xs
xsm
sm
md
lg

“หลวงปู่พุทธอิสระ” ยัน “หลวงปู่เณรคำ” สิ้นสุดการเป็นพระแล้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หลวงปู่พุทธอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย
นครปฐม - “หลวงปู่พุทธอิสระ” เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ยัน “หลวงปู่เณรคำ” หมดความเป็นพระสงฆ์ตั้งแต่อวดอุตริทางธรรมแล้ว ชี้เป็นเพียงตุ๊กตาที่มีขบวนการสร้างเพื่อผลประโยชน์ พร้อมมีสายโทรศัพท์ลึกลับสารภาพว่า รู้เห็นการซื้อเครื่องบินเจ็ต และเฮลิคอปเตอร์ ส่วนปัญหาหลวงพ่อเกษม พร้อมโต้ทางธรรมแต่ขอจบเรื่องใหญ่นี้ก่อน

วันนี้ (26 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงาน หลังจากมีการแพร่คลิปของหลวงปู่พุทธอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ) ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ที่ได้มีการกล่าวถึง หลวงพ่อเกษม จิณฺณสีโล สำนักสงฆ์ป่าสามแยก ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ ที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสมและมีการท้าให้มีการมาซักถามทางธรรม ซึ่งหลังมีการเผยแพร่คลิปพบว่า มีประชาชนให้ความสนใจเนื่องจากมีผู้นำคลิปการออกตัวมารับคำท้าทายของหลวงพ่อเกษม ทำให้ยิ่งเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จึงได้เดินทางเข้าพบหลวงปู่พุทธอิสระ เพื่อสอบถามความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว

แต่ปรากกฏว่า เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปถึงยังกระท่อมริมน้ำหลังวัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ) ติดกับท้องนากว้าง ก็ได้พบกับ หลวงปู่พุทธอิสระ กำลังคุยโทรศัพท์ โดยการเปิดลำโพงถกประเด็นอยู่จึงได้รอเพื่อจะสัมภาษณ์ จึงจับประเด็นว่าเป็นเสียงของผู้หญิงมีอายุคนหนึ่งกำลังพูดคุยกัน โดยมีใจความพูดถึงการกล่าวถึง พระวิรพล ฉัตติโก หรือหลวงปู่เณรคำ แห่งวัดป่าขันติธรรม ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ที่กำลังเป็นข่าวดังในขณะนี้

ผู้หญิงคนดังกล่าวได้พูดคุยกับหลวงปู่พุทธอิสระอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้สื่อข่าวหลายแขนงอยู่ในเหตุการณ์ ทราบว่า หลวงปู่พุทธะอิสระ ได้สอบถามไปว่า โยมปล่อยให้มันอยู่ในพระพุทธศาสนามาเป็นปีได้อย่างไร เพราะมันโกหกว่าชาตินี้จะเป็นชาติสุดท้าย โยมก็รู้อยู่แก่ใจ แล้วที่เดินทางไปเที่ยวฝรั่งเศสด้วยกันได้ออกเงินค่ากระเป๋าหลุยส์วิตตองให้รึเปล่า ทางปลายสายได้ตอบว่า เปล่า แต่ลูกสาวเป็นคนซื้อให้ เพราะมันอยากได้

จากนั้น หลวงปู่พุทธอิสระ ได้พูดกลับไปว่า เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ตัวเองจะมาบอกว่าไม่มีส่วนรับผิดชอบได้อย่างไร ตอนนี้มันปล้นสดมภ์ไปทั่ว ที่จริงมันหมดความเป็นพระไปตั้งแต่ มันพูดว่ามันเกิดชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายด้วยซ้ำ ระยะเวลาที่ผ่านมาที่มันเอาเงินชาวบ้านมา

ทางปลายสายทางได้ตอบว่า อย่าเลยหลวงปู่ เดี๋ยวเขาตอกกลับมา หลวงปู่พุทธอิสระจึงได้กล่าวตอบกลับไปว่า ไม่กลัวถ้าพระศาสนาต้องเสียหายยอมตาย แล้วโยมจะปล่อยให้มันทำลายศาสนาอยู่ได้อย่างไรโยมแม่ ขนาดเคยจะยอมเขียนพินัยกรรมให้มันด้วย เสียงจากต้นทางก็ตอบว่า ที่สำคัญคือ เงินในบัญชี ต้องมาตรวจสอบว่ามีที่มาจากไหน ไม่ใช่ว่าจะมาพูดปาวๆ ซึ่งหลวงปู่พุทธอิสระได้บอกว่า เรื่องการสร้างวัดที่ไม่ยอมให้ทำเป็นวัดเพราะว่ากลัวจะมีการตรวจสอบ

เครื่องบินที่บอกว่าเช่ามาก็ไปเซ็นเช็คที่บ้านมาไม่ใช่เหรอ ไหนวันนั้นบอกว่าจะมาเซ็นเช็คให้ที่บ้าน แต่ต้นสายตอบกลับว่า ไม่ใช่ วันนั้นเขาเอาตัวอย่างเฮลิคอปเตอร์มาให้ดู มันหลายรุ่นๆ ละ 80 ล้าน เขาบอกว่าก็ลองไปคิดดูก่อนแต่เรื่องที่ซื้อเครื่องบินเขาไปซื้อกันที่มาเลเซียนี้ ก็หมอเบิร์ด บอกว่าลำเล็ก 17 ล้าน

การสนทนายังมีอย่างต่อเนื่อง จากผู้หญิงต้นทางว่า เดี๋ยวหลวงปู่ฟังดิฉันก่อนนะถ้าหลวงปู่ไปขุดคุ้ยเขา หลวงปู่จะถูกย้อนศรนะ ที่หลวงปู่ทำยาสมุนไพร หลวงปู่พุทธอิสระได้ตอบไปว่า จะเดือดร้อนอะไรในเมื่อทำยารักษาคน เมื่อสมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าอนุญาตให้พระภิกษุ ก็รักษาโรคได้อยู่แล้ว เรื่องเงินไม่ต้องเป็นห่วงฉันเลย ฉันไม่มีบัญชีประจำตัวอยู่แล้ว เป็นประธานมูลนิธิฯ ไม่รู้เหรอว่าฉันมีเงินอยู่เท่าไหร่ ปัญหาคือว่าเวลานี้ลูกชาย (หลวงปู่เณรคำ) จะทำอย่างไรอย่าปล่อยให้กัดกินพระพุทธศาสนาเลย

จากนั้นก็ยุติการสนทนาไป โดยแหล่งข่าวบอกว่า ผู้ที่โทร.มาสนทนาด้วยนั้น น่าจะเป็น แม่บุญธรรมของหลวงปู่เณรคำ ซึ่งเคยถูกอ้างว่าเป็นมารดาของหลวงปู่เณรคำ เมื่อชาติก่อน

หลวงปู่พุทธอิสระ กล่าวว่า ประเด็นหลักคือ นายคำ ได้ขาดจากการเป็นพระไปแล้ว เพราะมีการอวดอุตริธรรม อาตมาฟังแล้วว่าเขาพูดเองว่า เขาจะเกิดเป็นมนุษย์ชาติสุดท้าย ชาติหน้าจะเกิดเป็นเดรัจฉาน เรื่องนี้มันต้องมีการทำเป็นขบวนการ เพราะอยู่ดีๆ พระบ้านนอกมาจากไหนไม่รู้ ก็ถูกอวดอ้างว่าเป็นพระอรหันต์ เป็นพระสุปฏิปันโน ต้องมีการกลุ่มคนที่มีเป็นขบวนการที่จัดตั้งขึ้นมาแล้วสร้างภาพมาหลอกลวงประชาชน เรื่องนี้สื่อต้องช่วยกันเปิดเผยความจริงออกมา ฉะนั้น ต้องถามว่า มหาเถรสมาคม เจ้าคณะปกครองสังฆมณฑล ทำอะไรอยู่ นั่นหมายถึงการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

“เรื่องนี้อาตมามีข้อมูลมาระยะหนึ่ง เมื่อ 1-2 ปี ก่อนมีคนที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา ได้เข้ามาหาแล้วบอกว่า ถูกหลอกเงินจากกลุ่มคนพวกนี้กว่า 40 ล้านบาท ฉันก็บอกให้ไปแจ้ง มหาเถรสมาคม เราไม่เชื่อจนกว่าจะมีข้อมูลแน่ชัด เขาบอกว่า ไปแจ้งแล้วแต่เรื่องก็เงียบหายเลยมาหาเรา เพราะเราเป็นคนกล้าพูด และมีอีก 2-3 รายที่เป็นคนมีอันจะกินถูกหลอกไป” หลวงปู่พุทธอิสระกล่าว

หลวงปู่พุทธอิสระ กล่าวอีกว่า ขบวนการที่เกิดการออกมาแฉครั้งนี้ไม่น้าจะเกิดจากการขัดผลประโยชน์ แต่เป็นการเสียผลประโยชน์มากกว่า กรณีที่จะมีการเรียกร้องเงินแบล็กเมล์ เป็นเงิน 7 หลักต้องไปถามแม่บุญธรรมเขา ซึ่งเป็นคนที่สังคมรู้จัก ซึ่งเขาได้ไปตรวจสอบแล้วว่าทองคำ 800 กิโลกรัม หรือหลายตัน พบว่ามันหมดไปแล้ว ก็มีการเอาไปขายที่ร้านทองที่จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งฉันเคยทักท้วงเรื่องนี้ไปแล้วเรื่องการซื้อรถ มายบั๊ก ราคา 70 ล้านบาท ก็เคยโจมตีไปแล้ว

หลวงปู่พุทธอิสระ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องเครื่องบินเจ็ต เป็นความต้องการที่จะซื้อมาใช้ เมื่อไม่ได้ใช้จึงเอามาให้เช่าราคาลำละ 150-160 ล้านบาท ที่บอกว่าลูกศิษย์นำมาถวายก็ถูก แต่ไม่ถูกทั้งหมดเพราะขนถวายให้มาทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ไม่ใช่เอามาซื้อเครื่องบิน สิ่งเหล่านี้มันเกิดขึ้นเพราะคณะสงฆ์นั้นละเลยการปฏิบัติหน้าที่ และการที่จะไม่ทำการทำให้ไม่เกิดเป็นวัดนั้น ก็ถูกขบวนการต่างๆ จัดกระบวนการมาหมดแล้ว เพราะที่ฉันเริ่มมาสร้างวัดอ้อน้อย ครั้งแรกฉันก็ตั้งเป็นสำนักสงฆ์ ยังถูกกทักท้วงว่าไม่ได้ต้องไปขึ้นทะเบียน ต้องตั้งป้ายว่าเป็นที่พักสงฆ์ก่อน วันนี้สำนักพระพุทธศาสนารู่ดีแต่ก็ปล่อยมานาน

ยิ่งสำนักพระพุทธศาสนานี่ตัวดี ตอนที่เขายังไม่มีเรื่องก้มกราบอยู่ แต่พอมีเรื่องแล้วจึงค่อยมาทำเรื่องในการสอบสวน ทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น

ส่วนที่สำนักพระพุทธศาสนาไม่ทราบว่า จะมีการสร้างพระแก้วมรกต นั้นเป็นไปได้อย่างไร ทั้งๆ ที่มีหน้าที่ดูแลโดยตรง เหมือนตอนที่เราออกมาต่อสู้เรื่องโรงงานผลิตอาหารสัตว์ส่งกลิ่นเหม็น เราร้องเรียนอย่างถูกต้อง ทำวัตรถูกต้องทุกอย่าง สำนักพระพุทธศาสนายังจะมาตรวจสอบเรากลับมันคืออะไร

ที่อาตมาต้องออกมาพูดเรื่องนี้เป็นเรื่องของการปกป้องพระพุทธศาสนา และไม่เกรงกลัวคำข่มขู่ใดๆ และยืนยันจะกำจัดคนชั่วออกจากศาสนาให้ได้

ส่วนในกรณีของ หลวงพ่อเกษม จิณฺณสีโล สำนักสงฆ์ป่าสามแยก ที่มีกรณีท้าทายกันผ่านคลิป ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการชวนทะเลาะเหมือนที่มีทีวีบางช่องบอกว่าฉันไปชวนทะเลาะด้วย จริงๆ แล้วก็ยินดีที่จะมีการดวลไมค์กัน แต่ขอรอให้จบเรื่องใหญ่นี้ก่อน ยืนยันว่าถ้าจะถกปัญหาทางธรรมก็ยินดี

“ที่เฮียเขาอออกมาพูดนั้นอาตมาก็เข้าใจ แต่เฮียเขาพูดไม่ถูกจะยึดบัญญัติเดียวได้ ฉันเข้าใจว่า เฮียเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำงานพระพุทธศาสนา แต่การที่ออกมาเตะพระพุทธรูป ใครรับได้บ้าง พระพุทธรูปเป็นสมมติธรรมก็จริง ถ้าเช่นนั้นเฮียเขาบวชมาได้อย่างไร ถ้าทุกอย่างสมมติหมด วันนี้ทำไมไม่แก้ผ้า แล้วตั้งแต่บวชมากราบพระพุทธรูปก็ผิดมาหมดตั้งแต่แรกแล้ว เรื่องนี้อยากให้เฮียเขาหยุดการกระทำที่ทำให้ทางโลกสับสน เพราะทางธรรมเชื่อว่าไม่ได้มีเจตนาทำลาย เอาเป็นว่ารับคำท้า แต่ต้องเป็นสถานที่กว้างๆ เพราะคนจะสนใจเยอะมีคนบอกว่าไปลุมพินี อาตมาว่าเค้าอาจพูดขำๆ กันว่าไปที่สวนลุมพินี ไม่ใช่สนามมวยลุมพินี เรื่องนี้รับรองจะไปพบแต่ขอให้จบงานสำคัญนี้ก่อน” หลวงปู่พุทธอิสระ กล่าวปิดท้าย
กำลังโหลดความคิดเห็น