xs
xsm
sm
md
lg

ทึ่ง! ลุงวัย 50 ปีพลิกชีวิตจากขี่ จยย.รับจ้าง หันปลูกฝรั่งขาย โกยเงิน 7 หมื่น/สัปดาห์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายปรีชา มีแก้ว อายุ 50 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ พลิกชีวิตจากอาชีพขับ จยย.รับจ้างใน กทม. รายได้ไม่พอเลี้ยงครอบครัว หันมาปลูกฝรั่งขายสร้างรายได้สัปดาห์ละ 6-7 หมื่นบาท วันนี้ ( 22 ก.ย.)
บุรีรัมย์ - ทึ่ง! ลุงวัย 50 ปีชาวบุรีรัมย์ พลิกผันชีวิตจากอาชีพขับ จยย.รับจ้างใน กทม. รายได้ไม่พอเลี้ยงครอบครัว หันมาปลูกฝรั่งไร้เมล็ดพันธุ์กิมจู 25ไร่ ใช้ปุ๋ยคอกในท้องถิ่นและน้ำบาดาลเพาะปลูก จนเป็นที่ต้องการของตลาด มีพ่อค้าทั้งใน-ต่างจังหวัดมารับซื้อถึงสวน มีรายได้สัปดาห์ละ 6-7 หมื่น ทั้งยังสร้างอาชีพเสริมให้ชาวบ้านรับไปวางขายริมถนน มีรายได้เดือนละกว่าหมื่นบาท

วันนี้ (22 ก.ย.) นายปรีชา มีแก้ว อายุ 50 ปี ชาวบ้านหนองปรือน้อย ต.สวายจีก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ได้พลิกผันชีวิตจากอาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง อยู่กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีรายได้ไม่แน่นอนและไม่เพียงพอเลี้ยงครอบครัว หันมาปลูกฝรั่งไร้เมล็ด “พันธุ์กิมจู” ที่มีรสชาติหวาน กรอบ อร่อยแตกต่างจากฝรั่งทั่วไป รวมเนื้อที่ 25 ไร่ ทั้งยังใช้ปุ๋ยคอก เช่น มูลวัว สุกร และมูลไก่ ที่หาได้จากท้องถิ่นมาใส่เป็นปุ๋ย และขุดเจาะน้ำบาดาลมาพักไว้ในบ่อดินใช้ในการเพาะปลูกแทนน้ำประปาเพื่อลดต้นทุนด้วย

ปัจจุบันฝรั่งของลุงปรีชาเป็นที่ต้องการของตลาด จนมีพ่อค้าทั้งในจังหวัดบุรีรัมย์และต่างจังหวัด เช่น จ.สุรินทร์ และ จ.นครราชสีมา มารับซื้อถึงสวนในราคากิโลกรัมละ 35 บาท ส่งผลให้มีรายได้จากการเก็บผลผลิตขายเฉลี่ยสัปดาห์ละ 60,000-70,000 บาท หักค่าใช้จ่ายในการบำรุงดูแลรักษา

รวมถึงค่าจ้างคนงานแล้วก็จะเหลือกำไรสัปดาห์ละ 20,000-30,000 บาท ซึ่งเป็นรายได้ที่สามารถเลี้ยงครอบครัว และส่งเสียลูกทั้ง 2 คนเรียนได้เป็นอย่างดี ทั้งยังมีเงินเหลือเก็บออมอีกด้วย

ทั้งนี้ยังได้ขายกิ่งพันธุ์ให้แก่ผู้ที่สนใจนำไปปลูกเพื่อเป็นอาชีพเสริมอีกด้วย นอกจากนั้นยังมีชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงที่ว่างเว้นจากการทำนา มารับซื้อฝรั่งของลุงปรีชา ไปวางขายตามร้านเพิงริมถนนเป็นอาชีพเสริมช่วงว่างเว้นจากการทำนา โดยแต่ละคนมีรายได้จากการรับฝรั่งไปขายเดือนละกว่า 10,000 บาท

ลุงปรีชาบอกว่า ก่อนหน้านี้ตนมีอาชีพขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ส่วนนางแจ่มจันทร์ พงษ์ษา ภรรยา เป็นพนักงานโรงงาน แต่ละเดือนมีรายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย จึงได้ตัดสินใจขายเสื้อวิน และรถจักรยานยนต์กลับมาอยู่บ้านที่ จ.บุรีรัมย์ แล้วทดลองซื้อต้นพันธุ์ฝรั่ง ชมพู่ องุ่นมาปลูก โดยเริ่มแรกทดลองปลูกเพียง 2 ไร่เพราะมีทุนเพียง 30,000 บาท

แต่จากสภาพพื้นที่ค่อนข้างแห้งแล้ง ประกอบกับฝรั่งเป็นพืชที่ไม่ต้องการน้ำมาก และดูแลง่าย ทั้งเป็นที่ต้องการของตลาด จึงตัดสินใจขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มอย่างต่อเนื่องจนปัจจุบันรวมพื้นที่ปลูกแล้ว 25 ไร่ ที่เหลืออีก 10 ไร่ปลูกชมพู่ ส้มโอ และพืชผักสวนครัวต่างๆ ไว้บริโภคและขายจนประสบผลสำเร็จมีรายได้เลี้ยงครอบครัวได้เป็นอย่างดี

ลุงปรีชายังบอกอีกว่า หากใครสนใจจะปลูกฝรั่งเป็นอาชีพเสริมในครัวเรือน สามารถมาศึกษาดูวิธีการปลูกและซื้อต้นพันธุ์จากสวนไปปลูกได้ ซึ่งจะขายให้ราคาต้นละ 35 บาทเท่านั้น แต่เคล็ดลับในการปลูกให้ประสบผลสำเร็จจะต้องเอาใจใส่ดูแลอย่างสม่ำเสมอเท่านั้น โดยเฉพาะการใช้ถุงพลาสติกและกระดาษห่อหุ้มที่ผลฝรั่ง เพื่อป้องกันไม่ให้แมลงกัดกินและแดดเผาผิวฝรั่ง ซึ่งจะทำให้ผลไม่สวยและราคาตกได้

ด้าน น.ส.ปวีณา กองรัมย์ อายุ 25 ปี ชาวบ้านบ้านหนองปรือน้อย ที่มารับซื้อฝรั่งในสวนของลุงปรีชาไปวางขายริมถนน บอกว่า รับซื้อมากิโลกรัมละ 35 บาท มาขายต่อในราคากิโลกรัมละ 50 บาท ลูกค้ามีทั้งข้าราชการ ประชาชน และผู้ที่ขับรถสัญจรผ่านไปมา เฉลี่ยแต่ละเดือนจะมีรายได้เสริมจากการรับซื้อฝรั่งมาขายเดือนละกว่า 10,000 บาท ซึ่งถือเป็นรายได้เสริมช่วงว่างเว้นจากการทำนาได้เป็นอย่างดี






กำลังโหลดความคิดเห็น