่างจากชายแดนบ้านพุน้ำร้อน ประมาณ 4 กิโลเมตร สามารถจับกุมรถยนต์ตู้โดยสารที่วิ่งนอกเส้นทางนำแรงงานชาวลาวที่มาปั๊มพาสปอร์ตที่ด่าน ตม.บ้านพุน้ำร้อน และด่าน ตม.ประเทศเพื่อนบ้าน และนำมาเปรียบเทียบปรับได้กว่า 30 คัน พร้อมทั้งทำประวัติรถยนต์ และพนักงานขับรถเอาไว้นั้น

ล่าสุด เมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ (9 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่ชุดเดียวกันได้เฝ้าระวังการกระทำผิดกฎหมายอย่างใกล้ชิด เนื่องจากสืบทราบว่า ยังมีขบวนการดังกล่าวรอจังหวะเจ้าหน้าที่เผลอนำแรงงานชาวลาวขึ้นมายังฝั่งไทยอีกจำนวนมาก ครั้งนี้ นายศรัทธา ได้เชิญนายเรืองยศ ตีวกุล จัดหางานจังหวัด พร้อมเจ้าหน้าที่มาร่วมดำเนินการด้วย เพราะต้องการให้จัดหางานสอบประวัติของแรงงานทั้งหมด ว่า เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในราชอาณาจักรไทยตามที่กล่าวอ้าง หรือทำพาสปอร์ตนักท่องเที่ยวแล้วแฝงตัวเข้ามาทำงานกันแน่ ซึ่งครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้นำคนขับพร้อมรถยนต์ตู้โดยสาร รวมทั้งแรงงานชาวลาวทั้งหมดมาที่องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านเก่า เพื่อทำการสอบปากคำและตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียด

นายศรัทธา กล่าวว่า หลังจากวานนี้สามารถจับกุมรถยนต์ตู้โดยสารได้จำนวนมาก และให้เจ้าหน้าที่ขนส่งจังหวัดเป็นหน่วยงานเปรียบเทียบปรับตามความผิดที่ปรากฏ เช่น นำรถยนต์ตู้โดยสารที่ส่วนใหญ่ติดสติกเกอร์สมอเรือวิ่งนอกเส้นทาง รวมทั้งบรรทุกผู้โดยสารเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งอัตราโทษปรับรวมกันแล้วสูงถึง 8,000 บาท และได้ทำประวัติพร้อมทั้งกล่าวตักเตือนไปแล้ว แต่คนขับรถยนต์ตู้ก็ไม่สนใจยังมากระทำผิดซ้ำขึ้นอีก แต่เราก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ได้เพียงแต่เปรียบเทียบปรับเท่านั้น

“วันนี้ก็เช่นกัน เราได้สนธิกำลังกันตั้งด่านตรวจสอบตั้งแต่เมื่อวาน จนถึงเวลานี้เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ได้พักผ่อน เพราะทราบว่า ยังมีกลุ่มรถยนต์ตู้โดยสารอยู่ในเขตประเทศเพื่อนบ้านยังไม่ข้ามเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งเราทุกคนทำงานกันอย่างเข้มแข็ง รอจนกว่ารถตู้ขึ้นมายังฝั่งไทย”

ในที่สุดมีรถยนต์ตู้เกือบ 30 คัน ที่มีทั้งขึ้นมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน และเดินทางมาจาก กทม.และปริมณฑล ผู้โดยสารเป็นแรงงานชาวลาว มีทั้งหญิง และชายรวมทั้งเด็กเล็กอยู่ด้วยรวมเกือบ 500 คน และจากการตรวจสอบพบว่า รถยนต์ตู้ที่มาจาก กทม.และปริมณฑล รวมทั้งคนขับ เคยถูกเปรียบเทียบปรับไปเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา ดังนั้น จึงนำแรงงานทั้งหมดมาสอบปากคำเพื่อให้ทราบข้อเท็จจริง

เบื้องต้นต้องยอมรับว่า จากการตรวจสอบพาสปอร์ตทุกคนเดินทางเข้ามาถูกต้องตามกฎหมาย ลักษณะเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นเวลา 30 วัน แต่จากการสอบถามข้อเท็จจริง พบว่าทั้งหมดทำพาสปอร์ตเข้ามาเที่ยว แต่แฝงตัวเข้าไปทำงานใน กทม.และปริมณฑล หลังจากพาสปอร์ตหมดอายุก็เดินทางมาปั๊มพาสปอร์ตเพื่ออยู่ในประเทศไทยอีก 30 วัน ยังพบว่า หลายคนทำเช่นนี้มานานกว่า 5 ปี แต่ก็มีชาวลาวบางส่วนเข้ามาทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

สำหรับปัญหาของแรงงานต่างด้าวชาวพม่า พบว่า มีจำนวนมากที่อาศัยทำบอร์ดี้พาสต์เข้ามาท่องเที่ยวใน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งสามารถอยู่ได้ 7 วัน หรือ 15 วัน แต่ฉวยโอกาสนี้หลบหนีเข้าไปทำงานตามจังหวัดต่างๆ รวมทั้ง กทม.และปริมณฑล ซึ่งนายวันชัย โอสุคนธ์ทิพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้สั่งการให้เร่งหาข้อมูลรวมทั้งรายงานให้ทราบทุกขั้นตอน ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนจะร่วมกันทำงานจนกว่าปัญหาจะหมดไป ไม่รู้สึกหนักใจแต่อย่างใด

ด้าน นายเรืองยศ ตีวกุล จัดหางานจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า วันนี้ได้นำเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบประวัติแรงงานชาวลาวทุกคนเพื่อให้ทราบว่าทำงานอยู่พื้นที่ใด ใครเป็นนายจ้าง เบื้องต้นปรากฏว่า มีชาวลาวส่วนใหญ่มีหนังสือเดินทางมาที่บ้านพุน้ำร้อนถูกต้อง และบางส่วนที่มีใบอนุญาตทำงานถูกต้อง บางส่วนเข้ามาทำงานในราชอาณาจักรไทยโดยไม่มีใบอนุญาต ซึ่งจะได้แจ้งไปยังจัดหางานจังหวัดนั้น ให้ไปตรวจสอบให้ทราบว่า นายจ้าง หรือสถานประกอบเป็นใคร ซึ่งแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานโดยผิดกฎหมาย จะถูกปรับเป็นเงิน 2,000-20,000 บาท และถูกดำเนินคดี ผลักดันออกนอกประเทศ สำหรับนายจ้างจะถูกปรับตั้งแต่ 10,000-100,000 บาท



กำลังโหลดความคิดเห็น