สุโขทัย - ทหารลุยตรวจป่าศรีสัชนาลัย พบถูกรุกทำสวนยางกว่า 500 ไร่ สร้างบ้านไม้ ล้อมรั้วติดป้ายที่ส่วนบุคคลกลางหุบเขาไม่พอ ฝังหลัก “สทก.” ด้วย พร้อมเจอบ้านปูนสองชั้นหลังโตบนยอดเขาอีก ขณะที่นายหน้ารู้ตัวถูกจับโพล่งทันที “จ่ายป่าไม้แล้ว 3 รอบ จะเก็บครั้งที่ 4 ไม่มีให้แล้ว หลัก สทก.ป่าไม้ก็เอามาให้เองถึงบ้าน”
วันนี้ (8 ต.ค.) พล.ต.ผดุง ยิ่งไพบูลย์สุข ผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จทบ.พิษณุโลก นำกำลังทหาร ร่วมกับฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สท.1 (ศรีสวรรค์) ตรวจสอบพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ หมู่ 13 ต.บ้านแก่ง อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย หลังรับแจ้งว่ามีการบุกรุกรวมทั้งจัดสรรขายที่ดินให้กลุ่มนายทุนต่างถิ่น
จากการตรวจสอบพบว่าพื้นที่ป่าดังกล่าวถูกบุกรุกทำสวนยางพาราแล้วกว่า 500 ไร่ และมีการปลูกสร้างบ้านไม้หลายหลังอยู่กลางหุบเขาในเขตป่าสงวน บางจุดมีการล้อมรั้วติดป้ายที่ส่วนบุคคลห้ามเข้า และมีการฝังหลักเสาปูน “สทก.” แสดงเขตสิทธิทำกินในพื้นที่ป่าสงวน
นอกจากนี้ บนเนินเขายังพบมีบ้านปูนหลังใหญ่สองชั้น จึงเข้าไปตรวจสอบ แต่ไม่พบมีใครอยู่ในบ้าน และประตูบ้านถูกปิดล็อกไว้ คาดคนดูแลหนีออกมาก่อนเจ้าหน้าที่จะเข้าไปถึง
อย่างไรก็ตาม ระหว่างเข้าตรวจสอบบ้านไม้บนเนินเขากลางแอ่งน้ำธรรมชาติ เจ้าหน้าที่พบนายพลกิจ พรมโคตร อายุ 48 ปี อ้างว่าบ้านหลังนี้เป็นของภรรยา และมีที่ดินทำกินในเขตป่าสงวนแค่ 5 ไร่ สำหรับพื้นที่รอบบริเวณมีผู้ครอบครองกว่า 10 ราย ส่วนหลักเสาปูนแสดงเขตสิทธิทำกินในพื้นที่ป่าสงวนนั้น เจ้าหน้าที่ป่าไม้ตากเป็นผู้นำมาให้ถึงที่บ้าน
ด้านเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า นายพลกิจเป็นชาวกำแพงเพชร มาได้ภรรยาอยู่ที่หมู่ 8 ต.บ้านแก่ง อ.ศรีสัชนาลัย ต่อมาได้รื้อบ้านที่หมู่ 8 แล้วย้ายมาปลูกอยู่ในป่าสงวน หมู่ 13 และร่วมกับพวกทำตัวเป็นนายหน้าขายที่ดินป่าสงวนให้กลุ่มนายทุนต่างถิ่นด้วย โดยซื้อขายกันตั้งแต่ไร่ละ 5,000-20,000 บาท
เบื้องต้น พล.ต.ผดุงได้สั่งให้ตรวจยึดบ้านกับที่ดินถูกบุกรุกทั้งหมด พร้อมให้ติดตามตัวเจ้าของบ้าน และผู้อ้างสิทธิทำกินในที่ดินป่าสงวนมาดำเนินคดีโดยเร็ว เพราะทราบชื่อทั้งหมดแล้วว่ามีใครบ้าง ส่วนสำนักสงฆ์ที่ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวน อนุญาตให้อยู่ได้ แต่ต้องทำโครงการในแต่ละไตรมาสว่าจะทำอะไรบ้างในเรื่องการฟื้นฟู และป้องกันการบุกรุกป่า รวมทั้งมีกิจกรรมเผยแผ่ศาสนา ถ้ายอมรับเงื่อนไขนี้ไม่ได้ก็ต้องย้ายออกไป
ข่าวแจ้งว่า หลังจากนายพลกิจทราบว่าจะถูกควบคุมตัวส่งดำเนินคดี ได้กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “พวกผมราษฎรตาดำๆ หาเช้ากินค่ำ ถ้าป่าไม้ไม่รู้พวกผมจะเข้ามาทำกินได้ยังไง ที่ผ่านมาจ่ายเงินให้ 3 ครั้งแล้ว จะมาเก็บอีกครั้งที่ 4 พวกผมไม่มีให้ จนเกือบจะชกต่อยกัน ส่วนหลักเขตพวกเขาก็เอามาให้เองถึงบ้าน พวกผมจะมีปัญญาไปเอามาได้ยังไง”