ในที่สุดโปรเจกต์พัฒนารถยนต์สุดประหยัดที่มีรูปทรงสุดล้ำของโฟล์คสวาเกนก็กลายเป็นความจริงแล้ว โดยแบรนด์ดังแห่งเยอรมนีเผยโฉมรุ่นจำหน่ายจริงของ XL1 ออกมา พร้อมกับเคลมตัวเลข 0.9 ลิตร/100 กิโลเมตร หรือ 111.11 กิโลเมตรต่อลิตร ด้วยเทคโนโลยีไฮบริดแบบปลั๊กอิน
โฟล์คฯ กับโครงการพัฒนารถยนต์ที่มีรูปทรงเหมือนกับ Bobsled มีให้เห็นมานานแล้วตั้งแต่ปี 2002 กับต้นแบบรุ่น 1-Litre แต่ด้วยลักษณะการจัดวางที่เป็นแถวตอนเรียงเดี่ยวทำให้ยากต่อการเข้าออกจากห้องโดยสาร ผลก็คือ ทำให้โฟล์คฯ พัฒนาโปรเจกต์ต่อมาที่เรียกว่า L1 ในปี 2009 และ XL-1 ในปี 2010 ก่อนที่จะเปิดตัวรุ่นจำหน่ายจริงในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยยึดรูปโฉมของรุ่น XL-1
ตัวรถรุ่นนี้มากับน้ำหนักที่เบาเพียง 795 กิโลกรัม ด้วยตัวถังที่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ และมีความสูงเพียง 1,153 มม. บวกกับความเพรียวลมด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน 0.189 ขณะที่ตัวถังมีความยาว 3,888 มิลลิเมตร กว้าง 1,682 มิลลิเมตร ซึ่งมากขึ้นจากรุ่น 1-Litre Car เพราะว่าในคราวนี้มีการจัดวางเบาะนั่งในแบบเรียงหน้ากระดานเหมือนกับรถยนต์ทั่วไป ไม่ต้องเรียงเดี่ยวเป็นแถว
อีกปัจจัยที่ส่งผลต่อเนื่องไปยังความประหยัดน้ำมันคือ ระบบขับเคลื่อนในรูปแบบไฮบริดปลั๊กอิน ซึ่งต้นกำลังขับเคลื่อนจะเป็นหน้าที่ของเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลแบบ 2 สูบ 48 แรงม้าทำงานร่วมกับ E-Motor ขนาด 27 แรงม้า และส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบคลัตช์คู่ DSG 7 จังหวะ และใช้แบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไออนในการเก็บกระแสไฟฟ้า โดยตัวรถปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาเพียง 21 กรัมต่อ 1 กิโลเมตรในระหว่างการใช้งาน
นอกจากนั้น ตัวไฮบริดยังสามารถชาร์จกระแสไฟฟ้าเข้ามาเก็บในแบตเตอรี่ได้ด้วย โดยในช่วงแรกของการขับเคลื่อน ระบบจะขับในรูปแบบของ EV Mode ในระยะทางไม่เกิน 50 กิโลเมตร จากนั้นเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด เครื่องยนต์ก็จะถูกปลุกขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ขับเคลื่อนต่อไป
ในด้านสมรรถนะของการขับขี่อาจจะไม่ได้โดดเด่นมากมายนัก เพราะเป็นรถยนต์ที่เน้นในเรื่องของความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งตัวรถสามารถทำความเร็วได้สูงสุด 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง และใช้เวลาเพียง 12.7 วินาทีในการทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยมีค่าเฉลี่ยของความสิ้นเปลืองอยู่ที่ 111.11 กิโลเมตร/ลิตร
แม้จะผลิตขายจริง แต่ด้วยรูปร่างและความพิเศษของตัวรถ ทำให้โฟล์คฯ ยังไม่ตัดสินใจขึ้นไลน์ผลิตเพื่อขายแบบเชิงพาณิชย์ แต่ทว่าจะเป็นการผลิตในจำนวนจำกัด เพียง 1,000 คันเท่านั้น ส่วนราคายังไม่เปิดเผย แต่ถ้าพิเศษขนาดนี้ ราคาไม่น่าจะถูก