ลำปาง - สนข.เดินสายเปิดเวทีรับฟังความเห็นรถไฟเร็วสูงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ต่อเนื่อง ล่าสุดถึงคิวลำปาง เผยแนวโน้มเลือกแนวทางที่ 5 คาดเฟสแรกได้ใช้ปี 2562 ก่อนสร้างสุดสายปี 64 ส่วน 380 จุดตัดต้องเลือกมุดดิน หรือยกราง
วันนี้ (23 พ.ค.) นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้มาเป็นประธานในการเปิดสัมมนาระดมความคิดเห็น ข้อเสนอแนะของประชาชน ครั้งที่ 2 พร้อมกับร่วมเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการเลือกเส้นทางโครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะที่ 1 กรุงเทพฯ-พิษณุโลก ที่ห้องประชุมโรงแรมลำปางเวียงทอง จ.ลำปาง โดยมีตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาชนในพื้นที่จังหวัดลำปาง ลำพูน เชียงใหม่เข้าร่วมกว่า 300 คน
สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ได้มีการเสนอเส้นทางเพื่อพิจารณาด้วยกัน 5 ทางเลือก คือ 1. ขนานไปตามรางรถไฟเดิม จาก จ.ปทุมธานี ผ่านพระนครศรีอยุธยา ลพบุรี นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก อุตรดิตถ์ ลำปาง ลำพูน และเชียงใหม่ รวมระยะทาง 677 กิโลเมตร
2. ขนานไปตามแนวรางเดิมจนถึงพระนครศรีอยุธยา แล้วปรับเส้นทางใหม่ผ่านสิงห์บุรี นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย และบรรจบเส้นแนวเดิมผ่านลำปาง ลำพูน และเชียงใหม่ รวมระยะทาง 639 กิโลเมตร
3. ใช้แนวเส้นเหมือนทางสายที่ 2 ผ่านสิงห์บุรี นครสวรรค์ แล้วมาปรับเส้นทางใหม่ออกไปทางทิศตะวันตกของนครสวรรค์ ผ่าน อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ กำแพงเพชร สุโขทัย ลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ รวมระยะทาง 610 กิโลเมตร
4. จากปทุมธานีถึงวงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออกทางพิเศษหมายเลข 9 จากนั้นเบี่ยงเป็นเส้นทางใหม่ออกไปทางทิศตะวันตกของพระนครศรีอยุธยา ผ่านอ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท อุทัยธานี นครสวรรค์ สุโขทัย เข้า อ.สบปราบ อ.เสริมงาม จ.ลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ รวมระยะทาง 597 กิโลเมตร
และ 5. ช่วงบางซื่อ-พิษณุโลก ใช้แนวเส้นทางของสายที่ 1 และช่วงพิษณุโลก-เชียงใหม่ ใช้แนวทางเลือกที่ 2 รวมระยะทาง 669 กิโลเมตร
นางสาวกอบกุล โมทนา ผอ.สำนักส่งเสริมระบบการขนส่งและจราจรในภูมิภาค (สนข.) กล่าวว่า สำหรับการคัดเลือกเส้นทางดังกล่าวจะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก รวมถึงความเหมาะสมในหลายด้าน เช่น ด้านวิศวกร เศรษฐกิจและการเงิน สิ่งแวดล้อมก็ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ ทั้งนี้ จากการสำรวจแนวความคิดเห็นคาดว่ามีแนวโน้มที่จะเลือกแนวทางที่ 5 แต่ต้องรอผลสรุปการรับฟังความคิดเห็นก่อน
สำหรับเฟสแรก หรือระยะแรกจะเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ กทม.-พิษณุโลก คาดว่าจะสามารถเปิดใช้งานได้ในปี พ.ศ. 2562 ส่วนเฟสสอง หรือระยะ 2 จากพิษณุโลก-เชียงใหม่ คาดว่าจะเริ่มโครงการประมาณปลายปีนี้ และจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการได้ประมาณปี พ.ศ. 2564 ซึ่งระหว่างนี้จะได้มีการรับฟังความคิดเห็นพร้อมกับการลงพื้นที่สำรวจผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและอื่นๆ ก่อนที่จะมีการเปิดเวทีเพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่อีกครั้งในเดือนกันยายน 56 นี้
นอกจากนี้ยังมีปัญหาที่ต้องร่วมกันสรุปแนวทาง ก็คือเรื่องของจุดตัดรางรถไฟ ซึ่งตลอดสายมีอยู่ 380 จุด จะต้องเลือกว่าจะใช้วิธีลงใต้ดินหรือการยกราง แบบไหนจะคุ้มค่าและได้ประโยชน์มากกว่า ซึ่งแนวโน้มอาจจะใช้วิธียกรางให้ลอยขึ้นจะดีกว่า
สำหรับการให้บริการรถไฟความเร็วสูงจะวิ่งด้วยความเร็วไม่ต่ำกว่า 250 กม./ชม. อัตราค่าโดยสาร 2.50 บาท/กม. ดังนั้น การเดินทางระหว่าง กทม.-เชียงใหม่ ก็จะใช้เวลาเพียง 2.46 ชม.เท่านั้น ด้วยอัตราค่าเดินทางประมาณ 1,270 บาท
