เชียงราย - ทหารนำเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ฝ่ายปกครอง บุกตรวจรีสอร์ตหรูหรากลางป่าสงวนแห่งชาติฯ เมืองพ่อขุน เชิญ 11 ผู้ประกอบการแจงที่มาที่ไป พบบางรายสร้างไว้รับคนรู้จักเข้าพักเท่านั้น แถมมีพยายามขอเคลียร์เจ้าหน้าที่ด้วย แต่ถูกปฏิเสธหมด
วันนี้ (30 มิ.ย.) พล.ต.พรชัย ดุริยพันธ์ ที่ปรึกษากองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดทหารบกเชียงราย (กกล.รส.จทบ.ชร.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จ.เชียงราย, นายทนงศักดิ์ ธรรมโม ผอ.ส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย), นายวีรเดช สมวรรณ นายอำเภอเมืองเชียงราย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหาร จทบ.เชียงราย ป่าไม้ ตำรวจ ฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบอาคารหรูกลางป่าสงวนแห่งชาติ และสวนป่าเขตป่าดอยนางแล ป่าดอยยาว และป่าดอยพระบาท พื้นที่บ้านปู่ไข่ ม.13 ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย
หลังรับแจ้งว่ามีการบุกรุกเข้าไปเปิดเป็นกิจการห้องพักรีสอร์ตกันหลายหลัง จากการตรวจสอบพื้นที่ก็พบอาคารที่พัก และรีสอร์ตหรูหราตั้งอยู่ตามรายทางก่อนถึงตัวหมู่บ้าน ด้านหลังพิงภูเขาสูงและป่าไม้เขียวขจีหนาตา
พล.ต.พรชัยได้จัดให้เจ้าหน้าที่เชิญผู้ประกอบการเจ้าของรีสอร์ตเข้าให้ข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่จำนวน 11 ราย จากนั้นจัดกำลังพล โดยมีเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และทหารเป็นหลัก เข้าตรวจสอบรีสอร์ตแต่ละหลัง ซึ่งพบว่าแต่ละแห่งสร้างเป็นอาคารคอนกรีต-ไม้ อย่างหรูหรา ด้วยเงินทุนจำนวนมาก และมีถนนเชื่อมถึงกันหมด ดึงลูกค้าให้เข้าใช้บริการท่ามกลางขุนเขาแมกไม้
เป็นที่น่าสังเกตว่า ผู้ประกอบการบางหลังระบุว่าไม่ได้สร้างไว้รองรับแขกเข้าพักทั่วไป แต่รองรับคนรู้จักกันเท่านั้น แต่สภาพของรีสอร์ตบ่งบอกเรื่องการให้บริการทั้งห้องพัก อาหาร เครื่องดื่ม บางแห่งเปิดเป็นร้านกาแฟ ขายของฝาก ฯลฯ
เจ้าหน้าที่จึงได้บันทึกภาพ และทำการตรวจวัดพื้นที่ วัดพิกัดจีพีเอส ฯลฯ พร้อมขอหลักฐานการครอบครอง และเข้าใช้ทำประโยชน์ เบื้องต้นพบว่าแต่ละรายครอบครองพื้นที่รายละไม่เกิน 10 ไร่
นอกจากนี้ ช่วงที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบมีผู้พยายามเข้าไปพูดคุยหรือเคลียร์กับเจ้าหน้าที่ด้วยแต่ทางเจ้าหน้าที่ชุดตรวจสอบยังคงยืนยันเข้าดำเนินการเหมือนเดิม
พล.ต.พรชัยกล่าวว่า การตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ครั้งนี้เป็นไปตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 64 และ 66 ที่ให้ตรวจสอบการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ยกเว้นผู้ยากจนและยากไร้ ซึ่งอยู่อาศัยมานานแล้ว ไม่ใช่คนร่ำรวย หรือนายทุนที่เข้าไปถือครองเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม แม้จะทราบพื้นที่ชัดเจนว่าเป็นอย่างไรก็จะยังให้โอกาสในการขอเข้าไปทำการตรวจสอบ และขอดูเอกสารการถือครอง-ใช้ประโยชน์ว่าสามารถทำให้อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติได้จริงหรือไม่ เพื่อจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ด้านนายอุดมศักดิ์กล่าวว่า พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติฯ ดังกล่าวมีเนื้อที่รวมกันประมาณ 37,000 ไร่ จุดที่เข้าตรวจสอบครั้งนี้จะใช้ระยะเวลาในการดำเนินการประมาณ 1-2 วันก็คงจะแล้วเสร็จ แม้จะทราบมาก่อนหน้านี้แล้วว่าอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติฯ แน่นอนก็ตาม แต่ก็คงจะให้โอกาส เพราะแต่ละรายลงทุนกันไปเป็นจำนวนมหาศาล
แม้ว่าจะอ้างเรื่องมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) 30 มิ.ย. 2541 ที่ให้ราษฎรทำกินในเขตป่าได้ และต่อมามีมติ ครม. 11 พ.ค. 2542 ในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนืออีกครั้ง แต่ก็ห้ามสร้างสิ่งปลูกสร้างใหม่ ตัดต้นไม้ ซื้อขาย ฯลฯ ดังนั้นปัญหาที่ต้องดูขณะนี้คือ ผู้ครอบครองเป็นราษฎรตามกรณีดังกล่าวหรือไม่
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.เชียงราย ร่วมกับป่าไม้ และฝ่ายปกครองได้เข้ายึดคืนผืนป่าเดียวกันพื้นที่หมู่บ้านโป่งน้ำตก ม.7 พบมีการสร้างเป็นอาคารสิ่งปลูกสร้าง และไร่สับปะรดเป็นบริเวณกว้างเช่นกัน แต่ได้รับการร้องเรียนเพิ่มเติมว่ายังมีพื้นที่ทางขึ้นหมู่บ้านดอยปูไข่ ซึ่งเป็นป่าเขา ถูกยึดครองด้วย ทำให้เจ้าหน้าที่ขยายผลเข้าตรวจสอบในครั้งนี้
