แพร่ - แขวงการทางแพร่ ยันศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ทำประชามติตัดต้นสัก-กระยาเลย รับขยายถนนแพร่-ลองแล้ว คนเห็นด้วย 90% ผู้ว่าฯ บอกด้วยทำแค่ 2 กม.เศษ ที่เหลือผ่านป่าโซนซี ด้านเครือข่ายนักอนุรักษ์เตรียมนำขึ้นเวทีถกหาทางออก ชี้ผลประชามติอาจมีปัญหา
วันนี้ (8 ต.ค.) นายอลงกรณ์ กัวตระกูล แขวงการทางจังหวัดแพร่ กล่าวถึงโครงการขยายทางหลวงหมายเลข 1023 ตอนแพร่-ลอง จาก 2 ช่องจราจร เป็น 4 ช่องจราจร ที่กำลังมีกระแสคัดค้านจากภาคประชาชน และนักอนุรักษ์ เนื่องจากมีการตัดไม้สัก และไม้กระยาเลย 2 ข้างทางออกมากถึง 581 ต้น ว่า เป็นโครงการที่ดำเนินการมานานแล้ว และได้สำรวจผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมถึงการทำประชามติแล้ว ประชาชนกว่าร้อยละ 90 เห็นชอบ ซึ่งรวมถึงการตัดต้นสัก และไม้กระยาเลย 2 ข้างทางออก ก็ยังคงเดินหน้าต่อไปด้วย แต่นายอภิชาต โตดิลกเวชช์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ได้ขอต้นสักเหล่านั้นไปปลูกในแหล่งอนุรักษ์ต่อไป
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า การสร้างทางสายนี้จะหยุดที่ห้วยขมิ้นเท่านั้น ไม่สร้างต่อ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรองรับความเจริญเติบโตของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ศูนย์วิทยบริการจังหวัดแพร่ ที่จะเป็นมหาวิทยาลัยใหญ่ในอนาคต
ล่าสุด นายอภิชาต โตดิลกเวชช์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ระบุว่า จะทำถนน 4 ช่องทางไปอีกเพียง 2 กิโลเมตรเศษเท่านั้น ที่เหลือผ่านพื้นที่ป่าโซนซีทำไม่ได้ จึงจะหยุดไว้เท่านี้ ซึ่งตอนนี้จุดที่สร้างอยู่ระหว่างการตรวจนับต้นไม้ ส่วนกระแสอนุรักษ์ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี ตนก็สนับสนุนด้วยการขอใช้ประโยชน์จากต้นสัก โดยจะย้ายไปปลูกในที่แห่งใหม่ที่แยกกอเปา ศูนย์ประชุมเออีซี ประตูสู่ล้านนา อ.เด่นชัย และเมืองใหม่ ต.น้ำชำ อ.เมือง
“ไม้เหล่านี้จะไม่ตัด เนื่องจากคนแพร่หวงแหนทรัพยากรธรรมชาติ จังหวัดจึงจะใช้วิธีการย้ายต้นไม้แทน”
ด้านนายบุญช่วย กันกา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.ป่าแมต อ.เมือ ซึ่งอยู่ในพื้นที่สร้างถนน กล่าวว่า การสร้างถนนสายดังกล่าวสร้างความเจริญ และความสะดวกให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ซึ่งในชุมชนไม่มีใครคัดค้าน แต่สนับสนุนให้เร่งก่อสร้างเพราะจะสร้างความเจริญให้แก่ชุมชน กรณีต้นสักนั้นตัดแล้วก็ปลูกใหม่ได้ ไม่ควรเอามาเป็นประเด็นค้านความเจริญ
ขณะที่ นายอำนวย พลหล้า เลขานุการสภาองค์กรชุมชนตำบล จ.แพร่ กล่าวว่า จะนำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นในเวทีสมัชชาประชาธิปไตยชุมชน วันที่ 16 ตุลาคมนี้ เพื่อหาทางออก เพราะกรณีการศึกษาผลกระทบน่าจะมีปัญหา เนื่องจากเมื่อมีการก่อสร้างจริงกลับมีข้อโต้แย้งจากคนรักธรรมชาติ สะท้อนภาพว่าการสำรวจผลกระทบ และการทำประชามติไม่ได้ทำในวงกว้างพอ จึงทำให้เกิดกระแสต่อต้านขึ้นมาภายหลัง
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นเครือข่ายสภาเห็นว่าควรคงต้นไม้ไว้เช่นเดิม และเปลี่ยนแปลงแบบถนนใหม่ โดยสร้างถนนเพิ่มอีก 2 เลน ไม่ต้องรื้อ 2 เลนเดิมออก และให้ก่อสร้างเส้นทางจักรยาน เพื่อส่งเสริมการออกกำลังกาย และการท่องเที่ยวชาวเมืองแพร่