ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ตำรวจสลายการชุมนุมด้วยแก๊สน้ำตา จับประชาชนมัดมือไขว้หลัง นำขึ้นรถบรรทุกผู้ต้องขัง กลายเป็นผู้ต้องหาโดยไม่ได้ตั้งใจ “เอกชัย มณีอ่อน” 1 ใน 127 คน ที่ถูกควบคุมตัวไปที่ค่าย ตชด.ปทุมธานี หลังเกิดเหตุตำรวจสลายฝูงชน ในวันที่ 24 พ.ย.55
24 พ.ย.55 เป็นอีก 1 วัน ที่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์การต่อสู้ภาคประชาชน ภายใต้การนำของ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือเสธ.อ้าย ประธานองค์การพิทักษ์สยาม ณ ขณะนั้น เพื่อขับไล่รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แม้จะเป็นการชุมนุมเพียงวันเดียว แต่ก็ทำให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงที่มีการสลายฝูงชนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้มีประชาชน และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ซึ่งในวันนั้นมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลไปร่วมแสดงพลังภาคประชาชนหลายหมื่นคน แต่ในที่สุดแล้ว เพื่อไม่ให้ต้องเกิดการบาดเจ็บ และสูญเสียเพิ่มมากขึ้น เสธ.อ้าย จึงประกาศยกเลิกการชุมนุมในเย็นวันนั้นเอง
เมื่อย้อนกลับไปในเช้าตรู่วันที่ 24 พ.ย. นายเอกชัย มณีอ่อน หนึ่งในประชาชนจาก จ.สงขลา ที่ได้ร่วมเดินทางไปชุมนุมในครั้งนี้ และโชคร้ายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไปกักตัวไว้ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 จ.ปทุมธานี หรือค่าย ตชด.ปทุมธานี ร่วมกับพี่น้องประชาชนอีกกว่า 100 คน หลังจากเกิดเหตุชุลมุน ตำรวจขว้างแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มประชาชนที่บริเวณ 4 แยกสะพานมัฆวานฯ
นายเอกชัย มณีอ่อน เล่าว่า ตอนนั้นเวลาประมาณ 07.30 น.ตนเองกับกลุ่มประชาชนประมาณ 500 คน รวมกันอยู่ที่บริเวณสะพานมัฆวานฯ และเมื่อเวลาประมาณ 09.00 น.ก็ได้มีรถขยายเสียงของทางองค์การพิทักษ์สยามมาปราศรัย และขอเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะขอใช้เส้นทางตรงบริเวณสะพานมัฆวานฯ เพื่อไปร่วมกับพี่น้องประชาชนที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ยอมให้ผ่านโดยอ้างว่าเป็นเขตหวงห้าม หลังจากมีการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง และให้เลี่ยงไปใช้ทางวัดเบญฯ ก็ยื้อกันอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง ตนและพี่น้องประชาชนได้ล้มแท่งแบริเออร์ หรือแท่งปูนที่เจ้าหน้าที่กั้นขวางทางไว้ และผลักดันเจ้าหน้าที่ไปได้ประมาณ 30 เมตร
“จากนั้น ตำรวจก็ได้ระดมขว้างแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มประชาชน จนทำให้เกิดเหตุชุลมุนขึ้น ทั้งตำรวจทั้งประชาชนต่างวิ่งหนีกันอลหม่าน ผมได้มีโอกาสช่วยผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งวิ่งล้มลง ก็ได้ช่วยพยุงออกจากกลุ่มควัน ตอนนั้นรู้สึกแสบตามากๆ ก็ได้ไปนั่งหลบอยู่ตรงข้างถนน และหลังจากแก๊สน้ำตาชุดแรกสงบลง ก็ได้มีรถตำรวจเข้ามาทางข้างหลังของกลุ่มประชาชน และด้านหน้าก็มีแนวตำรวจ เท่ากับตอนนั้นพวกเราอยู่ในวงล้อมของเจ้าหน้าที่ ทันใดนั้น รถตำรวจคันดังกล่าวก็ประกาศว่า ให้จับไว้ ก็รวบรวมได้กว่า 100 คน รวมทั้งผู้หญิง และผู้ชาย และให้พวกเรานั่งยืดขาบนถนน โดยตำรวจได้จับทุกคนมัดมือด้วยสายรัดข้อมือ และให้พวกเราขึ้นรถบรรทุกผู้ต้องหา ทั้งหมดประมาณ 4-5 คัน”
ในกลุ่มนี้มีนักข่าวของเอเอสทีวีผู้จัดการ และ TPBS อยู่ด้วย ซึ่งเขาพยายามแสดงบัตรต่อเจ้าหน้าที่แต่ก็ยังถูกจับกุมไป ส่วนผมขึ้นรถคันที่ 2 โดยมีผู้หญิง 15 คน และผู้ชาย 16 คน รออยู่ในรถประมาณครึ่งชั่วโมง ทั้งร้อนทั้งแสบตา ทุกคนในรถพยายามหาช่องเพื่อสูดอากาศเพราะร้อนมาก และบางคนถูกมัดมือจนแน่นมาก และมีการอ้อนวอนขอให้ตำรวจช่วยแก้มัดเพราะมันแน่นมาก จึงมีคนหนึ่งมีกรรไกรตัดเล็บก็พยายามตัดให้แก่คนที่ถูกรัดแน่นๆ ประมาณ 4-5 คน ตำรวจเองก็อยากจะช่วยแต่ไม่มีอะไรตัดให้ จากนั้นมีผู้หญิงประมาณ 4-5 คน ร้องโวยวายจนเจ้าหน้าที่ยอมปล่อยผู้หญิงไป 4 คน และผู้ชายสูงอายุไปอีกหนึ่งคน ในรถจึงเหลืออยู่ 26 คน
นายเอกชัย เล่าต่อว่า จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้ขับรถวนไปวนมาอยู่สักพัก ก็พาพวกเราไปที่ค่าย ตชด.ปทุมธานี และกักตัวพวกเราไว้ในห้องโถงใหญ่ ลักษณะคล้ายห้องประชุม เวลาตอนนั้นประมาณเที่ยงวัน เจ้าหน้าที่ก็นำข้าวกล่อง และน้ำมาให้กิน ซึ่งข้างนอกห้องประชุมมีลวดหนามกั้น และมี ตชด.คุ้มกันหนาแน่น และบอกให้พวกเราคอยเจ้าหน้าที่ตำรวจมาสอบสวนตอนประมาณบ่ายสามโมง โดยการเรียกไปสอบสวนทีละคน แจ้งข้อกล่าวหา คือ ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ความมั่นคง มีเครื่องกระสุนปืนและอาวุธมีดไว้ในครอบครอง โดยทุกคนได้รับข้อกล่าวหาเหมือนกันหมดเลย ทั้งๆ ที่ผมไม่มีอาวุธ
โดยเรามีทนายมินท์ ทนายพันธมิตรฯ ไปช่วยพวกเรา และเจ้าหน้าที่ให้ผมเซ็นรับทราบข้อกล่าวหา เป็นการปล่อยตัวชั่วคราว กว่าจะดำเนินการเสร็จประมาณเที่ยงคืน กว่ารถของตำรวจ ตชด.มาส่งที่สนามม้านางเลิ้งก็ประมาณตี 2 ก็ต้องตกเป็นผู้ต้องหาโดยไม่ได้ตั้งใจ
“จากประสบการณ์ครั้งนี้ที่ผมถูกจับ การกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้ผมคิดว่า เป็นเล่ห์อุบายที่จะไม่ให้ประชาชนไปรวมกลุ่มกันได้ เหมือนเป็นการถ่วงเวลา ตำรวจที่ถูกเกณฑ์มาคิดว่าพวกเขาก็ทำตามหน้าที่ ที่ถูกสั่งมา ที่แรกผมก็ไม่คิดว่าจะโดนจับ ครั้งนี้เป็นประสบการณ์ครั้งแรก ก็ไม่ได้รู้สึกกลัว ถ้ามีอีกก็จะไปร่วมอีก สำหรับการไปครั้งนี้ผมอยากเป็น 1 ในล้านคนที่เข้าร่วมชุมนุมภาคประชาชนได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับไล่รัฐบาลที่บริหารงานไม่มีคุณภาพ และโกงกิน คอร์รัปชัน” นายเอกชัยกล่าวทิ้งท้าย