ฟาร์มเลี้ยงวัวนมระดับเอสเอ็มอี “อำนวยฟาร์ม” ที่ ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา นับเป็นต้นแบบการทำเกษตรยุคใหม่ที่นำระบบบริหารจัดการสมัยใหม่มาใช้อย่างเหมาะสม ผลักดันให้ธุรกิจประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
ที่น่าสนใจ เจ้าของธุรกิจคือ สาวร่างเล็ก “นวรัตน์ อิ่มลาภ” หรือคุณ “ปู” วัย 33 ปี เรียนจบมาด้านคอมพิวเตอร์ และทำงานประจำในธนาคารแห่งหนึ่ง ก่อนพลิกชีวิตมาทำฟาร์มวัวนม โดยอาศัยศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเองทั้งสิ้น
เธอเล่าเหตุที่สนใจมาทำอาชีพนี้ หลังแต่งงานย้ายมาอยู่บ้านสามีเมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้ว เริ่มมองหาอาชีพใหม่ที่สามารถทำอยู่กับบ้านได้ ส่วนตัวสนใจด้านเกษตร ประกอบกับรู้ข้อมูลความต้องการน้ำวัวนมในตลาดที่สูงมากๆ และนับวันราคาจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนั้นยังพร้อมเรื่องมีที่ดินเปล่าอยู่แล้ว เลยตัดสินใจลงทุนทำฟาร์มวัวนมเล็กๆ เมื่อ พ.ศ. 2550 ในชื่อ “อำนวยฟาร์ม”
“ดิฉันศึกษาหาความรู้จากทั้งหนังสือ อินเทอร์เน็ต รวมถึงไปดูงานตามฟาร์มต่างๆ จนเรามั่นใจว่าธุรกิจนี้มีตลาดรองรับแน่ๆ ซึ่งก่อนที่จะทำมีคนมาปรามาสเยอะว่า เป็นผู้หญิงจะทำได้หรือ? บางคนก็เตือนว่าอาชีพนี้มันหนักและเหนื่อยนะ แต่จากที่ศึกษามาเราสามารถทำได้โดยไม่ต้องเหนื่อยจนเกินไป หากมีระบบบริหารจัดการที่ดี และเป็นผู้หญิงก็สามารถประสบความสำเร็จได้”
จากแนวคิดที่จะทำฟาร์มวัวนมโดยใช้ “ระบบ” เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อน แน่นอนแรกเริ่มต้องใช้เงินทุนมากกว่าปกติ โดยควักกว่า 2 ล้านบาทปรับปรุงสถานที่ให้ได้มาตรฐานสากล กับทำระบบ “ไปป์ไลน์" (PIPE LINE) ซึ่งเป็นระบบรีดนมวัวด้วยท่อสเตนเลสโดยไม่ผ่านอากาศ นิยมใช้ในประเทศแถบยุโรป ข้อดี คือ สะอาด สะดวก และที่สำคัญรวดเร็ว ควบคุมการทำงานได้เบ็ดเสร็จในจุดเดียว ถือเป็นฟาร์มแห่งแรกในท้องถิ่นที่ใช้ระบบนี้
“เราคิดถึงอนาคตว่า ถ้าวันหนึ่งเราไม่มีลูกน้องช่วยล่ะ เราก็จะขาดรายได้ทันที เพราะนมต้องส่งทุกวัน และปัญหาอื่นๆ ก็จะตามมา เราเลยตัดสินใจลงทุนระบบไปป์ไลน์ ซึ่งถึงวันนี้ก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะทำให้เราประหยัดต้นทุนทุกด้าน และสามารถทำงานได้รวดเร็ว แม้อยู่คนเดียวก็สามารถดูแลฟาร์มได้ครบวงจร”
ทั้งนี้ จากตลาดที่ต้องการน้ำนมวัวสูงมาก ทำให้กิจการของ “อำนวยฟาร์ม” เริ่มต้นด้วยดีและเติบโตต่อเนื่อง ประเดิมด้วยการเลี้ยงวัวแค่ 7 ตัว ถึงปัจจุบันเพิ่มการเลี้ยงวัวถึง 96 ตัว บนเนื้อที่ของฟาร์มกว่า 35 ไร่
นวรัตน์แยะแยะให้ฟังว่า ผลกำไรที่ได้มาจะใช้ลงทุนปรับปรุงพัฒนาระบบต่างๆ ในฟาร์มต่อเนื่อง รวมแล้วลงทุนนับสิบล้านบาท เน้นให้เป็นธุรกิจฟาร์มวัวครบวงจร สามารถหารายได้เสริมอื่นๆ นอกเหนือจากขายน้ำนมที่มีรายได้เฉลี่ย 4 แสนบาทต่อเดือนแล้ว ยังลงทุนทำลานตากมูลวัวเพื่อทำปุ๋ยคอก สร้างรายได้ประมาณ 4 หมื่นบาทต่อเดือน อีกทั้งทำโรงเก็บฟางก้อน รับซื้อมาก้อนละ 15 บาท แล้วขายต่อให้ฟาร์มอื่นๆ ในราคา 35 บาท ขณะนี้มีฟางก้อนในสต๊อกนับหมื่นก้อน
รวมถึงทำโรงผสมพันธุ์เทียมลูกวัวด้วยตัวเอง ควบคุมการตั้งท้องของวัวได้ ช่วยเพิ่มจำนวนลูกวัวสาวมาทดแทนตัวที่หมดอายุขัย และลดต้นทุนไม่ต้องไปซื้อวัวสาวจากแหล่งอื่นๆ และในอนาคตตั้งเป้าว่าจะผสมพันธุ์เพื่อขายวัวสาว เดือนละ 5 ตัว ในราคาตัวละประมาณ 5 หมื่นบาท
นอกจากนั้น ยังปลูกทุ่งหญ้าสำหรับเลี้ยงวัวในฟาร์ม เพื่อประหยัดต้นทุนค่าราคาอาหารสัตว์ ซึ่งถือเป็นค่าใช้จ่ายสูงสุดในการทำอาชีพเลี้ยงวัว
แม้ใน “อำนวยฟาร์ม” จะทำหลายอย่างเพิ่มหารายได้ แต่กลับใช้คนงานทั้งหมดเพียงแค่ 4 คนเท่านั้น โดยตัวเธอมีหน้าที่คอยกำกับดูแลในภาพรวม ไม่ต้องลงมือทำเองด้วยซ้ำ เหตุที่ทำเช่นนี้ได้มาจากการวางระบบตั้งแต่เริ่มต้น พร้อมพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
“ทุกวันนี้ฟาร์มอื่นๆ ในละแวกนี้จะเกิดปัญหาขาดแคลนแรงงานและต้นทุนการเลี้ยงสูง ในขณะที่เราเตรียมความพร้อมมาก่อน ทำให้ใช้แรงงานไม่มาก เพราะทุกอย่างมันเป็นระบบกึ่งอัตโนมัติอยู่แล้ว สำหรับหน้าใหม่ที่อยากทำอาชีพนี้ สิ่งสำคัญต้องพยายามศึกษาหาความรู้ให้มากที่สุด และถามตัวเองด้วยว่า ใจรักจริงหรือเปล่า ”
สนใจเยี่ยมชมฟาร์มติดต่อได้ที่ 08-6261-4701
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “SME ผู้จัดการออนไลน์” รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *