วานนี้ (5 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกฯและรมว.ศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมครม.ว่ามีการร้องเรียนในกรณีการสอบครูผู้ช่วย ที่จ.ขอนแก่น และ จ.นครปฐมได้มอบหมายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ดำเนินการสอบสวนเอาคนผิดมาลงโทษให้ได้ เรื่องนี้นายธาริต เพ็งดิษ อธิบดีดีเอสไอ ยืนยันว่าไม่มีมวยล้มแน่นอน นายเสริมศักดิ์ พงษ์พาณิชย์ รมช.ศึกษาฯและตนดูแลดู เรื่องนี้ด้วยตนเอง ไม่ยอมให้เรื่องนี้เงียบหายไปแน่
"การสอบครูเดิมแยกสอบเป็นรายพื้นที่ ต่อมาให้มาสอบสวนกลางทั้งหมด เมื่อเกิดเรื่องขึ้นมาต้องดูจุดบกพร่องอยู่ตรงไหนเพราะทุกคนมาสอบแข่งขันด้วยความรู้ความสามารถจริงๆไม่ควรมีเรื่องทุจริตเกิดขึ้น ต้องทำระบบป้องกันขึ้นมาให้เข้มแข็ง เน้นการปฏิรูปทำโครงสร้าง อะไรเกี่ยวกับตัวเด็กเป็นประโยชน์กับเด็กทำก่อนติ้งคิดถึงเด็ก เป็นหลักอย่ายึดตึตตัวบุคคล"นายพงษ์เทพ กล่าว
นายพงศ์เทพ กล่าวอีกว่ากรณีการเรียกเก็บแป๊ะเจี่ยของโรงเรียนมีซื่อเสียงซึ่งเกิดการร้องเรียนมามากทุกปีช่วงเปิดเทอมใหม่ ซึ่งมีปัญหามายาวนาน ตามระบบจริงๆเรื่องการรับเข้าเรียนในสิ่งที่ไม่ถูกต้องต้องไม่เกิดขึ้นหลักการมีอยู่ตรงนี้ ต้องแยกกันระหว่างการไปเรียกเงินเพื่อประโยนช์ตัวเองผิดกฎหมายชัดเจน แต่กรณีผู้บริจาคเป็นความสมัครใจอีกเรื่อง ในส่วนโรงเรียนเอกชนเป็นอีกเรื่องกระทรวงฯไปกำกับไม่ได้ ซึ่งอย่าให้มีการเรียกร้องเพื่อประโยนช์ส่วนตนของโรงเรียนซื่อดังต่างๆจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดข้อหาทุจริตชัดเจน ดังนั้นผู้อำนวยการโรงเรียนต่างๆอย่าให้มีเรื่องเกิดขึ้นไม่เอาไว้แน่
ด้านนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ได้เน้นย้ำไปกับคณะกรรมการสอบสวนของกระทรวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วว่าการสอบสวนจะต้องดำเนินการอย่างยุติธรรม ไม่เว้นใคร และไม่ว่าใครจะทำผิด ระดับไหน ก็ต้องดำเนินการทั้งสิ้น เรื่องนี้ยอมรับว่าน่าจะมีการทุจริตมาจากส่วนกลาง เพราะเป็นไปได้อย่างไรที่การสอบครั้งเดียวกันจะมีผู้ได้คะแนนเต็มเท่ากันถึง 480 คน ซึ่งกระทรวงได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน เมื่อได้ข้อมูลมาในระดับหนึ่งก็ได้ส่งข้อมูลให้ดีเอสไอซึ่งมีกฎหมายรองรับดำเนินการสอบสวนต่อเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะข้อมูลบางอย่างมีการเชื่อมโยง ทำให้ระดับกระทรวงไม่สามารถเข้าไปหาข้อเท็จจริงได้ เชื่อว่าภายใน 2 สัปดาห์นี้จะได้ข้อมูลและข้อเท็จจริงมากพอสมควร
เมื่อถามว่าผู้ที่เข้าสอบได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการไปแล้วจะดำเนินการอย่างไร นายเสริมศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าการบรรจุมาจากการสอบที่ไม่เป็นธรรมก็ต้องยกเลิก อย่างไรก็ตามในส่วนที่จะมีแผนการสอบเพื่อรับบรรจุอีกครั้งในช่วงเดือน เม.ย. ก็ได้สั่งการไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบว่าให้ชะลอการสอบไปก่อน และรอผลการสอบสวนก่อน เพื่อให้รู้กระบวนการทุจริต จะได้แก้ไขได้ เรื่องนี้ต้องทำอย่างรอบคอบและเป็นธรรม ไม่มีการกลั่นแกล้งใคร
ต่อข้อถามที่ว่าหากผลสอบสวนออกมาพบว่ามีผู้บริหารกระทรวงเข้าไปเกี่ยวข้องจะดำเนินการเด็ดขาดอย่างไร นายเสริมศักดิ์ กล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา เกี่ยวข้องกับใครก็ต้องดำเนินการไปตามนั้น ซึ่งข้อมูลที่ได้รับเบื้องต้นมีความเป็นไปได้ว่ามีหลายส่วน มีข้อมูลชี้ชัดว่ามีการทำเป็นขบวน คนที่บงการเป็นขบวนการใหญ่ เราจะปล่อยไว้ไม่ได้
“ผมได้รับรายงานว่าปัญหาและระบบการทุจริตแบบนี้ทำกันมานาน ไม่มีใครกล้าไปแตะต้อง แต่ยืนยันว่าผมจะเข้ามาดำเนินการอย่างจริงจังบนความถูกต้องชอบธรรม แต่จะไม่มีการไปกลั่นแกล้งใคร เมื่อผมมาอยู่กระทรวงศึกษาธิการก็รักในความเป็นกระทรวง แต่ทุกอย่างต้องทำให้ถูกต้อง เพราะไม่อยากได้ยินคำว่าแย่ในกระทรวงศึกษาอีกต่อไป สิ่งที่ไม่ถูกต้อง หรือการทุจริตต้องได้รับการแก้ไขปรับปรุง ยอมรับว่าการทุจริตในกระทรวงศึกษามีเยอะมาก ผมจะทำให้แผ่นดินกระทรวงศึกษามันสูงขึ้น” นายเสริมศักดิ์ กล่าว
"การสอบครูเดิมแยกสอบเป็นรายพื้นที่ ต่อมาให้มาสอบสวนกลางทั้งหมด เมื่อเกิดเรื่องขึ้นมาต้องดูจุดบกพร่องอยู่ตรงไหนเพราะทุกคนมาสอบแข่งขันด้วยความรู้ความสามารถจริงๆไม่ควรมีเรื่องทุจริตเกิดขึ้น ต้องทำระบบป้องกันขึ้นมาให้เข้มแข็ง เน้นการปฏิรูปทำโครงสร้าง อะไรเกี่ยวกับตัวเด็กเป็นประโยชน์กับเด็กทำก่อนติ้งคิดถึงเด็ก เป็นหลักอย่ายึดตึตตัวบุคคล"นายพงษ์เทพ กล่าว
นายพงศ์เทพ กล่าวอีกว่ากรณีการเรียกเก็บแป๊ะเจี่ยของโรงเรียนมีซื่อเสียงซึ่งเกิดการร้องเรียนมามากทุกปีช่วงเปิดเทอมใหม่ ซึ่งมีปัญหามายาวนาน ตามระบบจริงๆเรื่องการรับเข้าเรียนในสิ่งที่ไม่ถูกต้องต้องไม่เกิดขึ้นหลักการมีอยู่ตรงนี้ ต้องแยกกันระหว่างการไปเรียกเงินเพื่อประโยนช์ตัวเองผิดกฎหมายชัดเจน แต่กรณีผู้บริจาคเป็นความสมัครใจอีกเรื่อง ในส่วนโรงเรียนเอกชนเป็นอีกเรื่องกระทรวงฯไปกำกับไม่ได้ ซึ่งอย่าให้มีการเรียกร้องเพื่อประโยนช์ส่วนตนของโรงเรียนซื่อดังต่างๆจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดข้อหาทุจริตชัดเจน ดังนั้นผู้อำนวยการโรงเรียนต่างๆอย่าให้มีเรื่องเกิดขึ้นไม่เอาไว้แน่
ด้านนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ได้เน้นย้ำไปกับคณะกรรมการสอบสวนของกระทรวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วว่าการสอบสวนจะต้องดำเนินการอย่างยุติธรรม ไม่เว้นใคร และไม่ว่าใครจะทำผิด ระดับไหน ก็ต้องดำเนินการทั้งสิ้น เรื่องนี้ยอมรับว่าน่าจะมีการทุจริตมาจากส่วนกลาง เพราะเป็นไปได้อย่างไรที่การสอบครั้งเดียวกันจะมีผู้ได้คะแนนเต็มเท่ากันถึง 480 คน ซึ่งกระทรวงได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน เมื่อได้ข้อมูลมาในระดับหนึ่งก็ได้ส่งข้อมูลให้ดีเอสไอซึ่งมีกฎหมายรองรับดำเนินการสอบสวนต่อเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะข้อมูลบางอย่างมีการเชื่อมโยง ทำให้ระดับกระทรวงไม่สามารถเข้าไปหาข้อเท็จจริงได้ เชื่อว่าภายใน 2 สัปดาห์นี้จะได้ข้อมูลและข้อเท็จจริงมากพอสมควร
เมื่อถามว่าผู้ที่เข้าสอบได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการไปแล้วจะดำเนินการอย่างไร นายเสริมศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าการบรรจุมาจากการสอบที่ไม่เป็นธรรมก็ต้องยกเลิก อย่างไรก็ตามในส่วนที่จะมีแผนการสอบเพื่อรับบรรจุอีกครั้งในช่วงเดือน เม.ย. ก็ได้สั่งการไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบว่าให้ชะลอการสอบไปก่อน และรอผลการสอบสวนก่อน เพื่อให้รู้กระบวนการทุจริต จะได้แก้ไขได้ เรื่องนี้ต้องทำอย่างรอบคอบและเป็นธรรม ไม่มีการกลั่นแกล้งใคร
ต่อข้อถามที่ว่าหากผลสอบสวนออกมาพบว่ามีผู้บริหารกระทรวงเข้าไปเกี่ยวข้องจะดำเนินการเด็ดขาดอย่างไร นายเสริมศักดิ์ กล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา เกี่ยวข้องกับใครก็ต้องดำเนินการไปตามนั้น ซึ่งข้อมูลที่ได้รับเบื้องต้นมีความเป็นไปได้ว่ามีหลายส่วน มีข้อมูลชี้ชัดว่ามีการทำเป็นขบวน คนที่บงการเป็นขบวนการใหญ่ เราจะปล่อยไว้ไม่ได้
“ผมได้รับรายงานว่าปัญหาและระบบการทุจริตแบบนี้ทำกันมานาน ไม่มีใครกล้าไปแตะต้อง แต่ยืนยันว่าผมจะเข้ามาดำเนินการอย่างจริงจังบนความถูกต้องชอบธรรม แต่จะไม่มีการไปกลั่นแกล้งใคร เมื่อผมมาอยู่กระทรวงศึกษาธิการก็รักในความเป็นกระทรวง แต่ทุกอย่างต้องทำให้ถูกต้อง เพราะไม่อยากได้ยินคำว่าแย่ในกระทรวงศึกษาอีกต่อไป สิ่งที่ไม่ถูกต้อง หรือการทุจริตต้องได้รับการแก้ไขปรับปรุง ยอมรับว่าการทุจริตในกระทรวงศึกษามีเยอะมาก ผมจะทำให้แผ่นดินกระทรวงศึกษามันสูงขึ้น” นายเสริมศักดิ์ กล่าว
