ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ตร.ภาค 3 ขนกำลังควบคุมฝูงชน 11 กองร้อยกว่า 1,700 นายเข้าเสริมกรุงเทพฯ เฝ้าทำเนียบรัฐบาล รับมือม็อบ “เสธ.อ้าย” และเตรียมพร้อมที่ตั้งอีก 4,000 นาย เผยการข่าวยังไม่พบขนระเบิด-เอ็ม79 จากชายแดนเข้ากรุงป่วนม็อบ แต่ไม่ประมาทสั่งตั้งด่านถนนสายหลักตรวจเข้มอาวุธสงครามเพื่อป้องกันเหตุรุนแรง เชื่อมวลชนอีสานใต้เข้าร่วมชุมนุมแค่ 1,500 คน อ้างเรียกแกนนำกลุ่มต่างๆ เข้าพบแค่พูดคุยธรรมตามปกติ
วันนี้ (22 พ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ท.เชิด ชูเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) เป็นประธานปล่อยขบวนกำลังพลกองร้อยควบคุมฝูงชนของตำรวจภูธรภาค 3 เข้าไปสนับสนุนภารกิจการควบคุมฝูงชนในพื้นที่การบัญชาการตำรวจนครบาล รวม 11 กองร้อย จำนวนทั้งสิ้น 1,705 นาย เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม นำโดย พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ เสธ.อ้าย ที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 24-25 พ.ย.นี้
โดยเป็นกำลังตำรวจชุดควบคุมฝูงชนจาก 8 จังหวัดอีสานตอนล่าง ประกอบด้วย นครราชสีมา 2 กองร้อย, บุรีรัมย์ 2 กองร้อย และอุบลราชธานี 2 กองร้อย ส่วน ชัยภูมิ, สุรินทร์, ศรีสะเกษ, อำนาจเจริญ และยโสธร จังหวัดละ 1 กองร้อย ซึ่งกำลังกองร้อยควบคุมฝูงชนชุดแรกนี้ได้สวมชุดเวส สีกรมท่า ผ้าพันคอสีม่วงเป็นสัญลักษณ์ ไม่พกอาวุธ มีเพียงโล่ประจำตัว เดินทางโดยรถตู้และรถบรรทุกหกล้อควบคุมผู้ต้องขังจำนวน 187 คัน เข้าไปประจำการพื้นที่บริเวณด้านหลังทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพฯ โดยมี พ.ต.อ.วณัฐ อรรถกวิน รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) นครราชสีมา เป็นผู้ควบคุมการปฏิบัติ ซึ่งมีการมอบเสบียงอาหารข้าวกล่อง น้ำดื่ม และกล้วยหอมติดรถไปด้วย
พล.ต.ท.เชิด ชูเวช ผบช.ภ.3 เปิดเผยว่า กำลังตำรวจชุดควบคุมฝูงชนทั้ง 11 กองร้อยนี้จะเดินทางถึงกรุงเทพฯ ก่อนเวลา 15.00 น. ในวันนี้ (22 พ.ย.) เข้ารับผิดชอบดูแลพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นหลัก วันนี้ได้เน้นย้ำเรื่องความมีระเบียบวินัย การประพฤติตัวตามกฎระเบียบ โดยรองผู้บังคับการตำรวจจังหวัดฯ ที่ควบคุมกำลังไปต้องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอย่าให้ออกนอกลู่นอกทาง อย่าให้เสียระเบียบวินัย ซึ่งตำรวจทุกนายมีขวัญกำลังใจที่ดี ใช้หลักสากลในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด
“ตำรวจภูธรภาค 3 มีกำลังกองร้อยควบคุมฝูงชนทั้งหมด 26 กองร้อย รวมเกือบ 4 พันนาย อยู่พื้นที่ต่างๆ ทั้ง 8 จังหวัด แต่วันนี้ได้รับการร้องขอไปเพียง 11 กองร้อย รวมกว่า 1,700 นาย ส่วนที่เหลือให้เตรียมพร้อมในที่ตั้งและพร้อมเคลื่อนกำลังเข้าไปสนับสนุนทันทีที่ได้รับคำสั่ง” พล.ต.ท.เชิดกล่าว
สำหรับการติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มพลังมวลชนที่จะเดินทางเข้าไปร่วมการชุมนุมกับกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามนั้น ในส่วนพื้นที่รับผิดชอบทั้ง 8 จังหวัดอีสานตอนล่างของตำรวจภูธรภาค 3 พบการเคลื่อนไหวค่อนข้างน้อย คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมชุมนุมประมาณ 1,500 นาย ซึ่งจะทยอยเดินทางในวันพรุ่งนี้ ( 23 พ.ย.)
ส่วนที่มีข่าวว่าจะมีการนำระเบิด และอาวุธปืนเอ็ม79 เข้าไปในกรุงเทพฯ เพื่อก่อกวนกลุ่มผู้ชุมนุม โดยนำมาจาก จ.บุรีรัมย์ และตามแนวชายแดนนั้นข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร พล.ต.ท.เชิดกล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เบื้องต้นยังไม่พบรายงานเรื่องนี้แต่อย่างใด แต่เพื่อไม่ประมาทได้วางมาตรการในทางการป้องกัน โดยการตั้งจุดตรวจตามเส้นทางสำคัญเพื่อตรวจค้นอาวุธปืน อาวุธสงครามเป็นหลัก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น
“อย่างไรก็ตาม อยากฝากพี่น้องประชาชนขอให้พิจารณาให้ดีว่า สิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควร สิ่งใดถูก สิ่งใดเหมาะสม เชื่อว่าประชาชนมีวิจารณญาณอยู่แล้ว ส่วนการที่ตนเรียกแกนนำกลุ่มต่างๆ เข้าพบนั้นเป็นการคุยกันธรรมดาเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรพูดคุยเป็นพิเศษ เพราะปกติก็มีการประสานงานกันอยู่อย่างสม่ำเสมออยู่แล้ว” พล.ต.ท.เชิดกล่าว
