xs
xsm
sm
md
lg

กลุ่มนักธุรกิจกาญจน์รวมตัวค้านแนวถนนมอเตอร์เวย์สายกาญจนบุรี-ชายแดนบ้านพุน้ำร้อน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสรรเพชร ศลิษฏ์อรรถกร ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี คนที่ 2 จากซ้าย
กาญจนบุรี - กลุ่มนักธุรกิจภาคเอกชนในนามกลุ่มเครือข่ายชาวกาญจนบุรี รวมตัวค้านแนวถนนมอเตอร์เวย์ สายกาญจนบุรี-ชายแดนบ้านพุน้ำร้อน จากแนวถนนเส้นทางเลือกที่ 4 ให้หันมาใช้ตามแนวทางเลือกที่ 1 แทน เนื่องจากตามแนวถนนทางเลือกที่ 1 จะผ่านพื้นที่สำนักงานราชพัสดุเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ค่าใช้จ่ายในการเวนคืนที่ดินน้อยกว่าแนวทางที่ 4 อีกทั้งยังเป็นเส้นทางช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ตอนบนของกาญจนบุรีด้วย เตรียมยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมทางหลวงให้ทบทวน 29 พ.ค.นี้ ขู่หากไม่สำเร็จพร้อมยกระดับคัดค้านเต็มที่

เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (20 พ.ค.) ที่ห้องประชุมหอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี กลุ่มนักธุรกิจภาคเอกชนจังหวัดกาญจนบุรี ในนามกลุ่มเครือข่ายชาวกาญจนบุรี ประกอบด้วย นายสรรเพชร ศลิษฏ์อรรถกร ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี นายวิเชียร เจนตระกูลโรจน์ สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี นายทรงวุฒิ ศีลแดนจันทร์ สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี และนายประสาน สงวนพันธ์ นายกองค์การบริหารสวนตำบล (อบต.) บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ได้มีการประชุมเพื่อคัดค้านแนวถนนเส้นทางโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายกาญจนบุรี-ชายแดนไทย/พม่า (บ้านพุน้ำร้อน) อ.เมือง จ.กาญจนบุรี โดยที่ประชุมได้มีมติคัดค้านกรมทางหลวง ที่เลือกแนวถนนเส้นทางเลือกที่ 4 เพื่อให้หันมาใช้แนวถนนเส้นทางเลือกที่ 1 แทน โดยใช้เวลาประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง

นายสรรเพชร ศลิษฏ์อรรถกร ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยหลังการประชุมว่า การประชุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา ทางกรมทางหลวง โดยบริษัทที่ปรึกษาได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน และมีการกำหนดแนวเส้นทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองกาญจนบุรี-ชายแดนบ้านพุน้ำร้อน โดยกำหนดแนวถนนเส้นทางที่ 4 ซึ่งเป็นเส้นทางที่ไม่สอดคล้องต่อความต้องการของประชาชน และมีผลกระทบต่อสิทธิชุมชน ดังนั้น วันนี้ทางเครือข่ายภาคเอกชนจังหวัดกาญจนบุรี จึงได้นัดประชุมหารือเพื่อคัดค้านแนวคิดดังกล่าว

“การประชุมสรุปผลการคัดเลือกแนวเส้นทางที่เหมาะสมครั้งที่ 2 การศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม และผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายกาญจนบุรี-ชายแดนไทย/พม่า (บ้านพุน้ำร้อน) ที่ห้องประชุมชั้น 5 โรงแรมราชศุภมิตร อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 15 พ.ค.57 โดยที่ประชุมได้มีมติคัดเลือกแนวถนนเส้นทางที่ 4 ว่า มีความเหมาะสมที่สุดนั้น

ในนามของภาคเอกชนหลักของจังหวัดกาญจนบุรี ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี หอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี และสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี ที่ได้มีการประชุมหารือ และได้พิจารณาในเหตุผลของการดำเนินโครงการในวันนี้ ที่ประชุมมีความเห็นสอดคล้องกันที่จะสนับสนุนให้มีการดำเนินโครงการตามแนวถนนเส้นทางเลือกที่ 1 เนื่องจากถนนเส้นทางเลือกที่ 1 มีเหตุผลประกอบตามยุทธศาสตร์จังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดกาญจนบุรีก็เน้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยว ซึ่งมีมากกว่า 60-70%” นายสรรเพชร กล่าว

ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังเห็นว่า การดำเนินโครงการตามแนวถนนเส้นทางเลือกที่ 1 ยังจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวในเขตตอนบนในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ประกอบด้วย อ.บ่อพลอย อ.ศรีสวัสดิ์ อ.ไทรโยค อ.ทองผาภูมิ และ อ.สังขละบุรีด้วย อีกทั้งตามแนวถนนเส้นทางเลือกที่ 1 นั้นจะผ่านพื้นที่ของสำนักงานราชพัสดุเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายในการเวนคืนที่ดินย่อมมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าแนวถนนเส้นทางเลือกที่ 4 ซึ่งจะเป็นการช่วยประหยัดงบประมาณของรัฐอีกด้วย

นายสรรเพชร กล่าวต่ออีกว่า กรณีการสำรวจแนวทางเลือกที่ 1 ซึ่งปรากฏในภายหลังว่าต้องมีการสร้างอุโมงค์นั้นสามารถกระทำได้โดยวิธีการอื่นที่จะทำให้ต้นทุนการดำเนินการลดลง ไม่จำเป็นต้องลงทุนให้เกิดค่าใช้จ่ายที่สูงเกินความจำเป็น คณะทำงานของบริษัทที่เคยปรึกษาเคยเข้ามารับฟังความคิดเห็นในพื้นที่แล้ว

แต่เมื่อต้องสรุปรายงานดังกล่าวอีกครั้ง กลับไม่ยอมรับฟังในแนวทางที่ได้รับการเสนอจากทางภาคเอกชนหลักของจังหวัด จึงเป็นเหตุให้ภาคเอกชนหลักในจังหวัดกาญจนบุรี ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน เกิดข้อสงสัยในการดำเนินการต่อเรื่องการให้คะแนนในการเลือกเส้นทางดังกล่าวว่าอาจจะมีผลประโยชน์แอบแฝง

ภาคเอกชนหลักของจังหวัดกาญจนบุรี ในฐานะตัวแทนของคนในจังหวัดกาญจนบุรี จึงขอให้กรมทางหลวงได้พิจารณาทบทวน และยกเลิกการดำเนินโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายกาญจนบุรี-ชายแดนบ้านพุน้ำร้อน จากแนวเส้นทางเลือกที่ 4 และขอสนับสนุนการดำเนินโครงการดังกล่าวตามแนวเส้นทางเลือกที่ 1 แทน

“หากการคัดค้านของเราไม่สำเร็จ จะมีการนัดรวมตัวชุมนุมของทุกภาคส่วนอีกครั้งหนึ่งภายในวันที่ 29 พ.ค.นี้ เวลาประมาณ 09.00 น.ที่ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี โดยพวกเราจะรวมตัวคัดค้านอย่างถึงที่สุด” นายสรรเพชร กล่าว

อนึ่ง เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา นายทองธนา ตันติอาภากุล ผู้อำนวยการแขวงการทางกาญจนบุรี กรมทางหลวง ได้เป็นประธานการประชุมสรุปผลการคัดเลือกแนวเส้นทางที่เหมาะสมครั้งที่ 2 การศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม และผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายกาญจนบุรี-ชายแดนไทย/พม่า (บ้านพุน้ำร้อน) ห้องประชุมชั้น 5 โรงแรมราชศุภมิตร อ.เมือง จ.กาญจนบุรี โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หอการค้า สภาอุตสาหกรรม และประชาชนที่สนใจกว่า 800 คน เข้าร่วมในการประชุมในครั้งนี้

โดยนายสมศักดิ์ บุญประทานพร ผู้อำนวยการกลุ่มงานประเมินผล สำนักวางแผนกรมทางหลวง เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีการดำเนินการก่อสร้างโครงการ Land Bridge ทวาย-กาญจนบุรี จากเมืองทวาย มายังบ้านพุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี ระยะทาง 160 กิโลเมตร ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการคมนาคมขนส่งบนโครงข่ายทางหลวงที่สำคัญระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน กรมทางหลวงจึงมีความจำเป็นต้องพัฒนาทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ซึ่งเป็นระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพสูง รวดเร็ว และปลอดภัยเพื่อเชื่อมต่อไปยังท่าเรือน้ำลึกทวาย

โดยกรมทางหลวง ได้ดำเนินการศึกษาสำรวจออกแบบรายละเอียดโครงการทางหลวงพิเศษสายบางใหญ่-กาญจนบุรีแล้วเสร็จ ดังนั้น กรมทางหลวง และคณะที่ปรึกษาได้ดำเนินงานศึกษาโครงข่าย และรูปแบบการพัฒนาที่เหมาะสมของโครงการเพื่อกำหนดทางเลือก หลักเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกแนวเส้นทางโครงการ พร้อมทั้งวิเคราะห์เปรียบเทียบทางด้านวิศวกรรม และการจราจรขนส่ง ด้านเศรษฐกิจ และการลงทุน รวมทั้งด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ได้แนวทางเลือกที่มีความเหมาะสมที่สุด

โดยแนวทางเลือกที่มีคะแนนรวมมากที่สุดจะได้รับการคัดเลือกเพื่อใช้ในการดำเนินงานศึกษาทางทางด้านวิศวกรรม การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) การศึกษาและจัดทำแผนการพัฒนา และรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสม รวมทั้งเสนอแนะรูปแบบการบริหารและการจัดการที่สอดคล้องกับลักษณะของโครงการ โดยผู้คนในท้องถิ่นจะมีโอกาสได้รับรู้ ร่วมคิดร่วมแสดงความคิดเห็นต่อผลการศึกษาโครงการในทุกขั้นตอนผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนตลอดระยะเวลาในการดำเนินการศึกษาโครงการ เพื่อให้ได้แนวทางการดำเนินโครงการที่เหมาะสม และเป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่าย

โดยจากข้อมูลพบว่า เส้นทางเลือกสายที่ 4 มีความเหมาะสมที่สุด โดยหลังจากนี้จะนำข้อมูลสรุปรายงานต่อคณะกรรมการกลางเพื่อพิจารณา และทำ EIA ต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น