xs
xsm
sm
md
lg

กมธ.กิจการองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ตรวจสอบการทำงาน ทลฉ.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวศรีราชา - กมธ.กิจการองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ลงพื้นที่ตรวจสอบการทำงานท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี พร้อมติดตามผลกระทบจากการเปิดท่าเรือทวาย ประเทศพม่า ที่อาจส่งผลกระทบ ขณะที่ ผอ.แจงส่งผลดีต่อไทยมากกว่าเสีย ที่สำคัญอาจไม่ต้องสูญงบถึง 8 หมื่นล้าน สร้างท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3

วันนี้ (17 ก.ย.) คณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการองค์กรตามรัฐธรรมนูญ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฏร นำโดย นายเชน เทือกสุบรรณ ประธาน กมธ. ได้เดินทางลงพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เพื่อติดตามการแก้ปัญหาการขนส่งสินค้าตามแนวทางการพัฒนาระบบขนส่งทางราง และทางน้ำเพื่อลดต้นทุนการขนส่งสินค้าทางบก ที่ปัจจุบันใช้การขนส่งสินค้าทางบกมากถึง 90%

รวมทั้งการติดตามความคืบหน้าแผนก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 และผลกระทบจากการเปิดท่าเรือทวาย ประเทศพม่า เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558 โดยมี ร.อ.สุทธินันท์ หัตถวงษ์ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง พร้อมคณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ

โดยการลงพื้นที่ของ กมธ. นอกจากจะดูจุดขนส่งสินค้า และการเข้าเทียบท่าของเรือสินค้าภายในท่าเรือแหลมฉบังแล้ว ยังได้รับฟังการบรรยายสรุปถึงแนวทางการบริหารท่าเรือ และการแก้ปัญหาเพื่อยกระดับงานบริการของท่าเรือให้ได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทั่วโลกมากยิ่งขึ้น

นายเชน กล่าวว่า ลงพื้นที่เพราะได้รับการร้องเรียนจากประชาชนเกี่ยวกับปัญหามลพิษในท้องทะเลเกาะสีชัง ที่เกิดจากการขนถ่ายสินค้ากลางทะเล และเมื่อได้รับการชี้แจงจากผู้อำนวยการท่าเรือว่า ไม่ได้อยู่ในการดูแลของท่าเรือแหลมฉบัง ก็จำเป็นต้องกลับไปหาข้อมูลเพื่อติดตามว่าการขนถ่ายสินค้ากลางทะเลเกาะสีชัง อยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานใด เพื่อให้เร่งแก้ไขโดยด่วน

ขณะเดียวกัน ยังเป็นการลงพื้นที่เพื่อชมระบบการขนถ่ายสินค้าของท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งทำให้สบายใจว่าเป็นการขนถ่ายด้วยตู้คอนเทนเนอร์ จึงไม่เป็นห่วงว่าจะเกิดเหตุน้ำมันรั่วไหลเช่นเดียวกับ จ.ระยอง แต่สิ่งที่พบว่ายังเป็นปัญหาคือ ความคับคั่งของการจราจรทางบก ซึ่งอยู่ในรัศมีการขนถ่ายสินค้าจากท่าเรือ ซึ่ง กมธ.จะหาแนวทางในการผลักดัน และสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาระบบขนส่งสินค้าทางราง และทางน้ำโดยเร็วต่อไป

นอกจากนี้ กมธ.ยังมีความเป็นห่วงเรื่องการเปิดให้บริการท่าเรือทวาย ประเทศพม่า ที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเรื่องดังกล่าว ได้รับการชี้แจงจาก ร.อ.สุทธินันท์ ว่า จะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการขนส่งสินค้าในแง่ของการลดภาระค่าใช้จ่าย และอาจทำให้ประเทศไทยไม่ต้องใช้งบประมาณถึง 8 หมื่นล้านบาท ในการสร้างท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 อีกด้วย

ร.อ.สุทธินันท์ กล่าวว่า จากการศึกษาท่าเรือทวาย ล่าสุดพบว่า เหมาะแก่การขนส่งสินค้าในภาคอุตสาหกรรมหนัก ซึ่งในอนาคตจะสามารถสนับสนุนด้านวัตถุดิบให้แก่ภาคอุตสาหกรรมหนักของไทยได้เป็นอย่างดี ลดการตั้งโรงงานในเขตนิคมฯ มาบตาพุด จ.ระยอง ที่ขณะนี้พื้นที่เต็มหมดแล้ว ที่สำคัญในช่วงแรกของการเปิดให้บริการท่าเรือทวายจะไม่มีการขนส่งสินค้าด้วยตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งถือเป็นเรื่องดีที่ในอีก 2 ปีข้างหน้า ไทยจะเข้าสู่เออีซี โดยจะทำให้ประเทศในอาเซียนได้รับผลประโยชน์สนับสนุนกัน ที่สำคัญหากท่าเรือทวายเกิดขึ้น จะทำให้สินค้าจากไทยที่จะส่งต่อไปยังประเทศแถบยุโรปมีค่าใช้จ่ายที่ถูกลง และหากลูกค้าหันไปใช้ท่าเรือทวาย ก็อาจทำให้ไทยไม่ต้องทุ่มงบประมาณถึง 8 หมื่นล้านบาท จัดสร้างท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 ด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น