ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม นำคณะลงพื้นที่ตรวจสอบความก้าวหน้าการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง หลังกฎหมายเงินกู้ 2 ล้านล้านถูกพับ พบหลายโครงการยังคงเดินหน้า เพียงแต่ปรับไปใช้งบปกติของต้นสังกัด
วันนี้ (25 เม.ย.) นายประเสริฐ สุขะวัธนกุล พร้อมด้วย นางปาริชาต คชรัตน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม มายังสำนักงานท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี เพื่อติดตามความก้าวหน้าการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง และการดำเนินงานของหน่วยงานในสังกัด พร้อมลงตรวจพื้นที่โครงการก่อสร้างทางรถไฟเชื่อมโยง และพื้นที่การพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 2 และ 3 โดยมี ร.อ.สุทธินันท์ หัตถวงษ์ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง และตัวแทนจากหน่วยงานในสังกัดให้การต้อนรับ บรรยายสรุปความคืบหน้าการดำเนินงาน
นายประเสริฐ กล่าวว่า ลงพื้นที่ครั้งนี้ก็เพื่อติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานสำคัญที่มีส่วนสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง มีหลายโครงการสนับสนุนที่ถูกบรรจุอยู่ในแผนการใช้งบประมาณเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท แต่เมื่อกฎหมายเงินกู้ไม่เกิดขึ้น ก็จำเป็นต้องติดตามแผนพัฒนาโครงการเชื่อมโยงว่ายังมีการเดินหน้าต่อหรือไม่ จากข้อมูลที่ได้รับฟังทราบว่า หลายโครงการจำเป็นต้องผลักดันให้เกิดขึ้น และกลับไปใช้งบประมาณปกติของหน่วยงานเดิม
“จากการฟังบรรยายสรุปทำให้สบายใจว่า หลายแผนงานเชื่อมโยงสามารถใช้งบประมาณปกติของหน่วยงานต้นสังกัดได้ ขณะที่แผนพัฒนาโครงการท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ก็เรียบร้อยดี เหลือเพียงการสรุปรูปแบบการลงทุนเพื่อนำเสนอ ครม.เท่านั้น ส่วนแผนพัฒนาถนนเชื่อมโยงที่อยู่ในการดูแลของทางหลวงชนบท ที่บางโครงถูกบรรจุอยู่ในงบประมาณเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ก็มีการปรับแผนใช้งบประมาณ เพื่อให้ระบบเชื่อมโยงโครงข่ายการจราจรก่อนเข้าสู่ท่าเรือแหลมฉบังเกิดขึ้น และนำไปสู่การระบายตู้สินค้าด้วยการขนส่งทางบกอย่างรวดเร็ว”
นอกจากนี้ การพัฒนารถไฟรางคู่เพื่อเชื่อมต่อระบบขนส่งทางราง รองรับการขนส่งสินค้าจากท่าเรือแหลมฉบัง ไปยังจุดหมายปลายทางพบว่า ในส่วนการพัฒนารางคู่ที่อยู่ในการดูแลของท่าเรือแหลมฉบัง มีการดำเนินงานตามแผนถึง 100% เช่นเดียวกับการพัฒนาเส้นทางรถไฟรางคู่ ที่อยู่ในการดูแลของการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ยังมีการดำเนินงานต่อเนื่องแ ขณะนี้ได้มีการจัดซื้อหัวรถจักรสำหรับใช้ในเส้นทางขนส่งแล้ว
นายประเสริฐ กล่าวว่า การจัดระบบการจราจรทางน้ำที่อยู่ในการดูแลของกรมเจ้าท่า ได้รับรายงานว่า การจัดทำระบบการเดินเรือเฟสแรก เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และกำลังเดินหน้าพัฒนาโครงการในเฟสที่ 2 เพื่อช่วยคัดกรองการเข้าออกของสายการเดินเรือต่างๆ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดอุบัติเหตุทางน้ำที่อาจเกิดขึ้นได้แล้ว ยังสนับสนุนงานด้านความมั่นคงของประเทศอีกทางหนึ่งด้วย
“จากภาพรวมที่ได้รับรายงานพบว่าเป็นไปด้วยดี เชื่อว่าจะสามารถรองรับการขนส่งทางน้ำ และการขนถ่ายสินค้าทางน้ำของไทยเพื่อรองรับการเข้าสู่เออีซีได้ด้วย”
ขณะที่ ร.อ.สุทธินันท์ กล่าวว่า แผนการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเพื่อสร้างความเชื่อมั่น และเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนทั่วโลกที่เข้ามาใช้บริการขนถ่ายสินค้าในปี 2557 นอกจากจะเดินหน้าสร้างความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้า และลอจิสติกส์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการปรับปรุงระบบขนส่งต่างๆ ให้รวดเร็วและทันสมัย เพื่อลดต้นทุนดำเนินงานให้แก่ผู้ประกอบการแล้ว ยังมีแนวคิดสร้างพันธมิตรในการดำเนินธุรกิจขนถ่ายสินค้าทางน้ำ ด้วยการเพิ่มศักยภาพ และขีดความสามารถในการขนส่งสินค้ากลุ่มผู้ประกอบการท่าเรือในแถบภูมิภาคอาเซียน เพื่อให้สามารถแข่งขันกับประเทศคู่ค้า และท่าเรือต่างๆ ทั่วโลกก่อนเข้าสู่เออีซี
โดยเร็วๆ นี้ ท่าเรือแหลมฉบัง จะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมผู้ประกอบการท่าเรือในประเทศแถบอาเซียน เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ เทคโนโลยี ถ่ายทอดการฝึกอบรม รวมทั้งประสบการณ์ต่างๆ ในการขนถ่ายสินค้าร่วมกัน ด้วยมุ่งหวังว่าในอนาคตผู้ประกอบการท่าเรือในแถบอาเซียนจะมีการสร้างกลุ่ม และเครือข่ายในการแบ่งหน้าที่การทำงานขนส่งสินค้า ลดต้นทุนดำเนินงานให้แก่ผู้ประกอบการ และลดการแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการท่าเรือในเขตอาเซียนด้วยกัน