xs
xsm
sm
md
lg

เชือดแล้ว! รีสอร์ตหรู “ดอยปู่ไข่” รุกป่า แจ้งข้อหา 6 แห่ง อีก 5 แห่งส่งป่าไม้ดูจนจริงหรือไม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เชียงราย - กอ.รมน.นำป่าไม้ ตำรวจ ทหาร ปกครองขึ้นดอยปู่ไข่ ตั้งโต๊ะแจ้งข้อหา 2 รีสอร์ตหรูรุกป่าเพิ่มเติมถึงที่ หลังเชือดไปก่อนแล้ว 4 ราย ที่เหลืออีก 5 แห่งส่งป่าไม้พิจารณายากจนจริงหรือไม่



วันนี้ (28 ก.ค.) พล.ต.พรชัย ดุริยพันธ์ รองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จ.เชียงราย นายทนงศักดิ์ ธรรมโม ผอ.ส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย) นายวีรเดช สมวรรณ นายอำเภอเมือง จ.เชียงราย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหาร ป่าไม้ ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ได้เข้าแจ้งดำเนินคดีต่อผู้ถือครองบ้านพัก ลักษณะเป็นรีสอร์ตกลางป่าเขตบ้านปู่ไข่ ม.13 ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย เพิ่มเติมอีก 2 ราย

คือ นายพลธนัตถ์ เครือธันยากร เจ้าของภูริตา รีสอร์ท เลขที่ 151/1 และนางวิภาดา อัตตาวุฒิ เจ้าของพลับพลาวิไล รีสอร์ท ซึ่งตั้งอยู่ติดกัน บนเนื้อที่แห่งละประมาณ 1-2 ไร่ เนื่องจากตรวจพบว่าตั้งอยู่กลางผืนป่าสงวนแห่งชาติ และสวนป่าเขตป่าดอยนางแล ป่าดอยยาว และป่าดอยพระบาท พื้นที่บ้านปู่ไข่ โดยไม่มีเอกสารใดๆ รองรับ

ในข้อหายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนหรือผู้อื่นโดยมิได้รับอนุญาต และยึดถือ ครอบครอง ทำประโยชน์หรืออาศัยอยู่ในที่ดิน ก่อสร้างและกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต

สำหรับรีสอร์ตหรูทั้ง 2 แห่งนี้ถูกเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบครั้งแรกพร้อมกับรีสอร์ตอื่นรวม 11 แห่ง ในเขตพื้นที่บ้านปู่ไข่ เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ในจำนวนนี้ถูกดำเนินคดีทันที 4 แห่ง อีก 5 แห่งอ้างว่ามีเอกสารการเช่าพื้นที่ตามมติคณะรัฐมนตรี (ค.ร.ม.) วันที่ 30 มิ.ย. 2541 และวันที่ 11 พ.ค. 2542 ที่ให้ราษฎรทำกินในเขตป่า แต่ก็ห้ามสร้างสิ่งปลูกสร้างใหม่ ตัดต้นไม้ ซื้อขาย

และเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ภูริตา รีสอร์ท และพลับพลาวิไล รีสอร์ทไม่มีเอกสารการใช้ประโยชน์ที่ดินใดๆ รองรับ และตั้งอยู่กลางเขตป่าสงวนแห่งชาติฯ

โดยกรณี “ภูริตา รีสอร์ท” เป็นอาคารคอนกรีตสองชั้น ตรงดาดฟ้าเป็นลานชมทิวทัศน์ขุนเขา และมีลานจอดรถกว้างขวาง คนดูแลแจ้งว่าสร้างมาตั้งแต่ปี 2550 และขายให้นายพลธนัตถ์ แต่ปัจจุบันนายพลธนัตถ์ไม่ได้อาศัยอยู่ที่รีสอร์ตดังกล่าว แต่มีนายกุลพันธ์เป็นคนดูแล พร้อมทั้งยังให้คนอื่นเช่าอาศัยอยู่ด้วย

ส่วน “ม่อนพลับพลา รีสอร์ท” สร้างมานาน 7 ปี แต่นางวิภาดาเข้ามาอาศัยอยู่ตามลำพังคนเดียวได้ประมาณ 3 ปี โดยก่อนหน้านี้ให้เจ้าของรีสอร์ตข้างเคียง ซึ่งอ้างมติ ครม.เป็นผู้ดูแล

พล.ต.พรชัยกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 64 และ 66 ที่ให้ตรวจสอบการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติฯ ยกเว้นผู้ยากจน และยากไร้ ที่อยู่อาศัยมานานแล้ว ไม่ใช่คนร่ำรวยหรือนายทุนที่เข้าไปถือครองเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ นอกจากนี้รีสอร์ตบนดอยปู่ไข่ก็ได้รับการร้องเรียนด้วย ซึ่งยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติอย่างเป็นธรรม หากรีสอร์ตไหนไม่มีเอกสารใดๆ รองรับก็ต้องรับสภาพว่าอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติจริง ส่วนที่มีเอกสารมติ ครม.จริง เจ้าหน้าที่ก็ได้ส่งข้อมูลไปให้กับทางกรมป่าไม้ พิจารณาว่าเข้าข่ายเป็นบุคคลที่ยากจน-ยากไร้จริงหรือไม่ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

“ผู้ที่อ้างเป็นคนดูแลนั้นไม่ถือว่าเป็นเจ้าของจะมารับหน้าแทนไม่ได้ เพราะชื่อก็ปรากฏชัดอยู่ว่าใครเป็นเจ้าของ และวันตรวจสอบครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ก็ระบุชัดว่าเป็นของใครด้วย”

พล.ต.พรชัยกล่าวว่า ป่าสงวนแห่งชาติบ้านปู่ไข่เริ่มมีกลุ่มคนเข้าไปบุกรุกเพื่อสร้างอาคารนอกเขตหมู่บ้านชาวเขามาตั้งแต่ปี 2542 โดยมีผู้เข้าไปบุกเบิกเพียงรายเดียว จากนั้นก็มีการบุกรุกเพิ่มเติมในบริเวณใกล้เคียงกัน แล้วขายต่อกันเป็นทอดๆ ผู้ซื้อส่วนใหญ่เป็นคนมีฐานะจากต่างพื้นที่ และมีผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เรียกรับเงินจากผู้ซื้อรายใหม่รายละหลายแสนบาท อ้างว่าสามารถทำให้ได้เอกสารรับรองตามมติ ครม.ปี 2541 และ 2542 ได้ด้วย

พล.ต.พรชัยกล่าวว่า นอกจากดอยปู่ไข่แล้ว เจ้าหน้าที่ยังเข้าตรวจยึดพื้นที่ป่าอำเภอต่างๆ แล้วนับพันไร่ และยังมีอีกหลายจุดที่จะต้องเข้าตรวจ เช่น บริเวณใกล้ภูชี้ฟ้า อ.เทิง ที่มีการบุกรุกป่าเป็นบริเวณกว้าง ส่วนทั้ง จ.เชียงรายคาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 10,000 ไร่ที่ถูกบุกรุก จึงขอเตือนผู้ที่ซื้อที่ดินต่อๆ กันให้ตรวจสอบการถือครองด้วย




กำลังโหลดความคิดเห็น