กาญจนบุรี - หอการค้า อุตสาหกรรม สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยว องค์กรชุมชนตำบล เข้าพบผู้ว่าฯ กาญจนบุรี ค้านโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายกาญจนบุรี-ชายแดนไทย-พม่า บ้านพุน้ำร้อน ส่วนขยายทางเลือกที่ 4 หนุนเลือกส่วนขยายทางเลือกที่ 1 แทน เหตุผลกระทบน้อยกว่า
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (27 พ.ย.) นายธีรชัย ชุติมันต์ ประธานหอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี นายสรรเพชญ ศลิษฏ์อรรถกร ประธานสภาอุตสาหกรรมกาญจนบุรี นายวิเชียร เจนตระกูลโรจน์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี นายชุมพล เปาประดิษฐ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมกาญจนบุรี นายพิพัฒน์ แก้วจิตรคงทอง ประธานคณะทำงานภาคประชาสังคม สภาพัฒนาการเมือง นางลำไย โพธิ์ศรีทอง ประธานสภาองค์กรชุมชนตำบล จังหวัดกาญจนบุรี นางจารุวรรณ นาคะพันธุ์ รองประธานสภาองค์กรชุมชนตำบล จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมคณะ
ได้เข้าพบ นายวันชัย โอสุคนธ์ทิพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ที่ห้องประชุมมณีเมืองกาญจน์ ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อคัดค้านการดำเนินการก่อสร้างโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายกาญจนบุรี-ชายแดนไทย-พม่า (บ้านพุน้ำร้อน) ส่วนขยายทางเลือกที่ 4 หนุนส่วนขยายทางเลือกที่ 1 เหตุผลกระทบน้อยกว่า วอนรัฐบาลพิจารณาทบทวนใหม่
นายธีรชัย ชุติมันต์ ประธานหอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า เราไม่เห็นด้วยต่อบริษัทที่ปรึกษาที่เลือกใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ส่วนขายโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายกาญจนบุรี-ชายแดนไทย-พม่า (บ้านพุน้ำร้อน) ในแนวเส้นทางที่ 4 ในนามของภาคเอกชนหลักของจังหวัดกาญจนบุรี
ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมกาญจนบุรี หอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี และสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี ได้มีความเห็นที่สอดคล้องกันต่อโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายกาญจนบุรี-ชายแดนบ้านพุน้ำร้อน ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ที่ผ่านมา เราได้ทักท้วงทั้งทางวาจา และหนังสือตั้งแต่ครั้งแรกที่เริ่มมีการสรุปแนวทางสร้างถนนมอเตอร์เวย์ช่วงต่อขยาย ซึ่งได้มีการเสนอแนวทางให้เลือก 4 แนวทาง
นายธีรชัย ชุติมันต์ ประธานหอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวต่อว่า การศึกษาที่ผ่านมาทางบริษัทที่ปรึกษาได้มุ่งไปที่เส้นทางเลือกแนวที่ 4 พวกเราเห็นว่ามีเรื่องผิดปกติอยู่ 3 ประการ ในการศึกษานั้นน่าจะไม่ถูกต้อง พวกเราก็ได้ทักท้วงไป จนล่าสุด ทางอธิบดีกรมทางหลวง ก็ให้ทางบริษัทที่ปรึกษากลับมาทบทวนกับคนท้องถิ่น หรือคนในพื้นที่ โดยเฉพาะภาคเอกชนในพื้นที่ เราเคยคุยกันมาแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งเราได้ชี้แจง และทักท้วงในประเด็นที่มันไม่ถูกต้อง รวมทั้งสอบถามว่าทำไมจึงเลือกใช้แนวเส้นทางเลือกที่ 4 ซึ่งทางบริษัทที่ปรึกษาก็ตอบเราไม่ได้ สุดท้ายเรื่องก็เงียบไป
“หลังจากนั้นทราบข่าวว่าได้มีการดำเนินการในเรื่องของการจะไม่พิจารณาแนวเศรษฐกิจในจังหวัดกาญจนบุรี โดยจะยึดแนวทางถนนมอเตอร์เวย์ช่วงต่อขยายเป็นแนวที่ 4 และเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทราบว่ามีบริษัทที่ปรึกษาเดินทางเข้ามาสำรวจเส้นทางจาก ต.กลอนโด อ.ด่านมะขามเตี้ย ไปถึงบ้านพุน้ำร้อน ต.บ้านเก่า ซึ่งเป็นถนนสายที่ 4 ดูเหมือนกับเป็นการชี้ชัดว่าจะเลือกใช้ถนนทางเลือกแนวทางสายที่ 4 อย่างแน่นอน ทางเราจึงเกิดความร้อนใจ เพราะว่าเท่าที่เราได้พูดคุยกันในองค์กรภาคเอกชน องค์กรภาคประชาชน และภาคประชาสังคม ต่างแสดงความไม่เห็นด้วยที่ถนนมอเตอร์เวย์แนวต่อขยายจะใช้แนวทางเลือกที่ 4”
นายสรรเพชญ ศลิษฏ์อรรถกร ประธานสภาอุตสาหกรรมกาญจนบุรี กล่าวว่า การดำเนินการโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายกาญจนบุรี-ชายแดนไทย-พม่า (บ้านพุน้ำร้อน) เรามองว่าเป็นการดำเนินการที่เร่งรัดเกินไปมีข้อน่าสงสัยในประเด็นต่างๆ หลายประการ เพราะการเลือกแนวเส้นทางเลือกที่ 4 นั้นส่งผลกระทบมากมาย คือ
1.แนวเส้นทางดังกล่าวจะต้องผ่านที่ดินของชาวบ้านมากมาย ซึ่งแน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ วิถีสังคมที่เปลี่ยนไป และที่สำคัญรัฐจะต้องใช้เงินงบประมาณที่จะต้องมากกว่าแนวเส้นทางเลือกที่ 1 ในด้านการเวนคืนที่ดิน
2.แนวเส้นทางดังกล่าวจะทำให้ขวางเส้นทางการเดินของน้ำ ระบายน้ำตามธรรมชาติ หากดำเนินโครงการนี้แล้วย่อมมีโอกาสส่งผลกระทบในเรื่องการระบายน้ำ จะทำให้น้ำท่วมพื้นที่อยู่อาศัยของประชาชน รวมทั้งพื้นที่ทางการเกษตรที่มีอยู่มากมาย
3.เส้นทางดังกล่าวเป็นแหล่งการเกษตรที่สำคัญ บางส่วนเป็นพื้นที่น้ำท่วม และจะกลายเป็นแหล่งพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากในอนาคต หากมีโครงการนี้จะส่งผลเสียมากกว่าผลดีที่ได้รับ
4.หากมีการก่อสร้างโครงการในแนวทางดังกล่าว สิ่งที่ตามมาคือ ผลกระทบทางด้านเสียง ฝุ่นละออง และมลพิษทางอากาศ เนื่องจากแนวพัดของลมตะวันตกเฉียงใต้ จะส่งผลต่อชาวจังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดใกล้เคียงเป็นอย่างมาก
และ 5.จากการได้ติดตาม และสอบถามการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ และภาคประชาสังคมในพื้นที่ ซึ่งเมื่อวันที่ 15 พ.ค.57 ที่ผ่านมา ภาคเอกชนจังหวัดกาญจนบุรี ได้จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนขึ้นมา และได้มีผู้แทน ทั้งผู้บริหารท้องถิ่น และประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แนวเส้นทางส่วนขยายแนวทางเลือกที่ 4 ทุกคนต่างไม่ยอมรับ และไม่เห็นด้วยต่อการดำเนินการ เพราะจะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตปกติเป็นอย่างมาก ซึ่งในวันนั้นมีตัวแทนจากบริษัทที่ปรึกษาโครงการฯ เข้ามาร่วมรับฟังด้วย แต่ไม่ยอมรับความจริงในทุกเรื่องที่ประชาชนออกมาแสดงความคิดเห็นไม่เห็นด้วย
ส่วนการที่เราสนับสนุนให้ดำเนินโครงการตามแนวเส้นทางเลือกที่ 1 มีเหตุผลประกอบคือ
1.ตามยุทธศาสตร์ของจังหวัดกาญจนบุรี เน้นการเจริญเดิบโตทางเศรษฐกิจท่องเที่ยว ซึ่งมีมากกว่า 60 ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ การดำเนินการตามแนวเส้นทางที่ 1 จะช่วยส่งเสริมให้การท่องเที่ยวในเขตพื่นที่อำเภอตอนบนของจังหวัดกาญจนบุรี คือ อำเภอบ่อพลอย อำเภอศรีสวัสดิ์ อำเภอไทรโยค อำเภอทองผาภูมิ และอำเภอสังขละบุรี ได้เป็นที่รู้จัก และการเดินทางก็จะเข้าถึงง่ายขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
2.หากโครงการดังกล่าวเลือกแนวเส้นทางเลือกที่ 1 ตลอดเส้นทางจะผ่านพื้นที่ของที่ดินราชพัสดุเป็นส่วนใหญ่ แน่นอนว่า ค่าใช้จ่ายในการเวนคืนที่ดินย่อมมีน้อยกว่าแนวเส้นทางเลือกที่ 4 อย่างแน่นอน
3.กรณีการสำรวจแนวเส้นทางเลือกที่ 1 ซึ่งปรากฏในภายหลังว่า ต้องมีการสร้างอุโมงค์นั้น สามารถกระทำได้โดยวีธีการอื่นที่จะทำให้ต้นทุนการดำเนินการนั้นลดลง เช่น การเลี่ยงใช้การตัดถนนอ้อมจุดที่จะต้องสร้างอุโมงค์ หรืออาจจะหลบด้วยวิธีการอื่นใดทางด้านวิศวกรรมโยธาที่เป็นไปได้ จึงเห็นได้ว่า ไม่จำเป็นต้องลงทุนให้เกิดค่าใช้จ่ายสูงมากเกินความจำเป็น
เหตุผลทั้ง 3 ประเด็นข้างต้น บริษัทที่ปรึกษาโครงการเคยรับฟังแล้ว แต่เมื่อจะต้องสรุปรายงานดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง บริษัทที่ปรึกษาก็ไม่ยอมรับฟังในแนวทางที่เราเสนอ จึงเป็นเหตุให้ภาคเอกชนหลักของจังหวัดกาญจนบุรี เกิดข้อสงสัยในการดำเนินการต่อเรื่องการให้คะแนนในการเลือกเส้นทางดังกล่าวว่า อาจจะมีลับลมคมใน และที่สำคัญอาจจะมีผลประโยชน์แอบแฝง และมีธงในการดำเนินการในโครงการนี้เอาไว้แล้ว เพราะผู้ดำเนินการไม่ยอมเปิดเผยแนวทางรายละเอียดในการให้คะแนนแต่ละแนวเส้นทางให้รับรู้แต่อย่างใด
จากเหตุผลทั้งหมด จึงขอเรียกร้องไปยังอธิบดีกรมทางหลวง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และรัฐบาล ช่วยพิจารณากลับมาใช้แนวทางเลือกเส้นทางที่ 1 ตามเหตุผลดังกล่าวอย่างเร่งด่วน เพื่อประโยชน์ของชาวจังหวัดกาญจนบุรีโดยตรง
ด้าน นายวันชัย โอสุคนธ์ทิพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า หลังจากรับทราบข้อมูล และเหตุผลดังกล่าวแล้ว ตนจะเร่งดำเนินการยื่นเอกสารที่ได้รับทั้งหมดให้แก่ผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจโดยเร็ว คาดว่าภายใน 1 ถึง 2 วัน อธิบดีกรมทางหลวง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และรัฐบาล คงจะได้รับหนังสืออย่างแน่นอน ส่วนผลจะออกมาอย่างไรจะต้องรอฟังอีกครั้งหนึ่ง