สมัชชา ปชต.แพร่ค้านตัดสักขยายถนนแพร่-ลอง จี้แก้แบบใหม่

แพร่ - สมัชชาประชาธิปไตยชุมชน 42 ตำบลของเมืองแม่ ค้านแขวงการทางตัดไม้สัก-กระยาเลย ขยายถนน 4 เลนสายแพร่-ลอง จี้ออกแบบใหม่คงไม้ใหญ่ไว้เป็นเกาะกลาง พร้อมทำทางจักรยานเพิ่ม

วันนี้ (18 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.แพร่ว่า ระหว่างการประชุมสมัชชาประชาธิปไตยชุมชน ที่มีนายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ เป็นประธานเมื่อเร็วๆ นี้ ที่สวนสุขภาพเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ข้างศาลากลางจังหวัดแพร่ นอกจากจะมีการเสนอประเด็นขับเคลื่อนของประชาชนที่จัดตั้งสภาองค์กรชุมชนตำบลไปแล้ว 42 ตำบล และมีกลุ่มประเด็นขับเคลื่อนรวม 18 ประเด็น เช่น การฟื้นฟูการดูแลสุขภาพแบบพื้นบ้าน การแก้ปัญหาภัยพิบัติ การอนุรักษ์บ้านเก่าชุมชนโบราณเมืองแพร่ การแก้ปัญหาที่ดิน การบริหารจัดการน้ำแล้ว

ยังมีการเสนอประเด็นร้อนในจังหวัด คือ โครงการสร้างถนน 4 ช่องจราจรทางหลวงหมายเลข 1023 ตอนแพร่-ลอง จุดก่อสร้างจากตัวเมืองแพร่-ทางแยกเข้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง ศูนย์วิทยบริการ จ.แพร่ ระยะทาง 2 กิโลเมตรเศษ เขต ต.ป่าแมต อ.เมือง ซึ่งแขวงการทางจังหวัดแพร่ยืนยันแล้วว่าต้องนำต้นไม้สองข้างทางออกทั้งหมด แยกเป็นต้นสัก 400 ต้น กระยาเลย 100 ต้น รวม 500 ต้น เพื่อความปลอดภัย และขณะนี้ได้ว่าจ้างผู้รับเหมาไปเรียบร้อยแล้วในวงเงิน 35 ล้านบาท รอเพียงการอนุญาตจากกรมป่าไม้ให้ดำเนินการเอาต้นไม้ออกเท่านั้น

โดยสมัชชาประชาธิปไตยชุมชน ซึ่งเป็นเสียงประชาชนกลุ่มอนุรักษ์และตัวแทนชาวบ้านใน 42 ตำบลได้ยื่นข้อเสนอว่า 1. ให้จังหวัดชะลอโครงการสร้างถนน 4 ช่องทาง แล้วทำการแก้ไขแบบให้มีต้นไม้สักและไม้อื่นที่มีขนาดใหญ่อยู่ที่เดิมเพื่อให้เป็นถนนร่มรื่นสวยงามด้วยต้นไม้ โดยเฉพาะต้นไม้ที่ปลูกล้วนเป็นการปลูกเพื่อรับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อครั้งเสด็จฯ ทรงเปิดอาคารมหาวิทยาลัยรามคำแหง

2. การแก้ไขแบบใหม่ให้สร้างแนวขอบถนนเป็นคอนกรีตป้องกันรถเกิดอุบัติเหตุ 3. สร้างทางจักรยานผ่านแนวต้นไม้ที่อนุรักษ์ไว้ เพื่อส่งเสริมสุขภาพและการออกกำลังกายของประชาชน

ด้านนายบุญช่วย กันกา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.ป่าแมต อ.เมือง กล่าวว่า เรื่องถนนมีความจำเป็นที่จะต้องขยาย และเป็นความต้องการของคนในชุมชน แต่เมื่อเห็นว่าแขวงการทางออกแบบไม่ตรงความต้องการของชาวบ้านที่ต้องการให้มีเกาะกลางเพื่อความสวยงาม ดังนั้นชาวบ้านใน ต.ป่าแมตก็ขอให้มีการแก้ไขแบบใหม่ ให้สร้างถนนอย่างคุ้มค่าด้วยงบประมาณที่ต้องเสียไป

โดยเฉพาะต้นสักสองข้างทางที่ชาวบ้านร่วมกันปลูกเพื่อให้ความร่มรื่นเพื่อการรับเสด็จ ถือเป็นประวัติแห่งความจงรักภักดีของชาวแพร่เหมือนกัน จึงไม่ควรเอาต้นสักออก