ASTVผู้จัดการออนไลน์ - เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต สั่ง “หลวงปู่เณรคำ” ให้ปากคำด้วยตนเองภายใน 30 มิ.ย. ไม่มาเจอพิจารณาด้านพระธรรมวินัย “พศ.” ชี้อยู่ต่อตามวีซ่าได้ แต่ต้องขอ ศ.ต.ภ พ้นกำหนดแล้วยังไม่กลับ เจ้าอาวาสมีสิทธิขับออกจากวัด หาสังกัดใหม่ไม่ได้ตามกำหนดเป็น “พระเถื่อน” ทันที ภาคปชช.แจ้งกองปราบสอบสวนเข้าข่ายผิดอาญาอีก 8 ประเด็น ผอ.รพ.ร้อยเอ็ด แจงที่มาอาคารสงฆ์ไม่เกี่ยวข้องหลวงปู่เณรคำแล้ว “ศิษย์เอก” ฉวยโอกาสเชิญ “ปู” ร่วมพิธีห่มผ้าพระแก้วมรกตจำลอง อ้างเฉยให้เกียรติพระเถรานุเถระนานาชาติ
วานนี้ (27 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากวัดป่าขันติธรรม บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นวันแรกของการจัดงานมหาพิธีห่มผ้าฤดูฝน พระแก้วมรกตจำลององค์ใหญ่ที่สุดในโลก บรรยากาศยังคงเป็นไปอย่างเงียบเหงา ไม่คึกคักเหมือนงานบุญต่างๆ ที่ผ่านมา มีเพียงพระสงฆ์ของวัดที่เดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่สาขาพากันเดินทางมาร่วมพิธี ส่วนพุทธศาสนิกชนมาร่วมพิธีน้อยมาก
วัดป่าขันติธรรมเงียบเหงาผิดจากงานบุญทุกครั้ง
โดยผู้ที่มาค้างคืนตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน ได้ออกมาเดินจงกรมรอบองค์พระแก้วมรกตจำลอง นอกจากนี้ ยังมีการตั้งโรงทาน แต่มีเพียง 3 โรงเท่านั้น จากที่เคยมีนับสิบรายในงานบุญทุกครั้ง ขณะที่กำหนดการองงานเวลา 07.00 น. มีพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้ง แต่เมื่อถึงเวลา กลับไม่มีการตักบาตร ส่วนเวลา 12.00-17.00 น. ที่เปิดให้พุทธศาสนิกชนกราบนมัสการหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ต้องเปลี่ยนแปลงไป เพราะหลวงปู่เณรคำยังไม่เดินทางกลับวัด
ที่บ้านนางลอน มนัส อายุ 68 ปี กลางทุ่งนาบ้านหนองถ่ม ต.ดู่ อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ เจ้าของที่ดินสร้างวัดป่าขันติธรรม และอดีตโยมอุปัฏฐาก คณะกรรมการสอบอธิกรณ์พระวิรพล ฉัตติโก หรือหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม นำโดยพระครูสิริวินัยวัฒน์ เจ้าคณะอำเภอเมือง พระครูวัชรสิทธิคุณ เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต มาสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับสมณเพศ เพื่อนำไปนำเสนอประธานคณะกรรมการ
เจ้าคณะ จว.สั่ง “หลวงปู่เณรคำ” ให้ปากคำ 30 มิ.ย
พระครูวัชรสิทธิคุณ กล่าวว่า คณะสงฆ์จังหวัดศรีสะเกษ มีคำสั่งเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต ฉบับที่ 1/2556 เรื่องให้พระวิรพล ฉัตติโก ปฏิบัติตามคำสั่ง ดังนี้ 1.ให้แจ้งวันที่จะเดินทางกลับมาให้ชัดเจน ให้แจ้งสังกัดวัด โดยให้กลับมาสอบสวนข้อเท็จจริงด้วยตนเองไม่เกินวันที่ 30 มิถุนายน 2.ให้สั่งให้ศิษย์ฆราวาสงดการตอบโต้ข่าวเรื่องพระธรรมวินัย เพราะมิใช่วิสัยของฆราวาส และจะเป็นเหตุทำให้สังคมเข้าใจผิดในหลักธรรมวินัย 3.ให้สั่งศิษย์นำหลักฐานที่เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น มอบให้เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต
ทั้งนี้ หากพระวิรพล ไม่มาพบคณะกรรมการสอบอธิกรณ์ภายในวันที่ 30 มิถุนายน จะรายงานให้ประธานคณะกรรมการพิจารณาด้านพระธรรมวินัยต่อไป
“พศ.” เผย “ศ.ต.ภ.” ชี้เป็น-ตายสู่การเป็น “พระเถื่อน”
นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า หากหลวงปู่เณรคำ ไม่เดินทางกลับตามกำหนดที่ขออนุญาตจากศูนย์ควบคุมการเดินทางไปต่างประเทศสำหรับพระภิกษุสามเณร (ศ.ต.ภ.) ก็มีแนวทางดำเนินการหลายด้าน เช่น 1.ประเทศนั้นเห็นว่าไม่กลับก็แจ้งให้กลับมาได้ 2.ศ.ต.ภ.กำหนดอนุญาตให้อยู่ 10 วัน แต่วีซ่าให้อยู่ 3 เดือน ซึ่งต้องขออนุญาตต่อระยะเวลามายัง ศ.ต.ภ. หาก ศ.ต.ภ.ไม่อนุญาตแล้วยังไม่เดินทางกลับ เจ้าอาวาสก็มีสิทธิที่จะขับออกจากวัดไม่ให้อยู่ในสังกัด และหากไม่สามารถหาสังกัดอยู่ได้ตามระยะเวลาที่กำหนด ก็ถือว่าเป็น “พระเถื่อน” ทันที
ส่วนกรณีที่มีการตั้งบริษัทรับจัดสร้างพระนั้น ประชาชนสามารถร้องให้กรมสรรพากรเข้าไปตรวจสอบสถานะการเงินของบริษัทดังกล่าวได้
ยังยื้อไม่ขออนุญาตกรมศิลป์สร้างพระแก้วจำลอง
นายสหวัฒน์ แน่นหนา อธิบดีกรมศิลปากรกล่าวว่า ได้ทำหนังสือเรื่องการจำลองพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ถึงพระวิรพล ฉัตติโก ว่า การจำลองพระพุทธรูปสำคัญต้องขออนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรถึงอธิบดีกรมศิลปากร เมื่อเห็นชอบจะนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อนำความกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตจำลองพระพุทธรูปสำคัญ ซึ่งผู้ขออนุญาตจะยังไม่สามารถจำลองพระพุทธรูปสำคัญได้ จนกว่าจะมีพระบรมราชานุญาต และอธิบดีกรมศิลปากรมีหนังสือแจ้งผู้ขออนุญาตแล้ว แต่ยังไม่มีการติดต่อกลับมา
ภาค ปชช. บุกกองปราบฯ สอบเพิ่ม 8 ข้อส่อผิดอาญา
ที่กองปราบปราม นายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เข้าพบ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. เพื่อขอให้สืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติม กรณีหลวงปู่เณรคำ ซึ่งขณะนี้ตรวจสอบเบื้องต้นพบการกระทำที่น่าจะเข้าข่ายความผิดเพิ่มเติม 8 ประเด็น คือ 1.การออกใบสำคัญรับเงินที่แสดงว่าได้รับเงิน หรือทรัพย์สินจากการบริจาค เรี่ยไร ของหลวงปู่เณรคำ หรือบริษัท ขันติธรรมก้าวหน้า จำกัด นั้นมีหรือไม่ 2.บุคคล หรือนิติบุคคลที่หลงเชื่อโฆษณาสร้างถาวรวัตถุของหลวงปู่เณรคำ หรือบริษัท ขันติธรรมก้าวหน้า จำกัด มีหลักฐานการส่งมอบหรือไม่
3.ผู้รับเหมาก่อสร้างพระแก้วมรกตจำลอง หรือถาวรวัตถุในวัดป่าขันติธรรม และสาขา จดแจ้งสถานะของสำนักสงฆ์เช่นไร การจัดสร้างพระแก้วมรกตได้รับพระบรมราชานุญาตแล้วหรือไม่ 4.ทรัพย์สินที่ได้รับหลวงปู่เณรคำ หรือบริษัท ขันติธรรมก้าวหน้า จำกัด นำไปมอบให้ หรือยักย้ายถ่ายเท หรือจำหน่ายจ่ายโอนโดยใช้ชื่อบุคคล หรือนิติบุคคลเป็นผู้ถือครอง หรือมีผู้ถือกรรมสิทธิ์แทนหรือไม่
5.การขอรับบริจาค หรือเรี่ยไร ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ มีระยะเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดเมื่อใด ซึ่งใบอนุญาตดังกล่าวจะออกโดยกรมการปกครอง 6.การใช้ชื่อโรงพยาบาลร้อยเอ็ด รับเงินบริจาคหรือเรี่ยไร โดยมีชื่อหลวงปู่เณรคำ โฆษณารับบริจาคเพื่อสร้างอาคาร มีการเปิดบัญชีธนาคาร โดยผู้อำนวยการโรงพยาบาลรู้เห็นหรือไม่ เงินในบัญชีมีเท่าไหร่ ใช้ตามที่โฆษณาหรือไม่ 7.การใช้ชื่อวัดป่าขันติธรรมโดยรู้อยู่แล้วว่าไม่ได้มีสถานะเป็นวัด เป็นเจตนาปกปิดข้อเท็จจริง ทำให้ผู้อื่น หรือประชาชนได้รับความเสียหาย
8.การรับเงิน และทรัพย์สินที่เกิดความเสียหาย ปรากฏพยานหลักฐานจาก 2 กรณี คือ พิธีมหากฐินทาน ทำต้นกฐินสูง 9 เมตร 36 ต้น ได้เงินบริจาคกว่า 100 ล้านบาท เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2553 และหลวงปู่เณรคำ กล่าวในพิธีวางศิลาฤกษ์สร้างมหาวิหาร และเครื่องทรงคลุมองค์พระแก้วมรกตจำลอง ระหว่างวันที่ 11-16 เมษายน 2554 ว่า ทองคำที่รับบริจาคมากว่า 2 ปี มีกว่า 8,000 กิโลกรัม จึงประสานร้านทองคำซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญให้คำนวณปริมาณกับราคาขาย พบว่ามีมูลค่ากว่า 9,000 ล้านบาท แต่ไม่ทราบว่าทองคำทั้งหมดอยู่ที่ไหน
“อยากให้กองปราบช่วยสืบสวน หากพบว่าเข้าข่ายความผิดอาญาก็ขอให้ดำเนินคดีต่อผู้เกี่ยวข้อง ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน รวมถึงความผิดในฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง”
ผอ. “รพ.ร้อยเอ็ด” แจง “หลวงปู่” ไม่เกี่ยวสร้างตึก
ด้าน นพ.ณรงค์ อึ้งตระกูล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลร้อยเอ็ด กล่าวถึงกรณีข่าวหลวงปู่เณรคำ เคยเข้ามาร่วมหาทุนก่อสร้างตึกโรงพยาบาลเมื่อ 2 ปีก่อนว่า เป็นความจริง เริ่มจากเดิมหลงปู่เณรคำ เห็นว่ามีคนป่วยล้นโรงพยาบาล และการเสนอแนวคิดสร้างตึกสงฆ์อาพาธหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก เป็นตึกสูง 10 ชั้น วงเงิน 214 ล้านบาท โดยจะดำเนินการในนามมูลนิธิหลวงปู่เณรคำ โดยจะมาเทศนาที่โรงพยาบาล พร้อมเปิดรับบริจาคจากญาติโยม
แต่หลังจากขอความเห็นชอบจากกระทรวงสาธารณสุข ได้ขอให้ตรวจสอบยอดเงินในบัญชีของมูลธินิหลวงปู่เณรคำ ตามระเบียบที่ต้องตรวจสอบสถานะทางการเงินของผู้ที่จะสนับสนุนการก่อสร้างก่อน ว่า การเงินมั่นคงมากน้อยเพียงใดเพื่อประกอบการพิจารณาอนุญาต ปรากฏว่า มีเงินในบัญชีไม่ถึง 4 แสนบาท ถือว่าการเงินไม่มั่นคง กระทรวงจึงไม่อนุมัติใช้ชื่อของโรงพยาบาลไปรับบริจาคหาเงิน ในที่สุดก็ต้องระงับโครงการ
“ยอมรับว่าหลวงปู่เณรคำ เคยเป็นประธานพิธีวางศิลาฤกษ์สร้างอาคารผู้ป่วยตึกสงฆ์อาพาธของโรงพยาบาลจริง เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2554 แต่ไม่ได้เชิดเงินไป 500,000 บาทตามที่เป็นข่าว เงินที่รับบริจาคในนามคนร้อยเอ็ดเพื่อการก่อสร้างตึก ยังอยู่ที่คณะกรรมการก่อสร้าง ซึ่งมีราว 72 ล้านบาท แต่อาจจะมีส่วนหนึ่งที่ประชาชนได้บริจาคให้หลวงปู่เณรคำ เพราะต้องการถวายโดยตรง โดยหลังจากวางศิลาฤกษ์เสร็จแล้ว หลวงปู่เณรคำ ได้วางมือจากการร่วมก่อสร้าง และจากเดิมที่สูง 10 ชั้น ใช้เงิน 214 ล้านบาท ก็ลดขนาดเหลือ 7 ชั้น วงเงิน 68 ล้านบาท”
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ได้ตั้งคณะกรรมการชุดใหม่กำกับโครงการ โดยมีพระธรรมฐิติญาณ เจ้าอาวาสวัดบึงพะลานชัย เป็นประธาน มีเจ้าคณะอำเภอเป็นรองประธาน และตนเป็นกรรมการฝ่ายฆราวาส นอกจากนี้ ยังได้ลงมติเปลี่ยนชื่อเป็น “อาคารสงฆ์เฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา” แทนอาคารหลวงปู่เณรคำ ดังนั้น ขอยืนยันว่าการก่อสร้างไม่เกี่ยวข้องกับหลวงปู่เณรคำ เพราะหลวงปู่เณรคำบอกว่า ไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบตามที่เคยรับปากไว้
ศิษย์เอกฉวยโอกาสเชิญ “ปู” รวมงานห่มผ้าพระแก้ว
ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุขุม วงประสิทธิ์ ผู้แทนที่พักสงฆ์วัดป่าขันติธรรม ในฐานะศิษย์เอกของหลวงปู่เณรคำ พร้อมลูกศิษย์ประมาณ 10 คน ยื่นหนังสือถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อเชิญร่วมงานพิธีห่มผ้าฤดูฝนพระแก้วมรกตจำลอง และต้อนรับพระเถรานุเถระจากประเทศศรีลังกา สวิตเซอร์แลนด์ และฝรั่งเศส วันที่ 30 มิถุนายน เนื่องจากหลวงปู่เณรคำ ประธานฝ่ายสงฆ์ วัดป่าขันติธรรม ไปเป็นแขกของรัฐบาลฝรั่งเศส ได้รับการต้อนรับอย่างสมเกียรติ แต่เมื่อพระเถรานุเถระนานาชาติเดินทางมาประเทศไทย ยังไม่มีผู้ใหญ่ให้การต้อนรับ
ดังนั้น เพื่อเป็นการให้เกียรติ ประกอบกับแต่ละประเทศจับตามองประเทศไทยว่า จะมีผู้บริหารระดับสูงแสดงความตั้งใจให้การต้อนรับคณะสงฆ์นานาชาติ ซึ่งเป็นที่เคารพของประชาชนแต่ละประเทศหรือไม่ด้วย นายกรัฐมนตรี จึงไม่ควรละโอกาสสำคัญนี้ จึงขอกราบเรียนเชิญเป็นแขกคนสำคัญในมหาพิธีดังกล่าว วันที่ 30 มิถุนายน เวลา 09.59 น. ที่วัดป่าขันติธรรม
เผยประวัติด็อกเตอร์ห้องแถว-เคยสมัคร “ผู้ว่าฯ กทม.”
ทั้งนี้ นายสุขุม เคยเป็นอดีตแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ในฐานะกลุ่มคนรักประชาธิปไตยสนามหลวง ก่อนจะแยกตัวออกมา โดยให้เหตุผลว่าเป็นคนเสื้อแดงที่รักสถาบัน และเคยร่วมกลุ่มธรรมยาตรา ทวงคืนประสาทพระวิหาร รวมถึงเข้าร่วมกับกลุ่มแกนนำสหธรรมมิก 4 ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีเจตนารมณ์เรียกร้องอำนาจประชาชนคืนจากนักการเมืองที่เนรคุณแผ่นดิน ทั้งนี้ การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครครั้งล่าสุด นายสุขุม ลงสมัครด้วย และจับสลากได้หมายเลข 19
ส่วนประวัติการศึกษาที่ นายสุขุม อ้างว่าจบด็อกเตอร์นั้น คือ มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก (World Peace University) ซึ่งมีข่าวว่าคณะกรรมการการอุดมศึกษาตรียมสอบ หลังมีผู้เผยแพร่หลักฐานและข้อมูลว่า เป็นมหาวิทยาลัยเถื่อน ไม่มีใบอนุญาต มีการขายใบปริญญา และขายตำแหน่งทางวิชาการ คนละ 15,000 บาท ขณะที่ก่อนหน้านี้ เคยมีภาพ นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร สวมชุดครุยของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ด้วยเช่นกัน
“พุทธะอิสระ” สะกิด “ดีเอสไอ” สอบเส้นทางการเงิน
ด้านหลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม กล่าวว่า พร้อมที่จะออกมาชนกับมารศาสนา หรือผู้ทำให้ศาสนามัวหมองทุกรูปแบบ ในส่วนของหลวงปู่เณรคำ อาตมามองว่าไม่ได้เป็นพระมานานแล้ว เพราะการที่หลวงปู่เณรคำ มีชื่อเสียงเกิดจากขบวนการโปรโมตสร้างภาพเพื่อผลทางพุทธพาณิชย์ หวังในผลประโยชน์ จึงต้องการให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สอบเส้นทางการเงินของหลวงปู่เณรคำ เพราะเงินบริจาคที่ได้มา หลวงปู่เณรคำ เอาใช้ประโยชน์ที่ไม่ใช่การบำรุงพุทธศาสนา จึงเข้าข่ายหลอกลวงประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลวงปู่พุทธะอิสระ ยังได้โทรศัพท์ และเปิดสปีกเกอร์ สนทนากับหญิงสาวนักธุรกิจรายหนึ่งที่บอกว่าเป็นคนซื้อกระเป๋าหลุยส์วิตตอง และพาพระชื่อดังไปเที่ยวฝรั่งเศส ท่ามกลางสื่อมวลชนที่มาร่วมทำข่าวด้วย
ทั้งนี้ นักธุรกิจคนนี้รับว่าเคยบริจาคทรัพย์จำนวนมากให้แก่หลวงปู่เณรคำ นิมนต์ไปที่บ้าน และไปเที่ยวต่างประเทศ จ่ายเช็คเงินสดค่าเครื่องบินลำเล็ก มูลค่า 17 ล้านบาท นอกจากนี้ การซื้อเครื่องบินลำใหญ่ได้มีการดูโบร์ชัวร์ โดยหลวงปู่เณรคำ เอามาให้ดู มูลค่ากว่า 80 ล้านบาท ซึ่งหลวงปู่เณรคำอ้างว่าจะใช้เป็นพาหนะ แต่ถ้าไม่ได้เดินทางไปไหน จะได้ให้คนอื่นเช่า นอกจากนี้ครอบครัวยังเคยเดินทางไปเที่ยวฝรั่งเศส โดยร่วมคณะกับหลวงปู่เณรคำ และลูกสาวเป็นคนซื้อกระเป๋าหลุยส์วิตตองถวาย เพราะหลวงปู่เณรคำ อยากได้ อีกทั้งยังเคยจะยกมรดกให้หลวงปู่เณรคำผ่านทางพินัยกรรมด้วย
ทั้งนี้ หลวงปู่พุทธะอิสระ ได้พูดคุยกับนักธุรกิจรายนี้ผ่านทางโทรศัพท์ โดยบอกว่าในเมื่อเขาเรียกเราว่าแม่ และเมื่อแม่รู้ว่าลูกกำลังหลอกลวง ก็ต้องทำให้ถูกต้อง หลวงปู่เณรคำหลอกลวง ที่สำคัญลูกศิษย์ยังให้ร้ายคนที่เรียกว่าแม่อีกด้วย โดยบอกว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนเก็บเงินทั้งหมด ซึ่งนักธุรกิจคนดังกล่าวบอกว่า ที่ถูกกล่าวหาเป็นคนจัดคิวสาวๆ ให้นั้น ความจริงเป็นเพียงการจัดคิวกิจนิมนต์เท่านั้น
นอกจากนี้ หลวงปู่พุทธะอิสระ ยังพูดถึงด็อกเตอร์คนหนึ่ง ที่อยากให้ออกมาขอโทษพระรัตนตรัย เพราะสร้างโจรมาเป็นอรหันต์ ทรัพย์สินที่ได้มาแทนที่จะเอาช่วยเหลือบริจาคต่อ กลับเอาไปใช้ส่วนตัว ขอให้ย้อนกลับไปดูว่าเมื่อก่อนเณรคำมีอะไร ที่นายังต้องเช่าเขาทำ เดี๋ยวนี้กลายเป็นมีเครื่องบิน บ้านหรู วันนี้ไม่ต้องตรวจสอบแล้ว เพราะไม่มีอะไรจะให้ตรวจสอบ ที่เขาไม่สร้างวัด เพราะไม่อยากให้มีการตรวจสอบ บวชจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ใครเป็นพระอุปัชฌาย์ไม่มีใครรู้เลย
ที่ปรึก กมธ.ศาสนาวุฒิสภา ชี้ผิดถึงขั้นปาราชิกชัด
ขณะเดียวกัน คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา ที่มีนายจักรธรรม ธรรมศักดิ์ ที่เป็นประธานที่ประชุม ได้พิจารณาแนวทางการดำเนินงาน ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) จากกรณีหลวงปู่เณรคำ ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ซึ่งได้เชิญสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง
โดยนายกนก แสนประเสริฐ รองผู้อำนวยการ พศ. ชี้แจงว่า วัดป่าขันติธรรม มีสถานะเป็นเพียงที่พำนักสงฆ์ เคยขออนุญาตสร้างวัดแต่ยังไม่รดำเนินการให้แล้วเสร็จ ขณะที่พระวิรพล ฉัตติโก เป็นพระที่ผ่านการอุปสมบทจริง อยู่ในสังกัดธรรมยุต แต่ขณะนี้รอหนังสือการอุปสมบทเพื่อยืนยัน
ด้าน กมธ.เรียกร้องให้ พศ. เร่งตรวจสอบหาข้อเท็จจริง และให้นำประเด็นนี้เป็นแบบอย่างในการตรวจสอบการกระทำที่ไม่เหมาะสมของพระภิกษุรูปอื่น เพื่อไม่ให้เกิดความเสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนา ขณะที่นายวรเดช อมรวรพิพัฒน์ และนายสันติสุข โสภณสิริ ที่ปรึกษาประจำ กมธ. ยืนยันว่า คลิปที่เผยแพร่คำเทศน์ของหลวงปู่เณรคำ ที่ระบุว่าได้พบกับพระอินทร์ ถือเป็นการอวดอุตริมนุสธรรม ซึ่งมีความผิดถึงขั้นปาราชิกชัดเจน
ขณะเดียวกัน ได้ฝากให้ทาง พศ.ตรวจสอบว่าวีซ่าของหลวงปู่เณรคำ ที่เดินทางไปกิจนิมนต์ที่ประเทศฝรั่งเศส ว่า หมดอายุเมื่อไหร่ และหากไม่เดินทางกลับมาในระยะเวลาที่กำหนดจะใช้กฎหมายใดได้บ้างในการติดตามตัวกลับมาประเทศไทย