“ประดิษฐ์” ขึ้นเชียงใหม่ติดตามนโยบาย พร้อมสั่งสอบบริษัทตรวจสุขภาพ “ร.ร.ยุพราชฯ”

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - รมว.สาธารณสุขขึ้นเชียงใหม่ติดตามนโยบายพัฒนาระบบบริการ เผยวางแผนร่วมกันทั้งโรงพยาบาลแม่ข่าย-ลูกข่ายเพิ่มประสิทธิภาพการรักษากลุ่ม 10 สาขา พอใจหลังพบบริหารทรัพยากรร่วมกันช่วยเพิ่มความคุ้มค่า-ลดความสิ้นเปลือง แถมช่วยแก้ปัญหาโรงพยาบาลใหญ่แออัด แจงกรณี ร.ร.ยุพราชฯ ตรวจร่างกายให้ สสจ.วางแผนดูแลแล้ว พร้อมตรียมสอบบริษัทว่าถูก กม.หรือไม่ ส่วนอนาคตเตรียมแจ้งรายละเอียดผู้ประกอบการให้ ปชช.ศึกษาก่อนตัดสินใจ

วันนี้ (30 ส.ค.) ที่โรงพยาบาลนครพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่ นายแพทย์ประดิษฐ์ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในการประชุมติดตามการปฏิบัติงานตามนโยบายพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan) ที่เกี่ยวข้องเขตพื้นที่เครือข่ายบริการที่ 1 โดยมีผู้บริหารของกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุข และบุคลากรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

การประชุมดังกล่าวมีขึ้นเพื่อติดตามความคืบหน้าและผลการดำเนินงานตามแผนการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการพัฒนาใน 10 สาขา ประกอบด้วย อุบัติเหตุ, หัวใจและหลอดเลือดสมอง, ทารกแรกเกิด, มะเร็ง, บริการ 5 สาขาหลัก (สูติ, ศัลย์, อายุรกรรม, กุมารเวช, ออร์โธปิดิกส์), ตาและไต, ปฐมภูมิฯ, โรคเรื้อรัง, จิตเวช และทันตกรรม เพื่อให้ประชาชนในทุกพื้นที่ได้รับบริการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพมาตรฐานเดียวกัน และสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างรวดเร็ว

โดยในส่วนของเขตบริการสุขภาพที่ 1 ซึ่งประกอบด้วย 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนนั้นได้แบ่งกลุ่มการบริการเป็น 3 เครือข่ายย่อยให้เหมาะกับสภาพพื้นที่และมีโรงพยาบาลศูนย์เป็นแม่ข่าย ซึ่งทั้ง 3 เครือข่ายประกอบด้วย เครือข่ายย่อยที่ 1 มีโรงพยาบาลนครพิงค์ โรงพยาบาลลำพูน และโรงพยาบาลแม่ฮ่องสอน เครือข่ายย่อยที่ 2 มีโรงพยาบาลลำปาง โรงพยาบาลแพร่ และโรงพยาบาลน่าน และเครือข่ายย่อยที่ 3 มีโรงพยาบาลเชียงราย โรงพยาบาลพะเยา และโรงพยาบาลเชียงคำ ซึ่งในแต่ละกลุ่มจะมีการพัฒนาโรงพยาบาลชุมชนในพื้นที่เป็นเครือข่ายเพื่อให้บริการควบคู่ไปกับการพัฒนาโรงพยาบาลใหญ่ ด้วยการใช้ทรัพยากรร่วมกันทั้งบุคลากร เครื่องมือแพทย์ เตียงผู้ป่วย และห้องผ่าตัด รวมทั้งมีระบบการดูแลผู้ป่วยและประชาชนเชื่อมโยงตั้งแต่ระดับพื้นฐานจนถึงระดับเชี่ยวชาญ

โดยในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ได้จัดทำแผนพัฒนาระบบบริการปี 2556-2560 โดยแบ่งการบริหารจัดการออกเป็น 3 โซน ประกอบด้วย โซนเหนือมีโรงพยาบาลฝางเป็นแม่ข่าย โซนกลางมีโรงพยาบาลนครพิงค์ซึ่งเป็นโรงพยาบาลศูนย์ของจังหวัดเป็นแม่ข่าย และโซนใต้มีโรงพยาบาลจอมทองเป็นแม่ข่าย อีกทั้งยังมีแผนในการพัฒนาโรงพยาบาลชุมชนเพื่อรองรับดูแลผู้ป่วยทั่วไปที่อาการไม่ซับซ้อนอีก 3 แห่ง คือโรงพยาบาลสันทราย รองรับเด็กทารกแรกเกิดที่มีภาวะวิกฤต โรงพยาบาลหางดงรองรับการผ่าตัด และโรงพยาบาลสันป่าตองรองรับผู้ป่วยโรคทั่วไป และโรคไม่ติดต่อ

สำหรับผลการดำเนินงานของจังหวัดเชียงใหม่หลังจากดำเนินการพัฒนาระบบบริการทั้ง 10 สาขา พบว่าในสาขาศัลยกรรมจังหวัดเชียงใหม่ได้ใช้นโยบาย One Province One Hospital เพื่อดูแลผู้ป่วยไส้ติ่งอักเสบ โดยจัดระบบตารางการผ่าตัดของโรงพยาบาลแม่ข่ายและโรงพยาบาลลูกข่ายเพื่อแก้ปัญหาผู้ป่วยล้นเตียง ผลปรากฏว่าในปี 2556 โรงพยาบาลหางดงสามารถผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบได้ถึง 213 ราย จากเดิมที่ผ่าตัดได้เพียง 35 รายในปี 2555 ขณะที่โรงพยาบาลสันทรายสามารถผ่าตัดไส้ติ่งได้ 54 ราย จากเดิมที่ผ่าตัดได้เพียง 15 รายในปี 2555 ขณะที่ในสาขาศัลยกรรมกระดูกได้มีการจัดบริการให้คำปรึกษาผ่านระบบ Line Application โดยมีแพทย์จากโรงพยาบาลนครพิงค์เป็นแม่ข่าย ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวทำให้แพทย์จากโรงพยาบาลต่างๆ สามารถขอคำปรึกษาและส่งภาพถ่ายฟิล์มเอกซเรย์ให้แพทย์ที่โรงพยาบาลแม่ข่ายช่วยพิจารณา และทำให้สามารถทำการรักษาโดยไม่ต้องส่งต่อได้ถึง 42 ราย เป็นต้น

นายแพทย์ประดิษฐ์ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การเดินทางมาในครั้งนี้เป็นการติดตามแผนการพัฒนาระบบบริการทั้ง 10 สาขาว่าสามารถดำเนินการได้ผลมากน้อยเพียงใด และมีปัญหาหรืออุปสรรคอะไรบ้าง โดยเป้าหมายของแผนงานดังกล่าวคือการดูแลและให้การรักษาแก่ประชาชนในกลุ่มโรคทั้ง 10 สาขาจะต้องมีมาตรฐานที่เท่าเทียมกัน สามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็วและไม่ต้องรอนาน โดยแนวคิดหลักของแผนงานนี้ก็คือการบริหารทรัพยากรของแต่ละโรงพยาบาลร่วมกันเพื่อลดความสิ้นเปลืองหรือขาดแคลน รวมทั้งเพื่อให้เกิดประโยชน์ในการให้บริการสูงสุด

นายแพทย์ประดิษฐ์กล่าวว่า จากเดิมสิ่งที่เกิดขึ้นตามโรงพยาบาลขนาดใหญ่คือความแออัดและระยะเวลาในการรับการรักษา ส่วนในโรงพยาบาลขนาดเล็กบางแห่งก็มีทรัพยากรที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่เมื่อมีการนำมาบริหารจัดการร่วมกันและกระจายการรักษาออกไปยังโรงพยาบาลลูกข่าย นอกจากโรงพยาบาลลูกข่ายจะเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา สามารถให้บริการผู้ป่วยได้มากขึ้นและใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ได้อย่างคุ้มค่าแล้ว โรงพยาบาลแม่ข่ายก็จะได้รับประโยชน์จากการลดความแออัดหรือจำนวนผู้ป่วยที่จะมุ่งตรงมายังโรงพยาบาล และสามารถให้ความสำคัญต่อการรักษาในระดับใหญ่ที่ซับซ้อนขึ้นได้มากขึ้น

ทั้งนี้ นายแพทย์ได้กล่าวถึงกรณีการตรวจสุขภาพประจำปีของโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเกิดปัญหานักเรียน ครู และบุคลากรเกิดความหวาดกลัวและออกมาเรียกร้องหาผู้รับผิดชอบ ภายหลังทราบว่าบริษัท เค แอนด์ เจ เฮลธ์แคร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการตรวจสุขภาพเคยมีประวัติไม่เปลี่ยนเข็มในการเจาะเลือดเมื่อครั้งดำเนินการที่โรงเรียนสระบุรีวิทยาคม จังหวัดสระบุรีว่า ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขนั้น เบื้องต้นจะต้องมีการตรวจสอบว่าบริษัทดังกล่าวได้รับอนุญาตให้ดำเนินการให้บริการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ หากพบว่าเป็นบริษัทเถื่อนก็จะมีความผิดตามกฎหมาย แต่หากพบว่าได้รับใบอนุญาตถูกต้องก็จะต้องทำการประเมินคุณภาพการให้บริการ รวมไปถึงขั้นตอนการดำเนินงานและบุคลากรว่าเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดหรือไม่ หากพบว่าไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ก็จะทำการเพิกถอนใบอนุญาตทันที

ส่วนมาตรการในขั้นตอนต่อไปได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำรายชื่อสถานประกอบการหรือบริษัทที่ให้บริการในด้านการตรวจสุขภาพที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุขทั้งหมดมาแสดงไว้บนเว็บไซต์ของกระทรวง เพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้ที่ต้องการใช้บริการตรวจสอบหรือศึกษาประกอบการตัดสินใจ ขณะที่การดูแลให้ความช่วยเหลือนักเรียน ครู และบุคลากรที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ ได้มอบหมายให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่เข้าไปตรวจสอบแล้ว โดยจะมีการวางแผนเพื่อทำการตรวจสุขภาพและเจาะเลือดซ้ำ เพื่อตรวจสอบว่านักเรียน ครู และบุคลากรได้รับผลกระทบจากการตรวจสุขภาพที่เอกชนดำเนินการหรือไม่ หากพบว่ามีการติดเชื้อหรือเจ็บป่วยก็จะทำการดูแลรักษาต่อไป

อย่างไรก็ตาม การดำเนินการในเรื่องดังกล่าวเป็นขั้นตอนของการเฝ้าระวัง ไม่อยากให้มองว่าเป็นการรักษาเยียวยา เพราะในขณะนี้ยังไม่ทราบว่าจะมีคนที่ได้รับผลกระทบหรือไม่ หากใช้คำว่ารักษาเยียวยาอาจทำให้เกิดความตื่นตระหนกขึ้นได้ ส่วนการดำเนินการตามกฎหมายนั้นคงเป็นหน้าที่ของผู้ที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการเพื่อรักษาสิทธิของผู้ที่ได้รับผลกระทบต่อไป