ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าม็อบ “เสธ.อ้าย” พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ที่จัดขึ้นที่สนามราชตฤณมัย เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2555 ที่ผ่านมา จะมีคนเข้าร่วมเกินคาด จนกระทั่งมีคนหน้าแตกยับเยินที่ชื่อ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีที่ประเมินว่าคนจะมาเข้าร่วมไม่เกิน 2,000 คน แต่ปรากฏว่ามีคนเข้าร่วมเกือบ 36,000 คน ถือว่างานแรกของ เสธ.อ้าย สอบผ่านอย่างไม่มีที่ติ และเกินความคาดหมาย
เหลือแค่บันไดขั้นที่ 2 ที่ เสธ.อ้ายประกาศว่าจะเป็นบันไดขั้นสุดท้าย ซึ่งเป็นศึกที่ต้องรบให้ชนะ คำพูดที่ว่า “ถ้าเขาอยู่ เราต้องไป ถ้าเราอยู่ เขาต้องไป” คือคำพูด เสธ.อ้ายที่ประกาศยืนยันชัดเจนว่า ศึกครั้งนี้มีเดิมพัน!
แต่เดิมพันครั้งนี้ไม่ใช่ง่าย เพราะ เสธ.อ้ายประเมินว่า ต้องมีคนเข้าร่วมอย่างน้อย 1 ล้านคนถึงจะขับไล่รัฐบาลได้ ซึ่งเขาก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องยาก แต่ศึกครั้งนี้อาจมีปาฏิหาริย์ให้พรรคเพื่อไทยได้พิสูจน์อีกครั้งหนึ่งว่าคนระดับ เสธ.อ้ายแล้วต้องไม่ธรรมดา
เหมือนถ้อยคำที่ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ส่งสัญญาณบอกคนในรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยแล้วว่า
“อย่าประมาท เสธ.อ้ายคนนี้ ถ้าคนรู้ประวัติ เสธ.อ้ายจะเข้าใจดี คนที่มาถึงระดับนี้ได้ย่อมไม่ธรรมดา ดังนั้นต้องขอเตือนรัฐบาลว่าอย่ามองข้ามเขา!”
“ทีม Special Scoop ผู้จัดการรายวัน” ได้พูดคุยกับ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ถึงแผนบันไดขั้นที่ 2 จะก้าวไปสู่ความสำเร็จได้จริงหรือไม่ ? ถึงกล้าเดิมพัน รวมไปถึงวิธีการจัดการหากขับไล่รัฐบาลได้สำเร็จ!
บันไดขั้นแรกได้ผลเกินคาด
การประเมินผลบันไดขั้นแรกในวันที่ 28 ต.ค.นั้น พล.อ.บุญเลิศบอกด้วยน้ำเสียงแสดงถึงความปีติยินดีอย่างยิ่งว่าประสบความสำเร็จเกินเป้าหมาย และกำลังตรวจสอบให้ชัดเจนว่าคนที่มาเป็นใคร มองดูแล้วอัฒจันทร์จะรับคนได้ประมาณ 25,000 คน แม้ซีกตะวันออกคนจะหลวมๆ แต่คนที่อยู่ด้านล่างก็มีจำนวนมาก ในจำนวนนี้มีคนลงทะเบียนจริงๆ 20,000 คน แต่คณะทำงานได้เตรียมเอกสารขับไล่รัฐบาลไว้ 40,000 ชุด ปรากฏว่าเหลือแค่ 4,000 ใบ แสดงว่าคนที่มาจริงๆ มีประมาณ 36,000 คน มาเกินเป้า เพราะใจคิดว่าคนมา 20,000 คนก็โอเคแล้ว เพราะชื่อเสธ.อ้ายไม่ได้เป็นที่รู้จัก ไม่ได้โด่งดัง
แต่เพราะ เฉลิม อยู่บำรุง มาพบปะวันนั้นทำให้นักข่าวแห่ตามมาทำข่าว เฉลิม จนทำให้คนรู้จัก เสธ.อ้ายมากขึ้น และรู้ว่า เสธ.อ้าย ทำอะไร นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนมาร่วมชุมนุมถึง 36,000 คน
แสดงให้เห็นว่าประชาชนเริ่มทนไม่ไหวกับรัฐบาลนี้ เพราะถ้าปล่อยให้ทำงานต่อไป ประเทศชาติจะลำบากมากในหลายเรื่อง โดยเฉพาะทั้ง 3 เรื่องที่เป็นประเด็นสำคัญในการชุมนุม คือ การหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ คือนอกจากไม่ป้องกัน ไม่ปราบปรามแล้วยังทำท่าจะยุยงส่งเสริมด้วย, เรื่องการเป็นนอมินี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ชัดเจนว่าชักใยรัฐบาลอยู่เบื้องหลัง เขาก็บอกอย่างตรงไปตรงมา “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” อย่างนี้ชัดเจน ไม่ต้องมาพูดมาก
เรื่องการบริหารประเทศไม่มีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่นน้ำไม่เคยท่วมก็ท่วม คนได้เงินชดเชยน้ำท่วมก็ได้ไม่เท่ากัน ของดีๆ ก็เอาไปขาย อย่าง ปตท.เอาไปขายหมด ขายในยุคทักษิณทั้งนั้น เอาประโยชน์เข้าพวกพ้องเยอะไป และ กรณีการทุจริต เห็นได้ชัดว่าการทุจริตเกิดขึ้นจริง
“จำนำข้าว-น้ำมัน”โครงการมีส่วนต่างใครเจี๊ยะ?
สำหรับประเด็นการทุจริต มี 2 เรื่องที่เป็นเรื่องใหญ่มากคือโครงการรับจำนำข้าว และน้ำมัน คิดง่ายๆ เรื่องรับจำนำข้าว มีการของบประมาณปีหนึ่งเกือบ 4 แสนล้านบาท เอามาใช้ในโครงการรับจำนำข้าว แต่ชาวนาผลิตข้าวได้ทั้งประเทศมีประมาณ 20 ล้านตัน ข้าวสาร 30 กว่าล้านตัน ข้าวเปลือก 1 ตัน รับจำนำ 15,000-17,000 บาท
จริงๆ คือข้าวสาร 20 ล้านตันนั้น มีการบริโภคในประเทศไปแล้ว 10 ล้านตัน ที่กินก็ขายไม่ได้ ฉะนั้นที่เหลือ 10 ล้านตันข้าวสาร หรือ 15 ล้านตันข้าวเปลือก คือค่อยเอามาจำนำก็พอ
ถ้าจำนำแค่นี้ 15(ล้านตัน) คูณ 15(ล้านตัน) ก็คือ 225,000 ล้านบาท อันนี้คิดเต็มที่เลย คิดอย่างตรงไปตรงมา ดังนั้นงบประมาณปีหนึ่งสำหรับรับจำนำข้าวก็ 225,000 ล้านบาท แต่รัฐบาลตั้งงบประมาณตั้ง 4 แสนล้านบาท เห็นชัดเลยว่ามีส่วนต่างเกิดขึ้น และส่วนต่างนี้มีจำนวนมากด้วย มันก็เกิดคำถาม “เอาไว้เจี๊ยะกันหรือเปล่า?”
ส่วนน้ำมัน ดูประเทศมาเลเซีย ทำไมเขาขายน้ำมันราคาถูกได้ เขาขายเบนซินได้ลิตรละ 18 บาท แต่คนไทยต้องใช้น้ำมันแพง เบนซิน 91 ราคาขึ้นไป 40 กว่าบาท แพงขึ้นกว่าเท่าตัว เป็นเพราะอะไร เพราะบริหารไม่ได้ประสิทธิภาพหรือไม่ ตรงนี้ก็เห็นว่ามีเงินส่วนต่างเกิดขึ้น แล้วเงินส่วนต่างนี้หายไปไหน?
หมิ่นสถาบัน-ไม่ปราบปรามยังยุยง
เรื่องหมิ่นสถาบัน รับไม่ได้เลย เพราะเขาคิดล้มจริงๆ ผมพูดได้ เพราะผมได้ยินมากับหู คนใกล้ตัวเขาเคยมาหาผม แล้วถามว่า ถ้าประเทศไม่มีสถาบันจะเป็นอย่างไร ผมก็บอกเลยว่า ก็ฉิบหายกันหมด ไม่มีไม่ได้
ผมก็เล่านิทานให้เขาฟังเรื่องหนึ่ง เรื่องนกยักษ์อิจฉาพระอาทิตย์ ก็เลยไปโอบกอดพระอาทิตย์ เพราะอยากเป็นพระอาทิตย์เสียเอง สุดท้ายไฟไหม้ตัวเอง นกยักษ์ก็ตกลงมาตาย นั่นแหละ ผมมองว่าเขาเป็นบ้า คิดแบบคนบ้า
คำถามคือ คนเสื้อแดงต้องการประชาธิปไตย ตอนนี้ก็ประชาธิปไตยแล้วไง พรรคเพื่อไทยก็ได้เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ก็บริหารประเทศ พวกเดียวกันก็บริหารประเทศ แล้วจะต้องมีเสื้อแดงไว้ทำไมอีก มันไม่ต้องมีแล้ว มีประชาธิปไตยแล้ว ที่ต้องมีเสื้อแดงต่อไปเพราะอะไร ต้องการอะไร ตรงนี้ชัดเจนว่ามีแผน ผมเคยถามคนเสื้อแดงในจังหวัดสมุทรปราการอย่างนี้นะ คือพวกคุณชนะแล้วไง เป็นรัฐบาลแล้วไง แล้วจะมีเสื้อแดงไปทำไม จะสู้กับเจ้าหรือไง?
แล้วปัญหาคือตอนนี้มีการหมิ่นสถาบันกันเยอะมาก ผมก็ว่าทำไมเขาไม่ปราม แต่ยุยง เพราะอะไร เพราะว่าถ้าออกมาบอกว่าถ้าใครหมิ่นสถาบันจะไม่ให้เงิน แค่นี้ก็จบ ไม่มีใครกล้าพูด แต่เขาไม่ทำ
จริงๆ ผมบอกเขาหลายทีให้กลับมา มากราบพระบาทพระองค์ท่าน กลับมารับโทษ ติดคุก 3 วันก็ออกแล้ว เพราะขอพระราชทานอภัยโทษได้ เนื่องจากเคยเป็นนายกรัฐมนตรี ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ ประกาศไม่เอาทรัพย์สิน แค่นี้ก็จบแล้ว
ที่มีการชุมนุมขับไล่ครั้งนี้ก็ไม่ได้ล้มรัฐบาลด้วยความเกลียดชัง แต่การปล่อยให้มีเรื่องหมิ่นสถาบัน เป็นสิ่งที่ชั่วร้ายมาก ถ้าปล่อยต่อไปสถาบันจะไม่มี จาบจ้วงกันจนชาชิน ปล่อยให้มีเว็บไซต์หมิ่นเต็มไปหมด ไม่จัดการ จะมาบอกเลือกรักใครก็ไม่ได้ เพราะนี่คือสถาบันต้องเทิดทูนทุกพระองค์ แต่นี่ไม่ทำอะไรเลย เลอะเทอะมาก
มวลชนสุกงอม-เตรียมก้าวต่อ
กระบวนการทำงานในการชุมนุมขับไล่ของเราในครั้งแรก (28 ต.ค.) คือ เราเอาผู้รู้มาเล่าให้ประชาชนฟัง พอสุดท้ายเราก็ถามว่า 3 เรื่องที่วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิมาเล่าให้ฟังนี้ ถูกใจไหม พอใจไหม ถ้าพอใจก็ต้องกลับไป แล้ว 1 คนต้องเอาคนมาให้ได้ 100 คน เป็นคำมั่นสัญญาเกิดขึ้นระหว่างองค์การกับผู้ชุมนุม
เวลานี้และขณะนี้ ผมว่ามาถึงจุดสุกงอมพอสมควร มิเช่นนั้นคนคงไม่มา เพราะผมไม่ได้ให้ค่ารถใคร ถ้ามีตังค์ก็จะให้เพราะอยากได้คน แต่เราไม่มีตังค์จริงๆ ไม่ได้จ่ายให้ใครสักบาท ชุมนุมก็จัดที่นี่ (ราชตฤณมัย) เพราะมีสถานที่อยู่แล้ว ไม่อยากให้ใครเดือดร้อน คนที่เดือดร้อนก็คือคนที่มาชุมนุม เพราะเขาต้องเสียตังค์มาเอง เขาก็ยังมา แสดงว่าเขารับไม่ไหวแล้วกับรัฐบาลนี้
มีคนบอกว่า ผมแนบเงินไว้กับข้าวกล่อง โถ่ เราไม่มีแม้กระทั่งข้าวกล่อง มีแต่ข้าวของกองทัพธรรม แล้วก็ก๋วยเตี๋ยวที่ผู้ชุมนุมเอามาช่วย คนก็พูดไปได้
เราประกาศให้ 1 คนไปพาเพื่อนมาให้ได้ 100 คน ดูแล้วครั้งนี้คนมา 36,000 คน ถ้าพาเพื่อนมาได้ 100 คนก็ได้เท่ากับ 3,600,000 คน ตัดราคาคุยออกเอา 4 หาร เหลือ 9 แสน-1ล้านคนก็ไม่เลว แค่นี้พอแล้ว ต้องได้ 1 ล้านคน น้อยกว่า 1 ล้านคนไม่ได้ เพราะเขาอ้างว่าเขาได้เป็นรัฐบาลเพราะคนเลือกเขา 15 ล้านคน เพราะฉะนั้นถ้าจะล้มรัฐบาลให้ได้ ศึกครั้งที่ 2 นี้คนต้องมาเกิน 1 ล้านคน แต่ 15 ล้านคนที่เลือกเขาก็ต้องถามต่อนะ ซื้อเสียงหรือเปล่า มีคนบอกว่าเปลี่ยนหีบเลือกตั้ง ตรงนี้จริงหรือเปล่า ตอบคำถามให้ได้ก่อน
ยุบสภาเชื่อเพื่อไทยยังมา-ล้มต่อ
เมื่อเราขับไล่ ถ้าเขาใช้วิธีการยุบสภา แล้วจัดให้มีการเลือกตั้ง พวกเขาก็มาเป็นรัฐบาลอีก ก็ยืนยันว่าจะไล่อีก ถึงแม้อยู่ในช่วงรักษาการก็ไล่ รู้หรือเปล่าว่าเลือกกี่ครั้งเขาก็มาอีก
เพราะเขาใช้เงินหลวง “กินรวบ” ประเทศไทยไปแล้ว ก็นโยบายประชานิยมเขานั่นแหละล้วนแต่เป็นเงินหลวง ถ้าเป็นเงินเขาเองผมก็จะไม่ว่า ไม่เข้าไปยุ่ง แต่นี่เป็นเงินหลวง
จริงๆ แล้ว นักการเมืองพอกันหมด เพราะการต่อสู้สูง วันนี้ว่ากันว่าผู้แทนคนหนึ่งใช้เงิน 20 ล้านบาทต่อคน สภาฯ มี 500 คน คูณเข้าไปก็หมื่นล้านบาท แต่มันมีค่าอย่างอื่นด้วย ก็ต้องคูณ 2 กันเข้าไป รวมแล้วก็ 2 หมื่นล้าน
แต่วันนี้พรรคไหนก็สู้พรรคเพื่อไทยไม่ได้ เพราะเขาลงลึก เหตุผลก็คือว่าเขาใช้เงินรัฐบาลเยอะมากในการลงพื้นที่ ดูง่ายๆ แค่ SML ให้หมู่บ้านละ 5 แสนบาท เขาตั้งคนของเขาไปเป็นกรรมการดูแลเงิน ไม่ต้องเยอะ แค่ 2-3 คน คนหนึ่งเป็นหัวหน้า อีก 2 คนเป็นลูกน้อง แล้วมี 100 หลังคาเรือน บอกให้ดูแลคนละ 20 หลังคาเรือน หัวหน้าเอาไป 30 หลังคาเรือน 3 คนนี้ดูแลคนในหมู่บ้านแล้ว 70% เลือกตั้งเมื่อไรก็ชนะ บอก ถ้าแกไม่เลือกพรรคเพื่อไทย ฉันไม่ให้ตังค์นะ แล้วโอนเงินตรงมาจากรัฐบาลมาที่ 3 คนนี้ แล้วใครจะไปสู้เพื่อไทย ผมถึงบอกเอาเงินหลวงไปซื้อคะแนนให้ตัวเอง แล้วจะมาอ้างว่า 16 ล้านเสียงได้อย่างไร
ทีนี้เราจะปล่อยให้เป็นอย่างไรก็ได้ จะหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างไรก็ได้ จะโกงก็ได้ จะทำอย่างไรกับใครก็ได้ จะแต่งตั้งข้าราชการ หรือรัฐมนตรีข้ามสายพันธุ์อย่างไรก็ได้ จากกระทรวงพาณิชย์มาเกษตรฯ จากเกษตรฯ ไปไหนก็ได้ สมัยก่อนมันไม่มีนะ อย่างทหาร เมื่อสอบเข้าได้แล้วจะเลือกเหล่าใด ทหารอากาศ ทหารเรือ ทหารบก เปลี่ยนไม่ได้ แต่นี่ไม่ใช่ แล้วแต่ความพอใจของทักษิณ มันไม่ได้ เขาเรียกว่าข้ามสายพันธุ์ มันเสียหาย ทักษิณจะบันดาลอำนาจอะไรก็ได้ มีอำนาจมากเกินไป แต่เงิน เอาเงินรัฐบาลไปให้ ไปซื้อเสียง อย่างไรก็ได้มา ใครไม่เลือกพรรคทักษิณ ก็ไม่ได้เงิน
อย่างหมู่บ้านหนึ่ง เขาให้มา 5 แสนบาท ฉันเป็นหัวหน้าเอาไว้ 20,000 บาท พวกแกเอาไปคนละ 15,000 บาท แล้วที่เหลือไปแจก แล้วก็มีประชานิยมต่างๆนานาอีกเยอะแยะ ประเทศไทยมี 80,000 หมู่บ้าน 1,000 อำเภอ 900 ตำบล เงินหลวงด้วย
ผมไม่สนใจหรอกนะ ถ้าพรรคเขาจะทำอย่างนั้น ด้วยเงินของทักษิณเอง เอาเงินตัวเองสิ ผมจะโมทนาสาธุเลย บอกเลย SML เอาไปเลย เงินทักษิณ เอาสิ เอ็งมีเงินจ่ายปีละ 4 หมื่นล้าน 5 หมื่นล้าน เงินของเอ็ง แต่นี่มันเงินภาษีประชาชน มันรับไม่ได้ ถ้าเงินของทักษิณ ผมไม่ว่า เงินของเขา ไม่ใช่เงินรัฐบาล ต้องรีบสกัดเพราะเป็นเงินภาษี เอามาใช้เพื่อนักการเมืองไม่ได้
ดังนั้น องค์กรเรามีวิธีการและแผนไว้เรียบร้อยแล้ว ถึงได้บอกว่าเรามีแผนบันได 2 ขั้น แต่ยังบอกออกไปไม่ได้ ต้องมาชุมนุมครั้งที่ 2 เราจะบอกถึงวิธีการและแผนการทั้งหมด
ขณะนี้องค์กรฯ พร้อมแล้ว ประชาชนล่ะ พร้อมหรือยังที่จะเข้าร่วม สถานที่ก็อาจจะไม่ใช่ที่นี่ ที่นี่อาจเป็นที่เตรียมการแล้วออกไปทำศึก ก็ไม่จำเป็นต้องยึดทำเนียบ ยึดไปก็ไม่มีประโยชน์
แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนควรรู้ คือขณะนี้ทุกพรรคเหมือนกันหมด นักการเมืองไทยเหมือนกันหมด ความไม่ดีใกล้เคียงกัน แต่ใครจะเห็นได้ชัดมากกว่ากันเท่านั้นเอง ตอนนี้นักการเมืองไทยเสียไปหมดแล้ว ต้องหยุด คือใช้เวลาสักพัก จนกว่าการไหลของเงินทุจริตจะหยุดนิ่ง แล้วเริ่มต้นทำการเมืองใหม่ กฎหมายที่มีอยู่ตอนนี้ก็ใช้ไม่ได้ ต้องมีกฎหมายใหม่ ให้อำนาจประชาชน โดยต้องเรียกคนเก่งๆ องค์กรวิชาชีพต่างๆ มาช่วยกัน มาร่างกฎหมายใหม่ ทำให้ประเทศชาติเดินหน้าด้วยกัน ดูอย่างภาคเศรษฐกิจไทยตอนนี้ ภาคองค์กรเอกชนเขาเดินหน้ากันเอง รัฐบาลอย่าไปยุ่งอะไรมาก แค่ควบคุมดูแลพอ ยิ่งไปยุ่งมาก เศรษฐกิจยิ่งสะดุด
ชินวัตรอยู่ไทยได้-แต่อย่าโกง
ความจริงแล้วแม้ว่าเราจะล้มรัฐบาลแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้ครอบครัวชินวัตรอยู่ในประเทศไม่ได้ ซึ่งไม่ถึงขั้นนั้น เราไม่ได้โหดเหี้ยม แต่ต้องดูว่าอะไรถูก คนเราต้องรู้จักผิด ถูก ชั่ว ดี โดยเฉพาะผู้บริหารประเทศ ดำ ขาว อันนี้ถูก อันนี้ผิด มาบอกว่าเทาๆ จะขาวก็ไม่ใช่ จะดำก็ไม่ใช่ ไม่ได้ มันต้องขาวไปเลย หรือดำไปเลย
ทั้งทักษิณและยิ่งลักษณ์ ต่างก็มีความผิด เพียงแต่ว่ามีความผิดต่างกัน หมายความว่า ทักษิณเป็นผู้สั่งการ ถ้าเทียบแบบคดีอาญาก็คือผู้จ้างวาน ยิ่งลักษณ์ไม่รู้เรื่องเท่าไร แต่ก็เป็นผู้ลงมือ ดังนั้นทักษิณก็มีความผิดมากกว่ายิ่งลักษณ์ เพราะเป็นผู้สั่งการ
ถ้าขับไล่ได้ ทรัพย์สินที่อยู่กับรัฐบาลก็ต้องพิสูจน์ว่าของใคร แต่ผมว่าต้องยึด ขอโทษนะ คนบ้าอะไรจะมีเงินเยอะขนาดนั้น แค่ทำธุรกิจ อย่าง บิล เกตส์ เขารวยมหาศาลเพราะว่าสินค้าเขาขายไปทั่วโลก แต่ทักษิณทำอะไรขายไปทั่วโลก มันไม่มี จะบอกว่าแค่ปั่นหุ้นจนรวยก็คงไม่ได้ขนาดนี้ ตามธรรมชาติแล้วไม่น่าจะมีเงินมากมายได้ขนาดนี้
ศึกครั้งที่ 2 ถ้าเขาอยู่เราไป ถ้าเราอยู่เขาต้องไป
ศึกครั้งที่ 2 จะเดินหน้าอย่างไรต่อไป ผมว่า 1 ล้านคนขึ้นไป แต่ไม่ง่าย ดังนั้นจึงต้องตรวจสอบก่อนให้แน่ใจว่าคนที่จะมา มีจำนวนเท่าไรแล้ว ได้จำนวนที่ต้องการหรือยัง ถ้าจำนวนคนเข้าร่วมที่เราประเมินได้ว่าครบ 1 ล้านแล้ว เราก็ลุยเลย ไม่เหมือนวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา เราลองสุ่มดูก่อน คนจะมาหรือเปล่า ปรากฏว่าคนมาเกินคาดเสียอีก ก็ถือว่าดี เห็นตัวตนคนที่มาแล้วเป็นใคร ก็ถามว่าเอาเพื่อนมาได้ไหม ประชาชนก็ตอบเสียงหนักแน่นว่าได้ ก็มั่นใจ แต่ก็ต้องดูว่าจะทำได้ไหม เพราะ 1 ต่อ 10 ไม่พอ ต้องได้ 1 ล้าน ถ้าท่านมาก็สำเร็จ แต่ถ้าไม่สำเร็จ ก็เลิก จบชีวิตเสืออ้าย
ศึกครั้งที่ 2 จะเป็นศึกครั้งสุดท้าย ถ้าเขายังอยู่ เราไป ถ้าเขาไป เรายังอยู่ ถ้าไม่สำเร็จก็หมดปัญญา ต้องให้คนอื่นลองบ้าง ถ้าพวกท่านไม่มาก็จบ แต่ถ้ามาก็มีโอกาสชนะ แต่ยังไม่บอกว่าจะทำอะไร แผนมีแล้ว และจะแถลงข่าววันพฤหัสนี้ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่หนังตอนจบยังไม่บอก ถ้าคนมาไม่เป็นไปตามเป้า ก็หยุด ไม่ชุมนุมยืดเยื้อ ผมก็ยอมแพ้
“มีเดิมพันแค่ 2 ขั้น ขั้นแรกสำเร็จแล้ว เหลืออีกแค่ขั้นเดียว เดิมพันแค่นี้พอ ผมไม่เชื่อว่าต้องยืดเยื้อม็อบถึงจะสุกงอม ถ้าเห็นด้วยก็มา ถ้าทำอะไรแล้วไม่กระแทกใจคน คนก็ไม่มา ถ้าคนไม่มา คนก็ไม่เอาด้วย อย่างนี้ผมเรียกว่าขายไม่ออก”
ดังนั้นต้องเด็ดขาด ทำเยิ่นเย้อมีแต่โทษ หนึ่งคือสถานที่ไม่มี มีแค่สนามม้า สองคือเครื่องมือสื่อสารก็ไม่มี สมมติมีคนบริจาคเงิน แล้วเงินบริจาคหายไปไหน เกิดปัญหาตามมามากมาย ทำให้สั้นจบไปเลยดีกว่า ไม่มีปัญหาตามมา
ใช้โซเชียลมีเดียรวมคน-เชื่อมทุกเครือข่ายต้านรัฐ
ขณะนี้ทุกเครือข่ายที่ร่วมกับเรา กำลังหาคนทุกจังหวัด เพื่อสำรวจและประเมินว่าใครจะมาบ้าง ต้องช่วยกันหาคนมาช่วยเสธ.อ้าย เพราะศึกครั้งนี้จะสู้แค่อีกครั้งเดียว ถ้าไม่ชนะต้องให้คนอื่นมาสู้ พอประเมินกำลังได้ใครมาบ้างก็ไม่ประมาท ด้วยการเอา 2 หาร เอา 4 หารแต่ค่าใช้จ่ายไม่มีให้
เรา ต้องย้ำกับทุกเครือข่าย ต้องมาด้วยใจ ทุกคนต้องดูแลกันเอง อย่าง 1 ล้านคน ให้คนละ 10 บาท ยังต้องใช้ 10 ล้านบาท ผมไม่มีเงิน จะเอาเงินมาจากไหน ต้องช่วยกัน มาคราวนี้ต้องเผด็จศึกให้ได้ อาจจะอยู่สักคืน
เสธ.อ้ายบอกว่าคนที่จะมาชุมนุมมีการติดต่อสื่อสารกัน มีหลากหลายกลุ่ม มีอุดมการณ์ รวมไปถึงกลุ่มคนต่างๆ ที่กำลังเดือดร้อนจากการบริหารราชการของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
“มี เรามีลูกเสือชาวบ้าน คนกลุ่มนี้มีอุดมการณ์ แม้จะมีจำนวนน้อยลงไปมากแล้ว บางคนก็ไม่อยู่แล้ว บางคนก็เบื่อการเมือง แต่ก็ยังมีคนดูแลอยู่ รวมๆ แล้วก็ยังมีอยู่ 2-3 แสนคน แล้วผมเชื่อว่าคนไทยรักพระเจ้าอยู่หัวทุกคน และก็ไม่ชอบคนเอาเปรียบ คือคนเอาเปรียบได้ ยอมรับได้ แต่อย่าเอาเปรียบมากเกินไป”
ส่วนกลุ่มอื่นๆ ก็จะมีเข้าร่วมหลายกลุ่ม กลุ่มกำนัน ผู้ใหญ่บ้านตอนนี้ก็ไม่พอใจรัฐบาลที่แก้กฎหมายให้เขาเลือกตั้งทุก 5 ปี เขาเคยอยู่ของเขาดีๆ กลุ่มนี้ก็ 8 หมื่นหมู่บ้าน 9 พันตำบล นับๆ แล้วก็มีประมาณ 3 แสนคน ก็กำลังชวนให้มาร่วม องค์กรสวนยาง ภาคเกษตรก็กำลังเดือดร้อน แล้วก็จะไปชวนผู้มีฤทธิ์มาร่วมด้วย คือโรงงาน บริษัทต่างๆ พวกเขาต่อต้านคอร์รัปชัน ถ้าเจ้าของเข้าร่วม พนักงานเขาก็มาร่วมได้
“นักธุรกิจเขาผิดหวังรัฐบาลนะ มีคนไปขอเขา 30% เป็นค่าคอมมิชชัน มีการเขียนกันที่มือให้ดู เขารับไม่ได้ เพราะเอาเข้าจริงมีเบี้ยบ้ายรายทางอีก รวมแล้วต้องจ่ายใต้โต๊ะเป็น 50% คนไม่พอใจเยอะนะ”
วันนี้พวกเราใช้โซเชียลมีเดียเป็นตัวรวมคนและเช็กคน ต้องให้แน่ใจว่าคนมาได้สัก 1 ล้านคน ตอนนี้เหลือแค่จำนวนคน อย่างอื่นก็พร้อมหมด องค์กรพร้อมแล้ว แต่ต้องมั่นใจเรื่องจำนวนคนก่อน
ศึกครั้งสุดท้าย critical area จุดอันตราย!
ที่สำคัญคือคนที่กลับไป 1 ไปพามาอีก 100 คน ก็คิดว่ายาก แต่ถ้าตั้งใจ 1 ต่อ 30 ก็ได้ ต้องขอให้สูงไว้ก่อน ถ้าขอต่ำก็ได้น้อย และคิดว่าการรวมพลครั้งที่ 2 ไม่น่าเกินเดือนพฤศจิกายน
นัดนี้จะสำคัญกว่านัดแรก เพราะเป็นนัดที่เราต้องเผด็จศึก และตอนนี้เป็นจุดอันตราย มันเป็น critical area ผมต้องผ่านให้เร็วที่สุด!