รองนายกฯ - รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ชายแดนบ้านพุน้ำร้อน กาญจนบุรี ดูความคืบหน้าเขตเศรษฐกิจพิเศษ พบอยู่ระหว่างส่งมอบพื้นที่หวงห้ามเอาไปพัฒนาศูนย์กลางโลจิสติกส์ จี้เร่งรัดดำเนินงานพร้อมทำความเข้าใจประชาชน ก่อนประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด เขตตรวจราชการที่ 4 แนะสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชนมากขึ้น และทุกโครงการต้องโปร่งใส ไม่มีทุจริตเด็ดขาด
วันนี้ (2 มิ.ย.) พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ จ.กาญจนบุรี และ จ.ราชบุรี เพื่อกำกับติดตามการปฏิบัติราชการในเขตตรวจราชการที่ 4 (ราชบุรี นครปฐม กาญจนบุรี และสุพรรณบุรี) โดยได้เดินทางไปตรวจพื้นที่ด่านชายแดนบ้านพุน้ำร้อน ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เพื่อรับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานพัฒนาเป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งจะเป็นประตูการค้าของภูมิภาคด้านตะวันตก เชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก - ตะวันตก ตอนล่าง (ถึงท่าเรือน้ำลึก และเมืองทวาย สหภาพพม่า) โดยคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ เห็นชอบจัดหาที่ดินและบริหารจัดการที่ดินในพื้นที่ ต.แก่งเสี้ยน และ ต.บ้านเก่า ซึ่งเป็นพื้นที่หวงห้ามตามพระราชกฤษฎีกา จำนวน 8,193 ไร่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการส่งคืนพื้นที่ และเตรียมดำเนินงานตามแผนพัฒนาพื้นที่ โดยจะเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ ซึ่งมีการเชื่อมต่อเส้นทางการคมนาคม ด้วยทางพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) บางใหญ่ - กาญจนบุรี และเส้นทางรถไฟ แหลมฉบัง - พุน้ำร้อน ในอนาคต
พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวย้ำกับหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ว่า ให้เร่งรัดดำเนินงานตามแผนงาน ควบคู่กับการสร้างการรับรู้และความเข้าใจกับประชาชน ถึงประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ประชาชนจะได้รับร่วมกันในอนาคต ขณะเดียวกัน ก็ให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังกับประชาชนที่บุกรุกที่ดิน โดยไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อให้พื้นที่ดังกล่าวสามารถพัฒนาและใช้ประโยชน์ร่วมกันในภาพรวม ทั้งนี้ ความสำเร็จขึ้นอยู่กับความเข้าใจในประโยชน์ร่วมกัน รวมทั้งความร่วมมือของทุกส่วนราชการและประชาชนในพื้นที่
จากนั้น พล.อ.ประวิตร พร้อมคณะ ได้เดินทางไปประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด ในเขตตรวจราชการที่ 4 (ราชบุรี นครปฐม กาญจนบุรี และ สุพรรณบุรี) และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ณ ศาลากลางจังหวัดราชบุรี โดยได้รับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของจังหวัดต่าง ๆ ตามนโยบายของรัฐบาลในการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมและการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน รวมทั้งการแก้ปัญหาตามนโยบายเร่งด่วน ได้แก่ ปัญหาภัยแล้ง ปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ ปัญหาผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น ปัญหายาเสพติด และการบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งแต่ละพื้นที่มีปัญหาและวิธีการที่แตกต่างกัน โดยมีผลคืบหน้าในภาพรวม โดยเฉพาะการปราบปรามผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งประชาชนตอบรับและให้ความร่วมมืออย่างดี สามารถลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ให้ประชาชนมีเสรีในการประกอบสัมมาอาชีพอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมในสังคมได้มากขึ้น
พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณถึงความพยายามร่วมกันของทุกส่วนราชการ ที่ร่วมกันดูแลแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน รวมทั้งร่วมดูแลความปลอดภัยและพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน โดยกล่าวย้ำถึงความพยายามและความมุ่งมั่นของรัฐบาล ที่จะขับเคลื่อนแก้ปัญหาฐานรากของสังคม ในกรอบเวลาที่กำหนด ด้วยแนวทางประชารัฐ จำเป็นต้องสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชนให้มากขึ้น ในการผลักดันพลังความร่วมมือกันของสังคมโดยยึดความต้องการที่แท้จริงของประชาชน เพื่อความเข้มแข็งของสังคมที่ยั่งยืน
ทั้งนี้ ขอให้ทุกส่วนราชการได้บูรณาการทำงานร่วมกันให้มากขึ้นและมีการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง เพื่อร่วมกันสร้างบรรทัดฐานของสังคม และกล่าวย้ำตอนท้ายว่า การดำเนินงานต่าง ๆ ในทุกโครงการ ต้องเป็นไปด้วยความโปร่งใสและไม่มีการทุจริตโดยเด็ดขาด