บุรีรัมย์ - ชาวบ้านที่เข้าไปบุกรุกจับจองป่าสงวนแห่งชาติดงใหญ่ จ.บุรีรัมย์ ร่วม 500 ครัวเรือน ได้ทยอยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนข้าวของออกจากป่าตามความสมัครใจต่อเนื่อง เหลือเพียง 39 ครัวเรือนที่ยังไม่ยอมออก อ้างไม่มีที่ทำกิน จนท.ยังเดินหน้าทำความเข้าใจหากยังดื้อ เตรียมใช้หมายบังคดีตามคำพิพากษาศาล ก่อนเข้าสู่ระบวนการคัดกรองช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์
วันนี้ (15 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านที่เข้าไปบุกรุกจับจองปลูกสร้างที่อยู่อาศัย และทำกินในเขตป่าสงวนแห่งชาติดงใหญ่ อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ จำนวน 6 กลุ่ม ร่วม 500 ครัวเรือน ได้ทยอยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายข้าวของออกจากป่าตามความสมัครใจอย่างต่อเนื่อง
หลังเจ้าหน้าที่ทหารร่วมกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) เจ้าหน้าที่ในสังกัดกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เข้าไปชี้แจงทำความเข้าใจ และประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านผู้บุกรุกได้รับทราบถึงประกาศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 64/2557 เรื่องการเร่งปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดที่ลักลอบตัดไม้ทำลายป่า และฉบับที่ 66/2557 เรื่องการปราบปรามหยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังมีชาวบ้าน “กลุ่มเก้าบาตร” จำนวน 27 ครัวเรือน และ “กลุ่มเสียงสวรรค์” อีก 12 ครัวเรือน รวม 39 ครัวเรือนที่ยังไม่ยอมจากป่า โดยอ้างว่าไม่มีที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน กลุ่มดังกล่าวนี้เจ้าหน้าที่จะยังคงเดินหน้าทำความเข้าใจอย่างต่อเนื่อง แต่หากชาวบ้านยังไม่ยอมออกจากป่า เจ้าหน้าที่จำเป็นจะต้องใช้มาตรการทางกฎหมาย เนื่องจากศาลอุทธรณ์ภาค 3 ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2555 คดีหมายเลขดำ ที่ สวอ.168/2555 คดีหมายเลขแดง ที่ 2645/2555 ลงโทษจำเลยให้จำคุกคนละ 2 ปี 6 เดือน และให้จำเลย ซึ่งเป็นแกนนำทั้ง 6 กลุ่ม คนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทน และบริวารออกจากเขตป่าสงวนแห่งชาติที่บุกรุกทั้งหมด แต่จนถึงขณะนี้กลุ่มผู้บุกรุกก็ยังไม่ยอมออก เจ้าหน้าที่จึงจะใช้หมายบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลกับกลุ่มที่ฝ่าฝืนตามกระบวนการต่อไป หลังจากทำการผลักดันกลุ่มผู้บุกรุกออกจากป่าทั้งหมดแล้ว ทหารจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสกัดกั้นไม่ให้ชาวบ้านเข้าไปบุกรุกป่าซ้ำอีก จากนั้นจะทำการผนวกเข้าเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพร้อมเร่งฟื้นฟูให้เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่า และป่าต้นน้ำต่อไป
ส่วนชาวบ้านที่ยอมออกจากป่าบางกลุ่มไปอาศัยอยู่ตามวัด และสวนยางพาราของชาวบ้าน ในเขตพื้นที่ อ.โนนดินแดง เพื่อรอการคัดกรองจากหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งในเบื้องต้นชาวบ้านที่ยอมสมัครใจออกได้กรอกคำร้องขอความช่วยเหลือกับหน่วยงานราชการแล้ว
ด้าน นายสังเกตุ ญาตินิยม อายุ 68 ปี หนึ่งในชาวบ้านกลุ่ม บ.ตลาดควาย ที่สมัครใจยอมออกจากป่าดงใหญ่บอกว่า สาเหตุที่ยอมออกจากป่าเพราะเกรงจะถูกดำเนินคดี ทั้งเข้าใจถึงมาตรการของหน่วยงานภาครัฐที่ต้องการจะปกป้องผืนป่า เพราะชาวบ้านเองไม่ได้ต้องการที่จะเข้าไปบุกรุกป่า แต่ด้วยฐานะที่ยากจนไม่มีที่อยู่อาศัย และที่ทำกินเป็นของตัวเอง จึงได้เข้าไปจับจองพื้นที่ปลูกสร้างที่อยู่อาศัย และทำกินในเขตป่าดงใหญ่ เพราะพื้นที่ที่เข้าไปจับจองเป็นป่าที่บริษัทเอกชนได้หมดสัญญาสัมปทานแล้ว แต่อยากเรียกร้องให้ทาง คสช.หรือหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้เห็นใจถึงความเดือดร้อนของชาวบ้านโดยการจัดสรรที่ทำกินที่ถูกต้องให้กับชาวบ้านที่ไม่มีที่ทำกิน
ส่วนกรณีที่ทางราชการจะทำการคัดกรองนั้น ชาวบ้านก็พร้อมเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง เพราะยืนยันว่ามีฐานะยากจน และไม่มีที่ทำกินจริง พร้อมให้ทำการตรวจสอบ แต่ส่วนเงื่อนไขที่จะต้องมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ อ.โนนดินแดงนั้น ชาวบ้านอยากให้ทบทวนเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ดังกล่าวเพราะบางส่วนมีภูมิลำเนาอยู่อำเภอใกล้เคียงแต่อยู่ใน จ.บุรีรัมย์ หากจะผลักดันกลับอำเภอตามภูมิลำเนา ต้องหามาตรการรองรับช่วยเหลือด้วยเช่นกัน