xs
xsm
sm
md
lg

เผยประวัติ “หลวงปู่เณรคำ” ตั้งมั่นปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบตั้งแต่ 6 ขวบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการออนไลน์ - เว็บไซต์ “หลวงปู่เณรคำ” เผยประวัติตั้งมั่นปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบตั้งแต่ 6 ขวบ นั่งสมาธิ-เดินจงกรม-นอนป่าช้า บรรพชาเป็นสามเณรตั้งแต่อายุ 15 ปี ธุดงค์ปักกลดเจอแต่สิ่งอัศจรรย์ เคยกราบ “หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี” จนได้ธรรมชั้นสูง อุปสมบทเมื่อ 27 พ.ค.42 ศิษยานุศิษย์เรียก “หลวงปู่เณรคำ” เพราะขณะบำเพ็ญภาวนาอยู่ในกลดคนเห็นเป็นพระชรา

เว็ปไซต์ http://www.luangpunenkham.com/ บันทึกประวัติพระอาจารย์ ดร.วิรพล ฉัตติโก หรือหลวงปู่เณรคำ ประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม ว่า หลวงปู่เณรคำ มีนามเดิมว่า “วิรพล สุขผล” เกิดที่บ้านทรายมูล ต.ทรายมูล อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2522 เป็นบุตรคนที่ 4 ของนายรัตน์ สุขผล และนางสุดใจ สุขผล มีพี่น้อง 5 คน เป็นผู้ชายทั้งมด เมื่อคำบวชเป็นพระภิกษุ ได้รับฉายาว่า “ฉัตติโก”

หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ตั้งมั่นตามแนวทางคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถึงการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ตั้งแต่ยังเป็นเด็กอายุ 6 ขวบ มีศรัทธาในการปฏิบัติจิต บำเพ็ญภาวนากรรมฐานมาโดยตลอด ทุกวันพระจะหยุดเรียนนุ่งขาวห่มขาวไปถือศีลบำเพ็ญภาวนาในวัด มีอิริยาบถแห่งการปฏิบัติธรรมอยู่ตลอด ไม่มีการพลั้งเผลอแม้แต่น้อย ทั้งวันจะเดินจงกรมสลับกับการนั่งภาวนาใต้ร่มไทร ช่วงกลางวันจะไปนอนในป่าช้า โดยไม่กลัว หรือหวั่นวิตกอะไร จิตนั้นนิ่งโดยตลอด ทั้งที่ไม่เคยบำเพ็ญมาก่อนในชาตินี้ ในปัจจุบันชาติเพิ่งจะเริ่มต้น แต่ผลของการปฏิบัติมันก็เกิดขึ้นทันที นี่เป็นสัญญาณบ่งบอก เป็นหมายเหตุบอกถึงความจริงในการบำเพ็ญบารมีของแต่ละคนว่า “แม้เราบำเพ็ญในชาตินี้ หรือว่าชาติไหนๆ ผลของการปฏิบัติบำเพ็ญนั้นมันยังคงอยู่เหมือนเดิม ไม่เสื่อมไปไหน”

วันธรรมดาก็ไปโรงเรียน พักเที่ยงจะไปนั่งสมาธิใต้ร่มไม้ เลิกเรียนจะเข้าไปไหว้พระก่อนกลับ และเดินจงกรมกลับบ้านทุกวันเป็นกิจภายในที่ไม่มีใครรู้ได้นอกจากตัวเอง

เข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษา ท่านคิดอยู่เสมอว่า “ถ้าเสร็จจากภารกิจทางโลกแล้ว เราจะไม่กลับมาทางโลกอีก เราคงเคยเกิดมาหลายชาติแล้ว เราคงพอแก่การเกิดได้แล้วในชาตินี้ เห็นอะไรก็เกิดความสลดสังเวชไปหมด จึงเป็นแนวทางทำให้รู้สึกเหมือนกับว่า เรารู้มาก่อน เห็นมาก่อน ตั้งแต่อดีตชาติ เหมือนกับเราจะได้ต่อเติมเส้นทางแห่งการปฏิบัติธรรมการบำเพ็ญเพียรเพื่อให้หลุดพ้น”

เลิกเรียนจึงไปปักกลด นั่งบำเพ็ญภาวนาที่อยู่ที่กระต๊อบกลางน้ำ ที่ปลายนาของโยมพ่อโยมแม่ทุกวัน วันพระจะถือกลดไปโรงเรียนด้วย พอเลิกเรียนจะเข้าไปปักกลดบำเพ็ญภาวนาที่วัด บางครั้งก็ไปปักกลดนั่งบำเพ็ญภาวนาอยู่ที่กระต๊อบกลางน้ำ ที่ปลายนาของโยมพ่อโยมแม่ทั้งคืนจนสว่าง ปฏิบัติเช่นนี้เป็นกิจวัตร

อายุได้ 15 ปี ได้ออกบวชเป็นสามเณร เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2537 ที่วัดภูเขาแก้ว อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี โดยมีหลวงปู่โชติ อาภัคโค เป็นอุปัชฌาย์ บรรพชาเสร็จแล้ว ได้ไปจำพรรษาที่วัดป่าดอนธาตุ อ.พิบูลมังสาหาร ระยะหนึ่ง ซึ่งได้รับการอบรมธรรมะจากพระเดชพระคุณท่านหลวงปู่สมบูรณ์ ขันติโก

จากนั้นเดินทางจาริกธุดงค์ ปักกลดอยู่ถ้ำภูตึก บ้านคุ้มปากมูล อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ขณะนั่งบำเพ็ญภาวนาอยู่ในถ้ำภูตึกนั้น มีงูเหลือมตัวหนึ่งเลื้อยมาพาดขา พาดตักบ้าง บางคืนนอนอยู่ งูเหลือมจะเลื้อยมาขดอยู่บนหน้าอก หนักมาก แต่จิตไม่มีการวิตกกังวล หรือกลัวอันใดเลย เพราะชีวิตนี้บูชาคุณพระพุทธเจ้าแล้ว พระพุทธเจ้าเป็นใหญ่ที่สุด พระธรรมเป็นใหญ่ที่สุด พระอริยสงฆ์เป็นใหญ่ที่สุด ตอนนั้นคิดแต่ว่า เราต้องทำหน้าที่ให้ถึงพระพุทธเจ้า ทำให้ถึงพระธรรม ทำให้ถึงซึ่งความเป็นพระอริยสงฆ์ ความกลัวทั้งหลายจึงไม่มี และได้บำเพ็ญภาวนาอยู่ในถ้ำภูตึกนั้นคนเดียวนานถึง 3 เดือน

ต่อจากนั้นก็ลงจากถ้ำภูตึกไป และจาริกธุดงค์ไปเรื่อยๆ ปรากฏว่าเริ่มเห็นสิ่งอัศจรรย์เยอะแยะมากมายเกิดขึ้น เช่น สิ่งลี้ลับต่างๆ ที่คนทั่วไปมองไม่เห็น มองเห็นมุมโลกสองมุม คือ มุมมืด และมุมสว่างแห่งการเวียนว่ายตายเกิด มองเห็นสวรรค์ มองเห็นอบายภูมิ ประกอบด้วย นรก เปรต และอสุรกาย เริ่มออกทำการเผยแผ่หลักธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างต่อเนื่องมาตลอดจนถึงปัจจุบัน

ระหว่างการธุดงค์ ได้ไปกราบนมัสการหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ ที่วัดอรัญบรรพต ต่อจากนั้นไปที่วัดหินหมากเป้ง กราบนมัสการหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ซึ่งท่านได้ให้ธรรมะชั้นสูง จากนั้นเดินทางด้วยเท้าเปล่าไปถึงเชียงใหม่ นครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี แล้วกลับมาที่วัดป่าดอนธาตุอีก แล้วจึงมายังกาฬสินธุ์

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2542 ได้ญัตติอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดป่าดอนธาตุ แล้วจึงเดินทางมายัง จ.ศรีสะเกษ ที่ซึ่งได้รับอาราธนานิมนต์ให้อยู่ในชาติสุดท้ายแห่งการเกิดนี้

บรรดาสานุศิษย์ทั้งหลายได้ให้การยอมรับและเคารพนับถือ พระเดชพระคุณท่าน หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก เป็นอย่างยิ่งว่า เป็นพระสงฆ์สาวกผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ตามแนวทางคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่ง

ที่มาของชื่อ “หลวงปู่เณรคำ”

เมื่อครั้งพระเดชพระคุณท่าน หลวงปู่เณรคำ ท่านไปจาริกธุดงค์อยู่ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ พุทธศาสนิกชนพากันไปกราบคารวะนมัสการ และได้มองเห็นองค์หลวงปู่ ซึ่งท่านนั่งบำเพ็ญภาวนาอยู่ในกลดบางๆ เป็นพระแก่ชรา แต่พอท่านเปิดกลดออกมาก็กลายเป็นเณรน้อยออกไปบิณฑบาต ขากลับจากบิณฑบาต พุทธศาสนิกชนบางคนได้มองเห็นองค์หลวงปู่ท่านเป็นพระแก่ชรา อายุราว 80 ถึง 90 ปี ผมหงอก หลังค่อม เหี่ยวย่น หนังยาน บางคนฝันเห็นพระเดชพระคุณท่าน หลวงปู่เณรคำ ไปยืนอยู่บนหัวเตียงเดี๋ยวเป็นเณรน้อยอายุน้อยๆ เดี๋ยวก็กลายเป็นพระที่แก่ชรามาก

ตั้งแต่นั้นมาก็เริ่มมีคนเรียก ตามสิ่งที่เขาเห็น “หลวงปู่” หรือ “หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก”
กำลังโหลดความคิดเห็น