xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ลั่นคว่ำประชามติไม่ผิด กม. ย้ำไม่ควรรื้อทั้งฉบับ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (แฟ้มภาพ)
“อภิสิทธิ์” เผยจดหมายเปิดผนึกแค่ชี้นำวิธีทำประชามติไม่ผ่าน ยันไม่ได้สวนทางศาล รธน. ย้ำไม่ควรรื้อทั้งฉบับ หนุนแก้เฉพาะจุด แต่เชื่อชำเราหมดเพราะหาทางปลดล็อก ม.309 ไม่ได้ โต้ กกต.ลั่นคว่ำไม่ได้สร้างความวุ่นวาย ด้าน “องอาจ” สอดรับประชาธิปัตย์ไม่เอาแก้ทั้งฉบับ ย้ำไม่ได้ทำผิดกฎหมาย


วันนี้ (17 ธ.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงจดหมายเปิดผนึกของตนเองทางเว็บไซต์เฟซบุ๊กส่วนตัวที่ระบุถึงการลงประชามติว่า ตนเห็นว่าขณะนี้เราติดหล่มกันในเรื่องการเมือง ซึ่งชัดเจนว่ารัฐบาลก็ยังหมกมุ่นอยู่กับการแก้ปัญหาเกี่ยวกับคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งหัวใจสำคัญข้อหนึ่งที่รัฐบาลจะต้องดำเนินการก็คือ การพยายามล้มคดีด้วยการรื้อรัฐธรรมนูญโดยใช้วิธีการทำประชามติ ซึ่งในจดหมายเปิดผนึกของตนนั้นก็เป็นเพียงการเชิญชวนว่าเป็นโอกาสของประชาชนที่ต้องยืนยันให้เห็นว่าประชาชนกับกฎหมายต้องใหญ่กว่าอำนาจรัฐ อำนาจเงิน แม้พรรคเพื่อไทย หรือพรรคของบริวาร พ.ต.ท.ทักษิณจะชนะการเลือกตั้งและมีอำนาจ แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ตนจึงเห็นว่าโอกาสนี้ประชาชนสามารถที่จะทำให้การทำประชามติครั้งนี้ไม่ผ่านได้ เพื่อเป็นการยืนยันหลักการดังกล่าว ซึ่งตนก็ไม่ได้เห็นสวนทางกับศาลรัฐธรรมนูญที่ว่าต้องมีการทำประชามติก่อนแก้รัฐธรรมนูญ เพราะการล้มประชามติในความหมายของตนของตนคือการใช้กระบวนการทำให้การลงประชามติไม่ผ่านเพื่อแสดงให้รัฐบาลเห็น

“ผมคิดว่าถ้ารัฐบาลจะรื้อรัฐธรรมนูญก็ต้องทำประชามติ ไม่ใช่เดินหน้ารื้อรัฐธรรมนูญไปเลย แต่ว่าประเด็นก็คือ ไม่ควรรื้อรัฐธรรมนูญทั้งฉบับจะดีที่สุด หากมีปัญหาตรงไหน อยากจะแก้ไขก็ควรเสนอมาแล้วช่วยกันแก้ไข ซึ่งที่ผ่านมาก็มีคณะกรรมการหลายชุดศึกษามาแล้ว ซึ่งก็มี 6-7 ประเด็นที่ควรแก้ไข เพียงแต่ว่าทางรัฐบาล ทางพรรคเพื่อไทย และน.ส.ยิ่งลักษณ์ เห็นว่า 6-7 ประเด็นนั้นไม่มีเรื่องมาตรา 309 ที่จะไปช่วยเรื่องคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เลยหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ว่าจะต้องรื้อตรงนั้นตรงนี้ทั้งหมด แต่ว่าก็สูตรก็คือว่าต้องหาทางปลดล็อคมาตรา 309 เพื่อล้มคดีให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเหมือนกับสูตรปรองดองที่รัฐบาลจะทำอะไรก็ตามต้องพ่วงกฎหมายนิรโทษกรรม คอร์รัปชั่น เข้าไปด้วย” นายอภิสิทธิ์กล่าว

นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้แสดงความเห็นว่าการคว่ำการทำประชามติอาจจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายว่า ไม่มีใครก่อความวุ่นวายอยู่แล้ว ซึ่งตนก็พูดมาโดยตลอดว่าเราไม่มีการก่อความวุ่นวาย แต่จะทำตามเจตนารมณ์ของกฎหมายประชามติ

ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า พรรคประชาธิปัตย์ยังยืนยันว่าไม่เห็นด้วยต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับโดยไม่มีอะไรเป็นหลักประกันเลยว่าจะไม่เป็นการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้พ้นผิดในทุกคดีที่พิจารณาไปแล้วและกำลังอยู่ในการพิจารณา ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ยังสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา แต่อย่างไรก็ตาม เห็นว่าขณะนี้ไม่สมควรเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ในการทำประชามติก่อนลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ของรัฐบาลนั้น พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ขัดขวางการทำประชามติ แต่ต้องจับตาดูว่ารัฐบาลจะออกแบบการทำประชามติอย่างไร แต่ไม่ว่ารัฐบาลจะออกแบบการทำประชามติอย่างไรก็เป็นสิทธิที่ประชาชนจะลงคะแนนเสียงเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ส่วนแนวคิดของรัฐบาลที่ว่าแม้ผลการทำประชามติจะออกมาว่าไม่เห็นด้วย แต่รัฐบาลก็สามารถใช้รัฐสภาลงมติวาระ 3 เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไปได้นั้น แสดงให้เห็นว่าไม่ว่าผลการลงมติจะออกมาอย่างไรก็ไม่สามารถล้มการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ ทั้งที่ในความเป็นจริงในการทำประชามติก็เพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วนใช้เสียงการทำประชามติเพื่อยุติปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจากการทำรัฐธรรมนูญ คือหนทางแก้ไขปัญหา ทุกฝ่ายก็ควรทำตามกรอบของกฎหมาย และยอมรับผลประชามติ

“หากมีประชาชนมาออกเสียงเกินกึ่งหนึ่ง หรือ 23 ล้านเสียง และส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐบาลก็สมควรเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่หากประชาชนออกเสียงไม่ถึง 25 ล้านเสียงการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือร่างใหม่ทั้งฉบับก็ควรยุติ” นายองอาจกล่าว

นายองอาจกล่าวว่า จากกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้แสดงความเห็นว่าการคว่ำการทำประชามติอาจจะเป็นการกระทำที่ผิดตามมาตรา 43 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2552 นั้น ตนยืนยันว่าการดำเนินการใดๆ ของพรรคประชาธิปัตย์จะไม่ดำเนินการที่ผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาด เพราะไม่ว่าจะเป็น 1. การก่อความวุ่นวายเพื่อให้การออกเสียงประชามติไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย 2. ให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดอาจจะคำนวณเป็นเงิน หรือ 3. หลอกลวงบังคับขู่เข็ญหรือใช้อิทธิพลคุกคาม ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ก็คงไม่ทำเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว เพราะการกระทำของพรรคจะอยู่ในครรลองของกฎหมายและบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ


กำลังโหลดความคิดเห็น