“ประวิตร” ลงพื้นที่กาญจนบุรีตรวจดูเขตเศรษฐกิจพิเศษ ประชุมมอบนโยบาย เผยประชุมความมั่นคงถ่ายทอดคำสั่งนายกฯ ไม่ได้กำชับอะไรพิเศษ ให้ถาม กกต.ปมตีความ ม.61 พ.ร.บ.ประชามติ ยันไม่ขัดแย้ง ลั่นคุมสถานการณ์อยู่ ขอรอให้ได้ รธน.ก่อนอยากทำอะไรก็ทำ รับเรื่องธรรมดาไม่สงบโรดแมปเดินต่อไม่ได้ ต้องทำให้เกิดความสงบ ชมอธิบดีสรรพากรแจ้งจับคนอ้างชื่อตน ย้ำไม่ใช้ใครส่งเดช
วันนี้ (2 มิ.ย.) ที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ไปยังจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อตรวจด่านชายแดนบ้านพุน้ำร้อน และเดินทางโดยรถยนต์ตรวจเยี่ยมกำลังพลที่ค่ายภานุรังษี จังหวัดราชบุรี พร้อมประชุมและมอบนโยบายการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคให้แก่ผู้ว่าราชการภายในเขตราชการที่ 4 ประกอบด้วย จังหวัดราชบุรี นครปฐม กาญจนบุรี และสุพรรณบุรี และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ณ ศาลากลางจังหวัดราชบุรี
โดย พล.อ.ประวิตรกล่าวก่อนเดินทางถึงการลงพื้นที่ว่า ตนจะไปดูในพื้นที่ที่ตนรับผิดชอบเขตเศรษฐกิจพิเศษรวมถึงความเป็นอยู่ประชาชน รวมทั้งได้งบประมาณในการดำเนินงาน สิ่งใดที่เร่งด่วนตนจะใช้งบประมาณดำเนินการในทันที และที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบได้เดินทางลงพื้นที่ไปดำเนินการบ้างแล้ว
พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงการเรียกประชุมหน่วยงานความมั่นคง และผู้บัญชาการเหล่าทัพ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ดังนั้นตนจึงเรียกประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพเพื่อถ่ายทอดให้ผู้บังคับหน่วยด้านความมั่นคงได้รับทราบ พร้อมทั้งนำไปชี้แจงให้ผู้ใต้บังคับบัญชารับทราบว่ามีนโยบายเป็นอย่างไร โดยไม่ได้มีการกำชับอะไรเป็นพิเศษ อย่าไปคิดเอาเอง เพราะทุกอย่างต้องทำตามกรอบโรดแมปของรัฐบาล และ คสช.
พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกรณีที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินแถลงผลการประชุมอย่างเป็นมติเอกฉันท์ว่ามาตรา 61 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559 ขัดต่อรัฐธรรมนูญ (ชั่วคราว) มาตรา 4 พร้อมส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้วินิจฉัยว่า ต้องไปถามคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อย่ามาถามตน เพราะ กกต.เป็นผู้บังคับใช้ ส่วนที่หวั่นเกรงว่ามาตราดังกล่าวจะสุ่มเสี่ยงต่อความขัดแย้งนั้น ตนยืนยันว่าไม่มีความขัดแย้ง หาก กกต.ชี้แจงออกมาเป็นอย่างไรต้องว่าไปตามนั้น เพราะเป็นหน้าที่ต้องดำเนินการในการทำประชามติ เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วง
เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ที่จะคุมสถานการณ์ได้ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “มั่นใจสิ ถ้าไม่มั่นใจผมจะมายืนตรงนี้ได้หรือ คิดว่าทุกคนพูดกันรู้เรื่อง มีน้อยคนที่ไม่รู้เรื่อง ไม่เป็นไรหรอก ทุกอย่างต้องทำตามโรดแมป”
เมื่อถามต่อว่าการแสดงความคิดเห็นของนักการเมือง นักวิชาการต่อการทำประชามติที่ปิดกั้นการแสดงความคิดเห็น รองนายกฯ ประวิตรกล่าวว่า ไม่มีอะไร นักวิชาการก็คือนักวิชาการ ชอบวิเคราะห์วิจารณ์ไปตามหลักการ แต่เวลานี้บ้านเมืองอยู่ในช่วงวิกฤต เราต้องการทำให้เกิดความสงบ เพื่อไปสู่การทำประชามติ มีการเลือกตั้ง หากร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ผ่านก็ต้องมีขั้นตอนอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก รอให้ได้รัฐธรรมนูญก่อนอยากจะทำอะไรก็ทำไปเลย
“สำหรับแนวทางที่กำลังดำเนินการอยู่ตอนนี้ ผมยืนยันว่าไม่มีความขัดแย้ง ทุกคนเขาเข้าใจ มีแต่คุณนั่นแหละที่ไม่เข้าใจ ไม่มีหรอกความขัดแย้ง ทุกอย่างต้องทำให้เกิดความสงบ ไปพูดให้เกิดความขัดแย้งทำไม จะมีก็แต่คุณกับผมเท่านั้นแหละที่ขัดแย้ง” พล.อ.ประวิตรกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงประเด็นที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในงานเปิดประชุมประเทศสมาชิก กลุ่มจี 77 ว่าหากประเทศไม่สงบจะอยู่ต่อ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ถ้าไม่สงบโรดแมปก็เดินต่อไม่ได้ เป็นเรื่องธรรมดา ดังนั้นต้องทำทุกอย่างให้เกิดความสงบ จะมีก็แต่คนที่ชอบความขัดแย้ง และไม่อยากเดินไปตามโรดแมป ดังนั้นต้องใช้ คสช.เพื่อทำให้เกิดความสงบ อย่างไรก็ตามตนคิดว่าคนถามนั่นแหละที่ทำให้เกิดความไม่สงบ
พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกรณีที่นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร แจ้งความดำเนินคดีต่อชาย 3 คนที่แอบอ้างเป็นที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร เพื่อเข้ามาติดต่อให้กรมสรรพากรอนุมัติงบประมาณ 23 ล้านบาทจัดซื้อและติดตั้งเครื่องสำรองไฟฟ้าอัตโนมัติ ว่าตอนนี้สามารถจับกุมตัวได้แล้ว ตนเคยบอกแล้วเรื่องการแอบอ้างชื่อก็อ้างกันไป ถ้าหน่วยงานใด หรือเจ้าหน้าที่คนใดเชื่อคนที่แอบอ้างก็ใช่ไม่ได้ ผิดหมด ทั้งนี้หากจะมีโครงการอะไรตนต้องเป็นคนทำหนังสือเอง ไม่ใช้คนส่งเดช ย้ำว่าไม่มีแน่นอน ไปถามได้เลย
“ดีแล้วที่อธิบดีกรมสรรพากรเขาไปแจ้งตำรวจโดยที่ไม่ได้ถามผม จนทำให้จับกุมตัวได้ ผมขอย้ำว่าไม่เคยใช้ใครส่งเดช ไม่เคยใช้ไปทำอะไรทั้งนั้น ดังนั้นอย่าไปเชื่อ นอกจากผมจะสั่งการไปเอง”