ปัจจุบัน “น้ำนมวัว” เป็นที่ต้องการของตลาดสูง ถึงขนาดที่ในประเทศ ผลิตไม่พอขาย ต้องนำเข้าเสริมจากต่างประเทศ การเลี้ยงวัวนมจึงเป็นอาชีพที่หลายคนสนใจ เพราะมั่นใจได้ว่า มีตลาดรองรับแน่นอน อย่างไรก็ตาม จากมุมมองของผู้ประกอบการตัวจริงเสียงจริง แยกแยะให้เห็นทั้งโอกาสและความเสี่ยงย่อมอยู่คู่กันเสมอ
ประทีป แก้วนันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กลุ่มผู้เลี้ยงวัวนมหนองสาหร่าย จำกัด ที่ ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งคลุกคลีในวงการ มากว่า25 ปี ตั้งแต่เป็นลูกจ้างรีดนม ทำฟาร์มเลี้ยง และพัฒนาเป็นศูนย์รับซื้อน้ำนมวัวดิบจากเกษตรกร ฉายภาพให้ฟังว่า ปัจจัยสำคัญที่จะประสบความสำเร็จในอาชีพเลี้ยงวัวนม คือ ผลิตน้ำนมวัวดิบได้คุณภาพดีเป็นที่ยอมรับของตลาด ในที่นี้หมายถึงบริษัทรายใหญ่ที่พร้อมรับซื้อทั้งหมดอยู่แล้วหากได้คุณภาพที่ต้องการ
การจะได้นมดิบคุณภาพดี ต้องเกิดความร่วมมือแบบน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า เกื้อหนุนกันระหว่าง “เกษตรกร” “ฟาร์มเลี้ยง” และ “ศูนย์รับซื้อน้ำนมดิบ” กล่าวคือ เกษตรกรต้องมีจรรยาบรรณเลี้ยงวัวด้วยวิธีธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมีในอาหาร ส่วนฟาร์มต้องมีระบบมาตรฐาน รักษาความสะอาด ป้องกันโรคจะเกิดขึ้นกับวัว และศูนย์รับซื้อฯ ต้องหาตลาดรับซื้อในราคาที่ดีที่สุด
“ทุกวันนี้ ตลาดต้องการนมวัว วันละมากกว่า 3,100 ตัน ในขณะที่ทั้งประเทศไทย ผลิตได้แค่ 2,700 ตันต่อวัน และต้องนำเข้านมผงปีละกว่าหมื่นตัน ดังนั้น นมวัวมีเท่าไรขายหมด สิ่งสำคัญ เราต้องช่วยกันรักษาคุณภาพ และพัฒนาน้ำนมได้เกรดดี เพราะถ้านมเราคุณภาพดี ก็จะได้ราคาดี และบริษัทใหญ่ๆ พร้อมรับซื้ออยู่แล้ว แต่ถ้านมมีปัญหา ก็จะทำให้เราเสียตลาดไปด้วย”
ในฐานะเป็นศูนย์รับซื้อนมดิบ เขาเล่าว่า พยายามติดต่อหาบริษัทมารับซื้อน้ำนมวัวดิบของสมาชิกกลุ่มฯกว่า 270 ราย ปัจจุบันมีสัญญาส่งนมให้แก่บริษัทใหญ่ 5 ราย ปริมาณส่งเฉลี่ยวันละ 38 ตัน ซึ่งทางศูนย์ฯ จะจ่ายเงินให้แก่สมาชิกทุกๆ 30 วัน จึงจำเป็นต้องมีทุนหมุนเวียนค่อนข้างสูง บางครั้งต้องอาศัยสถาบันการเงินช่วยเสริมสภาพคล่อง ซึ่งทางศูนย์ฯ ประสานกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ช่วยค้ำประกันแทนหลักทรัพย์ ทำให้เข้าถึงแหล่งทุนได้
สำหรับวงจรอาชีพนี้ในแต่ละวัน เกษตรกรผู้เลี้ยงจะนำน้ำนมดิบที่รีดได้มาส่งที่ศูนย์ฯ วันละ 2 ครั้ง เช้ากับเย็น จากนั้น เข้ากระบวนการตรวจคุณภาพ เมื่อผ่านจะนำน้ำนมดิบไปรวมกันที่ถังเก็บขนาดใหญ่ รอส่งให้บริษัทในเช้าวันรุ่นขึ้น โดยราคารับซื้อจากเกษตรกรขึ้นลงตามราคาตลาด เฉลี่ยที่ประมาณ 16.30-16.80 บาท ต่อกิโลกรัม (แล้วแต่เกรดนม) แล้วส่งให้บริษัทในราคาประมาณ 18 บาทต่อกิโลกรัม ทางศูนย์ฯ จะได้กำไรส่วนต่างจากการเป็นตัวกลางประมาณ 1.50 บาทต่อกิโลกรัม
“ใน ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง เราเป็นศูนย์รับซื้อฯ แห่งแรก ตั้งเมื่อ พ.ศ.2542 เพื่อแก้ปัญหาน้ำนมล้นตลาด และราคาตกต่ำ เบื้องต้นมีสมาชิกแค่ 11ราย ส่งนมแค่วันละ 1 ตัน จากนั้น สมาชิกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การทำตลาดช่วงแรก ก็ยากมาก เพราะบริษัทใหญ่ๆ ไม่เชื่อมั่น เราก็อาศัยวิธีส่งนมให้แก่บริษัทเล็กก่อน ค่อยๆ สร้างชื่อ จนในที่สุด บริษัทใหญ่เลือกจะซื้อนมจากกลุ่มของเรา”
สำหรับรายได้ของผู้เลี้ยงนั้น วัวนมหนึ่งตัวจะให้น้ำนมได้นาน 12-15 ปี ในหนึ่งวันให้น้ำนมประมาณ 15 กิโลกรัม หรือคิดเป็นรายได้ ขายน้ำนมต่อวัว 1 ตัว หลังหักค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้ว ผู้เลี้ยงจะมีรายได้สุทธิประมาณ 160 บาท/ตัว/วัน ถ้าเลี้ยงวัว 10 ตัว เท่ากับมีรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดเท่ากับวันละ 1,600 บาท
ด้านปัจจัยเสี่ยง ประทีป ระบุว่า ผู้ประกอบการรายเดิมในท้องถิ่น มักขาดการสานต่ออาชีพ เนื่องจากเป็นงานที่ต้องคลุกคลีอยู่กับวัวแทบจะ 24 ชั่วโมง คนรุ่นลูกหลานที่เห็นพ่อแม่ทำอาชีพนี้ จะรู้สึกว่าเหนื่อยไม่อยากทำต่อแล้ว บางรายเลือกขายที่ดินให้นายทุนไปทำรีสอร์ต อีกทั้ง มักประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน เพราะช่วง 1-2 ปีให้หลัง คนงานที่ส่วนใหญ่เป็นต่างด้าวนิยมกลับบ้านเกิด ซึ่งมีงานรองรับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนหน้าใหม่จะเข้ายึดอาชีพนี้ ความยากอยู่ที่ต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นสูงมาก เฉพาะค่าวัว ซื้อขายกันที่ตัวละ 5 หมื่นบาท และถ้าต้องการเลี้ยงเป็นอาชีพหลักจริงจัง ควรเลี้ยงอย่างน้อย 10 ตัวขึ้นไป หมายถึง เฉพาะแค่ค่าวัว ต้องลงทุนอย่างน้อย 5 แสนบาท ยังไม่รวมค่าที่ดิน ซึ่งถีบตัวสูงอย่างยิ่ง ตามการเติบโตของการท่องเที่ยว ถ้าเป็นคนนอกพื้นที่อยากจะทำมาอาชีพนี้ ต้องลงทุนไม่ต่ำกว่าหลักล้านบาท
อย่างไรก็ตาม โอกาสสำหรับผู้สนใจอาชีพนี้ยังเปิดกว้าง เพราะนับวัน น้ำนมวัวยิ่งเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ ตามการเติบโตของเศรษฐกิจ รวมถึงแนวโน้มราคาก็ยังเพิ่มขึ้นตลอด ทว่า สิ่งที่ควรคำนึง นอกเหนือจากเรื่องทุนแล้ว ผู้จะทำอาชีพนี้ควรเป็นคนท้องถิ่น อยู่ใกล้แหล่งรับซื้อน้ำนมดิบ เพื่อขนส่งได้รวดเร็ว เพราะวัตถุดิบจากเกษตรกรต้องถึงบริษัทรับซื้อ ภายใน 24 ชม. ไม่เช่นนั้นคุณภาพนมจะเสื่อม
และที่สำคัญ ควรเป็นคนรักสัตว์ และชอบใช้ชีวิตเรียบง่าย เพราะกิจวัตรประจำวัน ตื่นเช้ามารีดนม แล้วนำไปส่งศูนย์ฯ กลับมาให้อาหารวัว เป็นเช่นนี้ซ้ำซากทุกวัน ข้อดีจะมีเวลาอยู่กับครอบครัว ได้คุณภาพชีวิตที่ดี และมีรายได้ค่อนข้างสม่ำเสมอแน่นอน
ถ้ามีความพร้อมดังที่กล่าวมา อาชีพเลี้ยงวัวนมเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SME ผู้จัดการออนไลน์" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *