ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ลอบวางระเบิดซ้ำป่วนเมืองยะลาอีก 4 จุด หนักสุด "โกดังศรีสมัย" ถูกไฟไหม้เสียหายกว่า 100 ล้านบาท พนักงานกว่า 200 คนเตรียมตกงาน เชื่อกลุ่มเดียวกับที่วางบึ้มเมื่อ 6 เม.ย. มุ่งทำร้ายคนไทยพุทธและเศรษฐกิจในพื้นที่ "ชาวมุสลิม" ร่วมละหมาดขอสันติสุขกลับคืนชายแดนใต้ พร้อมเดินถือป้ายประณามใช้ความรุนแรงต่อผู้บริสุทธิ์ ทั่วเมืองยะลา "เจะอามิง" จี้ "นายกฯปู" ลงใต้สร้างความเชื่อมั่น"อภิสิทธิ์" บี้ซ้ำดูแลความปลอดภัย ปชช.แย่าอ้างเป็นแค่รักษาการ ขณะที่ 3 จชต.คุมเข้ม "หาดใหญ่" ยกระดับการรักษาความปลอดภัยเป็นขึ้นสูงสุด ตรึงกำลัง 4 มุมเมืองตลอด 24 ชั่วโมง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดยะลาว่า เมื่อเช้าวันนี้ (7 เม.ย.) ศูนย์วิทยุรับแจ้งเหตุด่วน สภ.เมืองยะลา ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุระเบิดขึ้น โดยจุดที่ 1 เวลา 06.35 น.เกิดเหตุระเบิดภายในร้านสะดวกซื้อเซเว่นฯ ถนนสิโรรส 1 ย่านตลาดเก่า เขตเทศบาลนครยะลา เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
จุดที่ 2 ในเวลาไล่เลี่ยกันเกิดเหตุระเบิดภายในร้านสะดวกซื้อเซเว่นฯ ชุมชนจารูพัฒนา ถนนสิโรรส ย่านตลาดเก่า ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และมีวัตถุต้องสงสัยวางอยู่ภายในร้าน ต้องประสานกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบ
จุดที่ 3 เวลา 06.47 น.เกิดเหตุระเบิดภายในโกดังศรีสมัย ซึ่งเป็นโกดังเก็บสินค้าอุปโภคบริโภค ตั้งอยู่ที่ถนนสิโรรส อ.เมืองยะลา ทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้ภายในอาคาร เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังรถดับเพลิง และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าไปฉีดน้ำเพื่อระงับเหตุ ซึ่งในเบื้องต้นขณะนี้ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ โดยโกดังศรีสมัย เป็นที่จำหน่ายสินค้าส่ง และเป็นโกดังเก็บสินค้า ทำให้มีวัสดุภายในที่เป็นเชื้อเพลิงจึงเกิดการลุกไหม้อย่างรวดเร็ว
และจุดที่ 4 เวลา 06.59 น. เกิดเหตุระเบิดหน้าอาคารภายในศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน อ.เมืองยะลา เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ประสานกำลังเข้าตรวจสอบ
สำหรับเหตุการณ์ระเบิดทั้ง 4 จุดครั้งนี้เกิดขึ้นหลังเกิดเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ร้านราชาเฟอร์นิเจอร์ ถนนสิโรรส เขตเทศบาลนครยะลา เมื่อวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมาในเวลาประมาณ 16.00 น.จนทำให้อาคารเสียหายกว่า 5 คูหา มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 20 ราย ซึ่งในระยะเวลาไม่ถึง 12 ชั่วโมงคนร้ายก็ได้ก่อเหตุลอบวางระเบิดขึ้นอีก 4 จุดดังกล่าว
** "โกดังศรีสมัย"เสียหายกว่า 100 ล้าน
ต่อมาเวลา 08.30 น.พล.ต.ท.ยงยุทธ เจริญวานิช ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา และนายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครยะลา ได้รุดไปดูที่เกิดเหตุ พร้อมเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการเป็นการด่วน ด้วยการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิง เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัย พร้อมด้วยรถดับเพลิงจำนวนนับสิบคัน เข้าช่วยเหลือฉีดน้ำระงับเพลิงที่ลุกไหม้ภายในโกดังศรีสมัย และสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ในเวลาประมาณ 10.00 น.
พล.ต.ท.ยงยุทธ กล่าวว่า ทางตำรวจได้ป้องกันอย่างเต็มที่แล้วและในพื้นที่เมืองยะลา ก็ไม่ได้เกิดเหตุในทำนองนี้มาแล้ว 2 ปี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะต้องมีการทบทวนถึงมาตรการดูแลความปลอดภัยให้ดีกว่านี้ และต้องปฏิบัติการในด้านเชิงรุกให้มากขึ้น
ส่วนกลุ่มคนร้ายคาดว่าจะเป็นกลุ่มเดียวกันที่ก่อเหตุเมื่อวันที่ 6 เม.ย.4 จุด ซึ่งก็เป็นกลุ่มที่ยังคงเหลืออยู่ในพื้นที่ไม่มากนัก ซึ่งคนร้ายยังคงมีความมุ่งหวังที่จะทำร้ายคนไทยพุทธในพื้นที่ และเศรษฐกิจในพื้นที่ที่มีคนไทยพุทธ หรือคนจีนที่ประกอบการอยู่ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เร่งติดตามโดยการตรวจสอบกล้องวงจรปิดอยู่ คาดว่าในไม่ช้าคงจะทราบและออกหมายจับต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุได้ 3 จุดคือที่ร้านสะดวกซื้อเซเว่นฯ ถนนสิโรรส ชุมชนตลาดเก่า เป็นการลอบวางระเบิดขนาดเล็กไม่มีผู้บาดเจ็บ จุดที่สองที่ร้านสะดวกซื้อเซเว่นฯ จารุพัฒนา ถนนสิโรรส เป็นระเบิดขนาดเล็ก เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบไม่มีผู้บาดเจ็บและที่ภายในศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน อ.เมืองยะลา เป็นระเบิดขนาดเล็ก ไม่มีผู้บาดเจ็บ
ส่วนที่โกดังศรีสมัยค้าส่งอยู่ใกล้กับร้านเซเว่นฯ จารุพัฒนา ที่เกิดเหตุระเบิดก่อนหน้า โดยโกดังศรีสมัย ได้เกิดเพลิงไหม้ภายในตัวอาคารที่เก็บสินค้า เปลวเพลิงได้ลุกไหม้ตัวอาคารและสินค้าภายในจนได้รับความเสียหายทั้งหมด ซึ่งจากการประเมินความเสียหายเฉพาะที่โกดังศรีสมัย คาดว่าน่าจะมีความเสียหายจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
ทั้งนี้ สำหรับ โกดังศรีสมัย ได้ก่อสร้างเสร็จเมื่อประมาณปี 2553 มีลูกจ้าง พนักงานกว่า 200 คนเป็นโกดังสินค้าที่ส่งและกระจายสินค้าไปยังพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความเสียหายต่อกิจการ รวมถึงพนักงานอีกกว่า 200 ชีวิต อย่างไรก็ตาม ความเสียหายที่ชัดเจนต้องรอเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบอีกครั้ง
นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา เปิดเผยว่า สำหรับบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายจากเพลิงไหม้ในครั้งนี้ประมาณ 24-25 หลัง ซึ่งอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังต้องนำรถขุดมาช่วยดำเนินการ เนื่องจากว่ายังคงมีควันพวยพุ่งออกมาจากใต้สิ่งของต่างๆ คาดว่าในวันนี้จะสามารถควบคุมเพลิงทั้งหมดเอาไว้ได้ ส่วนค่าเสียหายในครั้งนี้อยู่ในระหว่างการประเมิน
**ชาวมุสลิมร่วมละหมาดขอสันติสุขคืน
เวลา 14.00 น. ที่บริเวณหน้าร้านราชาเฟอร์นิเจอร์ ถนนสิโรรส อ.เมืองยะลา หน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 16 ได้จัดกิจกรรมรวมพลังต่อต้านและปฎิเสธความรุนแรงเพื่อให้เกิดสันติสุขในพื้นที่ จ.ยะลา มี พล.ต.เกษม ธนาภรณ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา เป็นประธานเปิดกิจกรรม โดยมีผู้นำศาสนาและชาวบ้านได้ร่วมกันละหมาด "ฮายัติดูอาร์" ขอพรต่อองค์อัลลอฮ์ เพื่อโปรดประทานความสงบสุขคืนกลับสู่ จ.ยะลา
นอกจากนั้น มีการเดินรณรงค์ถือป้ายต่อต้านและยุติความรุนแรง พร้อมทั้งประณามการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงว่าเป็นการกระทำที่ป่าเถื่อนไร้มนุษยธรรม เป็นผู้สร้างความเดือดร้อนให้กับท้องถิ่น และชุมชน ทำลายชีวิตความเป็นอยู่ที่สันติสุข ตลอดจนทำลายเศรษฐกิจ และความมั่นคงของชาติ และแสดงออกถึงความไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงต่อพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์
โดยมีนายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พล.ต.ต.ทรงเกียรติ วาทะกุล ผบก.ภ.จว.ยะลา พ.ต.อ.ประยงค์ โคตรสาขา ผกก.สภ.เมืองยะลา นายสมเกียรติ ศีรษะเนตร นายอำเภอเมืองยะลา เจ้าหน้าที่ ทหาร และตำรวจ รวมทั้งประชาชนทั้งชาวไทยพุทธ และชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ จ.ยะลา เข้าร่วมด้วยกว่า 300 คน
**ผู้ว่าฯยะลาสั่งรักษาความปลอดภัยสูงสุด
นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวว่า เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเขตเทศบาลเมืองยะลาถึง 2 วันซ้อนคือวันที่ 6 -7 เม.ย.โดยทั้ง 2 เหตุการณ์พบว่ามีทั้งคาร์บอมม์, จยย.บอมม์ รวมถึงระเบิดเพลิง ทำให้เชื่อว่าทั้งหมดเป็นแผนการของกลุ่มขบวนการผู้ก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่กลุ่มเดียวกัน และได้เตรียมการมาเป็นอย่างดี เป้าหมายคือทำลายระบบเศรษฐกิจและบรรยากาศในช่วงใกล้เทศกาลสงกรานต์
เนื่องจากข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ซึ่งได้ตรวจสอบเก็บหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ มั่นใจว่าการลงมือครั้งนี้เป็นฝีมือของคนร้ายกลุ่มเดียวกันทั้งหมด และที่สำคัญมีความเป็นไปได้ว่าในจุดที่เป็นระเบิดตั้งเวลานั้นคนร้ายได้นำระเบิดมาวางไว้ในจุดต่างๆพร้อมกันตั้งแต่คืนวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่ได้มีการตั้งเวลาเอาไว้ห่างกันเพื่อทำให้สถานการณ์ดูน่ากลัวมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังต้องการดิตเครดิตเจ้าหน้าที่ด้วยเพราะทั้งรูปแบบและเป้าหมายที่ถูกทำลายนั้นเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
"เจ้าหน้าที่เชื่อว่าคนร้ายนำระเบิดมาซุกซ่อนไว้ในจุดต่างพร้อมกันในคราวเดียวแต่ตั้งเวลาให้ห่างกันเพื่อขยายสถานการณ์ให้น่าเป็นห่วง ล่าสุดได้เร่งหารือเจ้าหน้าที่เพื่อทบทวนแผนและยกระดับการดูแแลความปลอดภัยระดับสูงสุดและปูพรมเอกซเรย์พื้นที่สำคัญทุกเป้าหมายเพื่อความปลอดภัย ทั้งบุคคลเป้าหมายและเป้าหมายเชิงสัญลักษณ์สำคัญในพื้นที่" นายเดชรัฐ กล่าว
**นราฯคุมเข้มหลังบึ้มป่วนยะลาหลายจุด
ทางด้านนายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส รวมทั้ง พล.ต.ต.พัฒนวุธ อังคะนาวิน ผบก.ภ.จว.นราธิวาส และ พล.ต.สิงหศักดิ์ อุทัยมงคล ผบ.ฉก.นราธิวาส ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองบูรณาการปฏิบัติเฝ้าระวังสถานการณ์ในพื้นที่อย่างเข้มงวด โดยให้มีการออกลาดตระเวนตรวจสอบความเรียบร้อยในพื้นที่รับผิดชอบ รวมทั้งตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อตรวจสอบรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ที่ผ่านเข้าออกย่านการค้าและเศรษฐกิจ
รวมทั้งพื้นที่สุมเสี่ยงคือ เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส และเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก กลุ่มคนร้ายอาจแฝงตัวเข้ามาป่วนเพื่อลอบวางระเบิดในช่วงก่อนถึงเทศกาลสงกรานต์ เพื่อทำลายความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาเพื่อร่วมฉลองสงกรานต์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ โดยเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจทั้งด่านถาวรและด่านลอยได้มีการตรวจสอบบุคคลและยานพาหนะที่ผ่านเข้าออกอย่างเข้มงวด พร้อมกับเปรียบเทียบบุคคลต้องสงสัยจากแฟ้มประวัติคดีความมั่นคงในพื้นที่ ทั้งระดับแกนนำและสมาชิกแนวร่วมอย่างละเอียด
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่กองกำลังได้ยังประชาสัมพันธ์และแจ้งเตือนไปยังร้านสะดวกซื้อและผู้ประกอบการต่างๆ ให้มีการเฝ้าระวังบุคคลแปลกหน้าและต้องสงสัยที่อาจลักลอบเข้ามาภายในร้านเพื่อวางระเบิดป่วนได้ ทำให้บรรยากาศในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาสและเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก เป็นไปอย่างเงียบเหงาจนผิดปรกติ
**หน่วยข่าวเตือนคาร์บอมบ์อีก8คันจ่อถล่ม
พ.อ.สุวัฒน์ ทองใบ รองหัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ และรองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า พฤติกรรมของผู้ก่อเหตุรุนแรงในครั้งนี้เป็นการกระทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว และกลุ่มตนเองโดยไม่ได้คำนึงถึงผลร้ายที่จะเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ ทั้งไทยพุทธและไทยมุสลิม จึงขอเรียกร้องให้ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม NGOs ภาคประชาสังคม,เครือข่ายองค์กรต่างๆ,สื่อสารมวลชน และพี่น้องประชาชนทุกเชื้อชาติศาสนา ร่วมกันประณามการกระทำดังกล่าว และลุกขึ้นมาปฏิเสธและต่อต้านพฤติกรรมสุดโต่ง ก่อการร้ายอย่างจริงจัง เพื่อคืนความเป็นธรรมให้ผู้สูญเสียในครั้งนี้และทุกๆ เหตุการณ์ที่ผ่านมา
ขณะที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ออกแจ้งเตือนตรวจสอบรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากเชื่อว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงจะนำมาก่อเหตุในพื้นที่ ประกอบด้วย รถยนต์กระบะ นิสสัน นาวาร่า 4 ประตูสีน้ำตาล (ทอง) ทะเบียน ขฉ1817 สงขลา,รถยนต์กระบะ อีซูซุ ดีแม็ค สีเทา ทะเบียน บร 7934 สงขลา,รถยนต์กระบะ โตโยต้า ไมตี้เอ็กซ์ สีขาว ทะเบียน กห 62702 มีนาม หน่วย นพค 42 ที่ประตู , รถยนต์กระบะ มิตซูบิชิ ไทรทัน สีดำ 4 ประตู ไม่ติดป้ายทะเบียน,รถยนต์ กระบะ ฟอร์ดเรนเจอร์ สีเขียว ทะเบียน ลน 176 กรุงเทพฯ ,รถยนต์กระบะ โตโยต้า ไฮลักซ์ 4 ประตู สีน้ำเงินเทา ทะเบียน ขฉ 2214 สงขลา , รถยนต์กระบะ มิตซูบิชิ ไทรทัน สีดำ ทะเบียนประเทศมาเลเซีย DDN 2321 และรถยนต์กระบะ มาสด้า ทันเดอร์ สีเทา ทะเบียน บง 2612 ปัตตานี โดยรถทั้ง 8 คันนี้จะต้องจับตาเป็นพิเศษ
**หาดใหญ่ยกระดับการรักษาความปลอดภัย
หลังจากเกิดเหตุระเบิดหลายจุดติดต่อกัน 2 วันที่ จ.ยะลา ทำให้มีการยกระดับการรักษาความปลอดภัยพื้นที่ อ.หาดใหญ่สูงสุด โดยทางตำรวจ สภ.หาดใหญ่ ได้สนธิกำลังกับทหารมณฑลทหารบกที่ 42 ค่ายเสนาณรงค์ และเครือข่ายวิทยุเครื่องแดงภาคประชาชนกว่า 200 นาย และปล่อยแถวออกรักษาความปลอดภัย ในพื้นที่บริเวณโดยรอบของตัวเมืองหาดใหญ่ทั้งย่านการค้า การท่องเที่ยว รวมทั้งพื้นที่รอบนอก ซึ่งมีการตั้งจุดตรวจด้านความมั่นคง ทั้งสี่มุมเมืองตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นมาตรการเร่งด่วนในการป้องกันการก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ โดยเฉพาะกรณีที่พบวัตถุต้องสงสัยให้รีบประสานเจ้าหน้าที่ EOD เข้าตรวจสอบทันที และเป็นมาตรการต่อเนื่องไปจนถึงเทศกาลสงกรานต์
ขณะที่นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่คุมเข้มพื้นที่ที่อาจตกเป็นเป้าหมายในการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ โดยได้ออกมาตรการด่วน 8 ข้อให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยใน 7 อำเภอเป้าหมายทั้ง อ.หาดใหญ่ อ.สะเดา อ.จะนะ อ.เทพา อ.สะบ้าย้อย อ.นาทวี และ อ.เมืองสงขลา ถือปฏิบัติ และเพิ่มการดูแลรักษาความปลอดภัยพื้นที่ให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น ทั้งการตั้งจุดตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย ดูแลพื้นที่เมืองธุรกิจ การตรวจวัตถุต้องสงสัย ต้องให้ชุด EOD เข้าไปตรวจสอบ และให้รองผู้ว่าราชการจังหวัด ฝ่ายความมั่นคง และปลัดจังหวัด ออกติดตามและประสานการปฏิบัติงานของหน่วยปฏิบัติอย่างใกล้ชิด
**"เจะอามิง"จี้ "ปู" ลงใต้สร้างความเชื่อมั่น
ด้านนายเจะอามิง โตะตาหยง อดีต ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า แม้จะมีเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้นรายวัน แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ไม่ได้ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหา ทั้งที่ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นจากนโยบายการบริหารประเทศที่ผิดพลาดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี แสดงความรับผิดชอบด้วยการลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลใส่ใจปัญหาของประชาชนจริง
ขณะเดียวกันนายเจะอามิง ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่าเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดติดต่อกันในช่วงนี้อาจเป็นเพราะฝ่ายที่ก่อเหตุกำลังทวงถามข้อตกลงที่ทาง พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่งคงแห่งชาติ (สมช.) ได้ไปตกลงไว้หรือไม่ พร้อมกับเรียกร้องให้นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการ สมช.ใช้โอกาสหลังจากได้รับตำแหน่งคืนเร่งแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นโดยเชื่อว่ากรอบแนวคิดของนายถวิล จะสามารถดูแลประชาชนพื้นที่ภาคใต้ได้
**"มาร์ค"จี้รัฐบาลอย่าอ้างเป็นแค่รักษาการ
ฝ่ายนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์บลูสกาย แชแนลว่า อยากให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบได้เร่งหามาตรการดูแลความปลอดภัย จะมาบอกว่าเป็นเพราะเป็นรัฐบาลรักษาการแล้วทำอะไรไม่ได้ก็คงจะไม่ใช่ เพราะมีหลายเรื่องซึ่งรัฐบาลรักษาการสามารถดำเนินการบริหารจัดการได้ตามปกติตามนโยบายที่มีอยู่แล้ว
"ขนาดใน กทม. รัฐบาลรักษาการยังออกประกาศพื้นที่ความมั่นคงได้ และหลังเปลี่ยนตัวเลขาธิการ สมช. มาเป็นนายถวิล เปลี่ยนศรี ก็ต้องเร่งหาทางตั้งหลักการทำงานให้ดีเพราะการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังต้องใช้ระยะเวลาอีกนานพอสมควร ซึ่งไม่ได้หมายความว่าไปรื้อนโยบายที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน แต่ต้องปรับแนวทางท่าทีหรือการปฏิบัติเพื่อให้เป็นผลมากขึ้น" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งคำถามถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เกี่ยวกับเหตุความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า นายกฯออกตรวจดูงานภาคเหนือได้ตั้งแต่ยังไม่เกิดปัญหาหมอกควัน เมื่อภาคอีสานเกิดภัยแล้ง นายกฯ ก็สามารถเดินทางไปได้ และภาคกลางเกิดไฟไหม้บ่อเก็บขยะที่ อ.แพรกษา จ.สมุทรปราการ นายกฯ ก็เดินทางไปตรวจดูงานได้
"แต่ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้เกิดขึ้นตลอดเวลา และทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีทั้งคนเจ็บคนตาย แต่นายกฯ ไม่ลงพื้นไปดูแลและให้ความมั่นใจแก่ประชาชน ทั้งที่นั่งควบถ่างขาในตำแหน่งรักษาการ และ รมว.กลาโหม ซึ่งเป็นหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง ในเมื่ออยากได้ตำแหน่งก็ต้องรับผิดชอบในการทำหน้าที่ดูแลปัญหาของประชาชน ด้วยการลงพื้นที่ เพราะชีวิตคนไม่ใช่ผักปลา และไม่ใช่ใบไม้ที่ร่วงแล้วจะงอกใหม่ได้ เพราะครอบครัวใดที่สูญเสียแล้วจะไม่สามารถกลับมาใหม่ได้ ผมขอถามนายกฯว่าวันนี้นายกฯ ต้องส่องกระจกดูตัวเองว่ามีวุฒิภาวะหรือไม่ที่จะเป็นนายกฯของประเทศไทย และจะเป็น รมว.กลาโหมต่อไปได้หรือไม่" นายจุฤทธิ์ กล่าว