พระนครศรีอยุธยา - ผบช.ภ.1 เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนสะพาน 200 ปีกรุงเก่าถล่ม พร้อมให้ 4 แนวทางในการสอบสวน สั่งเจ้าหน้าที่ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ลุยสอบหาคนรับผิดชอบมาลงโทษให้ได้ ไม่ต้องเกรงกลัวอิทธิพล
วันนี้ (1 พ.ค.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1) พล.ต.ต.กรเอก เพชรไชยเวส ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) พระนครศรีอยุธยา ได้เรียกคณะพนักงานสอบสวน ชุดที่สอบสวนเหตุการณ์สะพาน 200 ปี ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา พังถล่ม จนทำให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บหลายรายเมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา เข้าประชุมเพื่อสอบถามความคืบหน้า และให้แนวทางในการสอบสวน โดยมีรอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ผกก.สภ.ท่าเรือ ผกก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา และพนักงานสอบสวนจำนวน 20 นาย เข้าร่วมประชุม
หลังการประชุม พล.ต.ท.นเรศ เปิดเผยว่า วันนี้ได้มาติดตามการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และให้แนวทางในการสอบสวนของพนักงานสอบสวน เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นมีประชาชนที่ได้รับความเสียหายทั้งทรัพย์สิน และชีวิต จึงได้เน้นให้พนักงานสอบสวนให้ทำคดีอย่างตรงไปตรงมา ต้องทำให้ประชาชนเห็นว่าตำรวจต้องเป็นหลักจะมีผลต่อประชาชนเพื่อที่จะนำผลการสอบสวนไปดำเนินคดีต่อผู้ที่เกี่ยวข้องได้
“ผมได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ต้องทำงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่ต้องเกรงกลัวอิทธิพลใดๆ ให้ยึดหลักในการสอบสวนออกเป็น 4 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มญาติของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ 2.กลุ่มผู้เชี่ยวชาญทางวิศวกรรมสถาน วิศวกรที่เกี่ยวข้อง 3.กลุ่มพยานผู้เห็นเหตุการณ์ ก่อนเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุอย่างละเอียด และ 4.กลุ่มเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน โดยต้องติดตามผลการพิสูจน์มาประกอบสำนวน” พล.ต.ท.นเรศ กล่าว
พล.ต.ท.นเรศ กล่าวต่อว่า จากการรับฟังรายงานสรุปของ พ.ต.อ.จิตเกษม สนขำ ผกก.สภ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา หลังเกิดเหตุได้มีการตั้งศูนย์ ศปก.สน.ประสานกับหน่วยพิสูจน์หลักฐานกลาง ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์เป็นสิ่งที่ถูกต้อง และให้ถือว่าเป็นแบบอย่าง สิ่งสำคัญการสอบสวนต้องได้ข้อเท็จจริงให้กระจ่างเพราะสังคม และประชาชนเริ่มถามว่าเหตุมันเกิดขึ้นได้อย่างไร ใครประมาท ใครบกพร่อง ใครละเว้น จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต
“เท่าที่ทราบขณะนี้เริ่มมีข่าวออกมาว่า ผู้รับผิดชอบรู้แล้วว่าสะพานเกิดการเอียงจนน่าจะเป็นอันตราย แล้วทำไมจึงไม้สั่งปิด จุดนี้ต้องสอบให้ได้ว่าอำนาจในการสั่งปิดเป็นของใคร และต้องชัดเจน ทางกองบัญชาการภาค 1 ได้ส่งนายตำรวจที่เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายเข้าร่วมกับทีมพนักงานสอบสวนของภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา” พล.ต.ท.นเรศ กล่าว
ส่วนบรรยากาศที่ สน.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (1 พ.ค.) ผู้บาดเจ็บและผุ้เห็นเหตุการณ์กรณีสะพานถล่มที่ ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ ทยอยกันเข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยในวันนี้มีนายสนิท นาคฤกษ์ อายุ 65 ปี บ้านอยู่ ม.7 ต.จำปา อ.ท่าเรือ ซึ่งได้รับบาดเจ็บเป็นรายที่ 13 แต่ไม่ได้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลในวันเกิดเหตุ เนื่องจากหลังเกิดเหตุไปไม่ไหว กลับไปนอนรักษาตัวที่บ้าน ซึ่งตำรวจได้สอบถามเหตุการณ์และเรื่องของความช่วยเหลือ
ร.ต.อ.ชัยวัฒน์ ยิ้มการบุญ พนักงานสอบสวนนายหนึ่งที่ทำหน้าที่สอบสวนคดีนี้ เปิดเผยว่า หลังจากที่ทางจังหวัดได้มีการตั้งคณะทำงาน มี พ.ต.อ.สรรเพชร สุขพิมลตรี รอง ผบก.ภ.พระนครศรีอยุธยา เป็นประธาน และ พ.ต.ท.วิโรจน์ วังวน เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน และหัวหน้าทีมสอบสวนของ สภ.ท่าเรือ ได้ดำเนินการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดจนถึงวันนี้ 15 รายแล้ว
โดยในจำนวนนี้เป็นผู้เกี่ยวข้องกับการสร้างสะพาน ตั้งแต่นายกเทศมนตรีตำบลท่าหลวง นายช่างเทศบาล วิศวกรโยธาเทศบาล ผุ้รับเหมา โยธาธิการจังหวัด และผู้บาดเจ็บประมาณ 5 ราย ซึ่งความล่าช้าของการสอบสวนอยู่ที่การสอบปากคำพยานทั่วไปที่เห็นเหตุการณ์ ซึ่งต้องมีการคัดกรอง เนื่องจากขณะนี้มีเรื่องของการเมืองท้องถิ่นที่นายกเทศมนตรี ใกล้หมดวาระด้วย ทำให้พยานบางคนอาจจะให้การเอนเอียง จึงต้องมีการคัดกรอง
นอกจากนี้ ต้องจะต้องรอผลการพิสูจน์ของกองพิสูจน์หลักฐาน และการสอบปากคำวิศวกรรมโยธาสถานแห่งประเทศไทย ซึ่งยังไม่ได้ให้ปากคำ อย่างไรก็ตามการ สอบสวนขณะนี้เป็นรูปการสอบแบบคณะกรรมการ มีการสอบในเรื่องของการเรียกร้องขอความช่วยเหลือ และการก่อสร้างที่ดูว่ามีความถูกต้องแค่ไหน ละการตรวจสอบสลิงขณะนี้ มีข้อมูลว่ามีการใส่สลิงจริง 14 เส้น แต่เมื่อตรวจสอบขณะนี้มีเพียง 11 เส้นเท่านั้น ก็ต้องดูว่ามันขาดไปตอนไหน ส่วนการค้นหาผู้เสียชีวิตไม่พบเพิ่มเติมแต่อย่างใด