วานนี้ (17 ธ.ค.55) ที่สำนักงานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในฐานะประธานอนุกรรมการสิทธิ พลเมืองและสิทธิทางการเมือง ได้มีการประชุมพิจารณา 4 คำร้องกรณีที่มีผู้ร้องขอให้กรรมการสิทธิฯตรวจสอบการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพในการชุมนุม การประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง ของรัฐบาลในการควบคุมการชุมนุม และการถูกควบคุมตัวขณะปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน ในการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมาเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสินแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้เดินทางมาชี้แจง อย่างไรก็ตามในการประชุมครั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ยังคงไม่เดินทางมาชี้แจงด้วยตนเอง แต่มอบหมาย นายพรชาติ บุนนาค จากสภาความมั่นคงแห่งชาติ มาชี้แจงแทน ส่วนพล.ต.อ.อุดลย์ ก็ได้มอบหมายให้พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผบ.ตร. และพล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูต รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เข้าชี้แจง
ซึ่งพล.ต.อ.วรพงษ์ ชี้แจงยืนยันว่าเหตุที่รัฐบาลต้องประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงในการควบคุมการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม เนื่องจากการชุมนุมของกลุ่มมวลชนต่างๆ ในอดีตที่ผ่านมาพบว่ากฎหมายปกติที่มีอยู่ไม่สามารถควบคุมการชุมนุมได้ ทางตำรวจจึงได้ขอให้นายกประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง โดยได้มีการประสานกับแกนนำของกลุ่มอพส.ก่อนการชุมนุมอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องเส้นทาง และพื้นที่ที่จะใช้ชุมนุม และพื้นที่ควบคุมห้ามมีการชุมนุม
"ก่อนการชุมนุมมีรายงานจากสันติบาลแจ้งว่า มีการเผยแพร่เอกสารในหมู่ชุมนุมระบุว่าในวันชุมนุมจะมีการก่อเหตุร้ายปาระเบิดเข้าใส่ผู้ชุมนุม และขอให้ผู้ชุมนุมไปหลบภัยในพื้นที่วัดเบญจมพิตร และสวนจิตรลดา ทำให้ทางตำรวจต้องประสานไปยังพล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ อดีตประธานอพส. ซึ่งก็บอกว่าไม่ทราบที่มาของเอกสารดังกล่าว และขอให้ตำรวจช่วยดูแลความปลอดภัยของการชุมนุม จึงนำมาสู่การตั้งด่านตรวจอาวุธก่อนเข้าพื้นที่ชุมนุม และประกาศพื้นที่ห้ามเข้าบริเวณรอบสถานที่ชุมนุม แต่ทั้งนี้ที่เกิดเหตุการปะทะกันยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ต้องการสลายการชุมนุม แต่เป็นผู้ชุมนุมที่พยายามจะบุกเข้ามาพื้นที่ต้องห้าม จึงจำเป็นต้องสกัดกั้นเพื่อป้องกันพื้นที่"พล.ต.อ.วรพงษ์ กล่าว
พล.ต.อ.วรพงษ์ ยังกล่าวด้วยว่า ก่อนการชุมนุมตำรวจไม่ได้คิดที่จะใช้แก๊สน้ำตา จึงไม่ได้มีการเตรียมในเรื่องหน้ากากป้องกัน แต่เมื่อผู้ชุมนุมพยายามบุกเข้ามา ทั้งที่ตำรวจก็ได้มีการประกาศเตือนผ่านเครื่องขยายเสียงอย่างต่อเนื่อง และเมื่อเกิดการผลักดันกันไปมาระหว่างสองฝ่าย ทำให้ตำรวจต้องตัดสินใจใช้แก๊สน้ำตา ซึ่งก็เป็นวิธีการสากล โดยในส่วนของผู้ที่พยายามจะบุกเข้ามาพื้นที่หวงห้ามจำนวน 137คนตำรวจก็ได้จับกุมตัวไปควบคุมไว้ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1คลองหลวง ปทุมธานี ซึ่งผู้ที่บาดเจ็บก็จะทำการส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลทันที ส่วนที่เหลือก็จะสอบปากคำและปล่อยตัวชั่วคราวทันทีในวันเดียวกันโดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ และขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการดำเนินคดี ทั้งนี้จากเหตุปะทะดังกล่าวทำให้มีผู้บาดเจ็บทั้งสองฝ่าย โดยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 98 ราย และผู้ชุมนุม 48 ราย ซึ่งส่วนใหญ่บาดเจ็บจากการถูกของแข็งและแก๊สน้ำตา
**สรุป127 คน ส่งอัยการ 20 ธ.ค.
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) มีการประชุมเพื่อสรุปสำนวนสอบสวนคดีที่กลุ่มผู้ชุมนุมองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รองผบช.น.)เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ที่ปรึกษา (สบ10 ) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน ได้ติดตามความคืบหน้างานหลังจากที่สั่งการให้ไปรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อสรุปสำนวนในคดีฝ่าฝืนประกาศห้ามเข้าพื้นที่พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ของผู้ต้องหาทั้ง 127 คน ตามคำสั่งเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจะสรุปสำนวนการสอบสวน พร้อมกับนำข้อมูลทั้งหมดส่งให้พล.ต.อ.ชัชวาลย์ พิจารณาสั่งการ คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้เสร็จสิ้นทั้งหมดได้ภายในสัปดาห์นี้อย่างแน่นอน
พล.ต.ต.อนุชัย กล่าวอีกว่า ส่วนการแจ้งข้อกล่าวหากับพล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือเสธ.อ้าย ประธาน อพส. และแกนนำคนอื่นๆ นั้น หากพบว่ามีใครที่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด หรือมีบุคคลใดที่เกี่ยวข้อง ก็จะต้องดำเนินคดีทุกราย เบื้องต้นได้มีการรวบรวมข้อมูลในส่วนหนึ่งแล้ว แต่จะต้องดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 127 คน ให้เสร็จสิ้นตามกระบวนการเรียบร้อยเสียก่อน จึงจะขยายผลไปถึงผู้เกี่ยวข้องรายอื่นๆ
ขณะที่มีรายงานระบุด้วยว่า ขณะนี้ผู้ต้องหาทั้ง 127 ราย เจ้าหน้าที่ได้มีการปล่อยตัวชั่วคราวไว้ก่อน เบื้องต้นมีผู้ยืนขอประกันตัวเพียง 1 ราย คือ ผู้ขับรถบรรทุกชนเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวนจะเรียกให้ผู้ต้องหาทั้งหมดมาพบอีกครั้งในวันที่ 20 ธ.ค. เวลา 10.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม ก่อนนำส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมกับสำนวนการสอบสวนทั้งหมดส่งให้อัยการสั่งฟ้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ซึ่งพล.ต.อ.วรพงษ์ ชี้แจงยืนยันว่าเหตุที่รัฐบาลต้องประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงในการควบคุมการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม เนื่องจากการชุมนุมของกลุ่มมวลชนต่างๆ ในอดีตที่ผ่านมาพบว่ากฎหมายปกติที่มีอยู่ไม่สามารถควบคุมการชุมนุมได้ ทางตำรวจจึงได้ขอให้นายกประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง โดยได้มีการประสานกับแกนนำของกลุ่มอพส.ก่อนการชุมนุมอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องเส้นทาง และพื้นที่ที่จะใช้ชุมนุม และพื้นที่ควบคุมห้ามมีการชุมนุม
"ก่อนการชุมนุมมีรายงานจากสันติบาลแจ้งว่า มีการเผยแพร่เอกสารในหมู่ชุมนุมระบุว่าในวันชุมนุมจะมีการก่อเหตุร้ายปาระเบิดเข้าใส่ผู้ชุมนุม และขอให้ผู้ชุมนุมไปหลบภัยในพื้นที่วัดเบญจมพิตร และสวนจิตรลดา ทำให้ทางตำรวจต้องประสานไปยังพล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ อดีตประธานอพส. ซึ่งก็บอกว่าไม่ทราบที่มาของเอกสารดังกล่าว และขอให้ตำรวจช่วยดูแลความปลอดภัยของการชุมนุม จึงนำมาสู่การตั้งด่านตรวจอาวุธก่อนเข้าพื้นที่ชุมนุม และประกาศพื้นที่ห้ามเข้าบริเวณรอบสถานที่ชุมนุม แต่ทั้งนี้ที่เกิดเหตุการปะทะกันยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ต้องการสลายการชุมนุม แต่เป็นผู้ชุมนุมที่พยายามจะบุกเข้ามาพื้นที่ต้องห้าม จึงจำเป็นต้องสกัดกั้นเพื่อป้องกันพื้นที่"พล.ต.อ.วรพงษ์ กล่าว
พล.ต.อ.วรพงษ์ ยังกล่าวด้วยว่า ก่อนการชุมนุมตำรวจไม่ได้คิดที่จะใช้แก๊สน้ำตา จึงไม่ได้มีการเตรียมในเรื่องหน้ากากป้องกัน แต่เมื่อผู้ชุมนุมพยายามบุกเข้ามา ทั้งที่ตำรวจก็ได้มีการประกาศเตือนผ่านเครื่องขยายเสียงอย่างต่อเนื่อง และเมื่อเกิดการผลักดันกันไปมาระหว่างสองฝ่าย ทำให้ตำรวจต้องตัดสินใจใช้แก๊สน้ำตา ซึ่งก็เป็นวิธีการสากล โดยในส่วนของผู้ที่พยายามจะบุกเข้ามาพื้นที่หวงห้ามจำนวน 137คนตำรวจก็ได้จับกุมตัวไปควบคุมไว้ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1คลองหลวง ปทุมธานี ซึ่งผู้ที่บาดเจ็บก็จะทำการส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลทันที ส่วนที่เหลือก็จะสอบปากคำและปล่อยตัวชั่วคราวทันทีในวันเดียวกันโดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ และขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการดำเนินคดี ทั้งนี้จากเหตุปะทะดังกล่าวทำให้มีผู้บาดเจ็บทั้งสองฝ่าย โดยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 98 ราย และผู้ชุมนุม 48 ราย ซึ่งส่วนใหญ่บาดเจ็บจากการถูกของแข็งและแก๊สน้ำตา
**สรุป127 คน ส่งอัยการ 20 ธ.ค.
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) มีการประชุมเพื่อสรุปสำนวนสอบสวนคดีที่กลุ่มผู้ชุมนุมองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รองผบช.น.)เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ที่ปรึกษา (สบ10 ) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน ได้ติดตามความคืบหน้างานหลังจากที่สั่งการให้ไปรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อสรุปสำนวนในคดีฝ่าฝืนประกาศห้ามเข้าพื้นที่พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ของผู้ต้องหาทั้ง 127 คน ตามคำสั่งเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจะสรุปสำนวนการสอบสวน พร้อมกับนำข้อมูลทั้งหมดส่งให้พล.ต.อ.ชัชวาลย์ พิจารณาสั่งการ คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้เสร็จสิ้นทั้งหมดได้ภายในสัปดาห์นี้อย่างแน่นอน
พล.ต.ต.อนุชัย กล่าวอีกว่า ส่วนการแจ้งข้อกล่าวหากับพล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือเสธ.อ้าย ประธาน อพส. และแกนนำคนอื่นๆ นั้น หากพบว่ามีใครที่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด หรือมีบุคคลใดที่เกี่ยวข้อง ก็จะต้องดำเนินคดีทุกราย เบื้องต้นได้มีการรวบรวมข้อมูลในส่วนหนึ่งแล้ว แต่จะต้องดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 127 คน ให้เสร็จสิ้นตามกระบวนการเรียบร้อยเสียก่อน จึงจะขยายผลไปถึงผู้เกี่ยวข้องรายอื่นๆ
ขณะที่มีรายงานระบุด้วยว่า ขณะนี้ผู้ต้องหาทั้ง 127 ราย เจ้าหน้าที่ได้มีการปล่อยตัวชั่วคราวไว้ก่อน เบื้องต้นมีผู้ยืนขอประกันตัวเพียง 1 ราย คือ ผู้ขับรถบรรทุกชนเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวนจะเรียกให้ผู้ต้องหาทั้งหมดมาพบอีกครั้งในวันที่ 20 ธ.ค. เวลา 10.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม ก่อนนำส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมกับสำนวนการสอบสวนทั้งหมดส่งให้อัยการสั่งฟ้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป