การบังคับใช้กฎหมายสำหรับรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีบรรทัดฐานที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ระหว่างกลุ่มคนที่ก้มหัวให้ระบอบทักษิณกับกลุ่มคนที่ต่อต้าน
ล่าสุดเห็นชัดถึงความลำเอียง แบ่งฝ่าย และเลือกปฏิบัติ ระหว่างคดีของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกับคดีของครูโรงเรียนนานาชาติ ที่เพียงตะโกนถามนางดารุณี กฤตบุญญาลัย แกนนำเสื้อแดงว่า “ว่าในหลวง” ทำไมเท่านั้น
ใครที่ยอมสวามิภักดิ์ต่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สนับสนุนพรรคเพื่อไทย หรือเป็นสาวกคนเสื้อแดง ถ้ากระทำความผิด ไม่ว่าจะร้ายแรงเพียงใด รัฐบาลช่วยเหลือเต็มที่ ช่วยกันอย่างหน้าด้านๆ ขณะที่ตำรวจหลีกเลี่ยงการดำเนินคดี กระบวนการสอบสวนความผิดดำเนินไปอย่างอืดอาดล่าช้า หรือเป่าคดีไป
คดีคนเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมือง คดีภรรยานายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำเสื้อแดงจังหวัดอุดรธานี ที่ถูกจับพร้อมเครื่องเพชร หลังการเผาเซ็นทรัลเวิลด์ โดยคนเสื้อแดงเข้าไปบุกลักทรัพย์ในเหตุการณ์ 19 พ.ค. 53 และแม้แต่คดีสตรีเสื้อแดง 2 คนที่เขียนข้อความมิบังควรบนพื้นฐาน จาบจ้างสถาบัน เรื่องกลับเงียบหาย
แต่กรณีครูสตรีสอนโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งมีความจงรักภักดีต่อสถาบัน และทนไม่ได้ที่นางดารุณีแกนนำเสื้อแดงปากร้าย จาบจ้วงสถาบันบ่อยครั้ง เมื่อพบเจอจึงแสดงอารมณ์ตะโกนถามถึงสาเหตุการจาบจ้างสถาบันเท่านั้น ตำรวจกลับเกาะติดคดี เร่งรีบตรวจสอบตามหาเหมือนเป็นอาชญากรสำคัญ และออกหมายเรียกรับทราบข้อกล่าวหาที่รุนแรงเกินเหตุ
คำพูดที่ตะโกนถามไปยังนางดารุณี ไม่ได้หยาบคาย แต่ตำรวจกลับตั้งข้อหาหนัก ส่วนคนเสื้อแดงที่กระทำผิดข้อหาหนัก ตำรวจกลับทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ไม่เคร่งครัดเร่งรัดคดี จนรู้กันทั้งประเทศว่า ตำรวจตั้งตัวเป็นพวกใคร
กรณีของครูสตรีโรงเรียนนานาชาติ เทียบไม่ได้กับกรณีของนายยงยุทธ ซึ่งถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรง กรณีการโอนที่ดินและสนามกอล์ฟอัลไพน์ ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย
สมัยก่อนข้าราชการระดับสูงคนใดมีความผิดวินัยร้ายแรง และถูกให้ออกหรือไล่ออกก็ตาม จะเกิดละอายแก่ใจตัวเอง เพราะทำให้วงศ์ตระกูลเสื่อมเสีย แทบจะเอาปี๊บคุมหัว ต้องมุดหัวอยู่ในซอกหลืบของสังคมอย่างเงียบๆ
แต่สมัยนี้ คนไร้ยางอาย นอกจากไม่หาปี๊บมาคุมหัวแล้ว ยังลอยหน้าลอยตาอยากจะเป็นรัฐมนตรีต่อไปอีกเสียด้วย
ตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทยต้องสิ้นสุดทันทีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด และนายยงยุทธควรลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงเศษเสี้ยวของสปริต
แต่นายยงยุทธด้านพอที่จะไม่แสดงอะไรเลย และรัฐบาลก็ด้านพอที่จะสั่งไปยังข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยหลายคนที่ “แหย” ต่อรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ยอมก้มหัวรับใช้ระบอบทักษิณ สุมหัวกับรัฐบาล ช่วยล้างมลทินให้นายยงยุทธ
ดันทุรังให้เป็นรัฐมนตรีต่อไป ทั้งที่มีความผิดร้ายแรง จนถูกให้ออกจากราชการ
นายยงยุทธจะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่อไปได้หรือไม่ รัฐบาลและคณะอนุกรรมการข้าราชการกระทรวงหมาดไทย จะมีความผิดใดหรือไม่ เป็นเรื่องข้อกฎหมายที่จะพิจารณากันต่อไป
แต่ความพยายามล้างมลทินให้นายยงยุทธ เป็นการช่วยเหลือคนที่กระทำความผิด เปลี่ยนสีดำให้เป็นสีขาว และเป็นการใช้อำนาจ เพื่อช่วยเหลือพวกพ้องของตัวเองอย่างชัดแจ้ง
แม้เป็นเรื่องน่าทุเรศ แต่รัฐบาลนางสาวปูทำได้ และทำมาแล้วในหลายกรณี ตั้งคนที่มีความมัวหมองเข้ามาเป็นรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีชุดนี้จึงหาคนดีไม่เจอ เพราะมีแต่คนประเภทฝนตกขี้หมูไหล
รัฐบาลชุดนี้พยายามอยู่หลายครั้งเพื่อล้างมลทินให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ว่าการแก้กฎหมายหรือออกกฎหมายใหม่ แต่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ยอม พ.ต.ท.ทักษิณจึงยังเป็นคนไร้แผ่นดินอยู่
คราวนี้กำลังพยายามล้างมลทินให้ลูกสมุนแทน พยายามขุดศพนายยงยุทธขึ้นมาใหม่ แต่ประชาชนส่วนใหญ่จะยอมให้นางสาวปูทำเรื่องทุเรศหรือ
เพราะถ้ายอมเท่ากับเป็นการยอมรับว่า กฎหมายไม่สามารถบังคับใช้กับลูกสมุนที่ยอมเป็นทาสรับใช้พ.ต.ท.ทักษิณได้ แต่จะถูกบังคับใช้กับประชาชนทั่วไปเท่านั้น
แต่คนที่สนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ คนเสื้อแดง รัฐบาลนางสาวปูจะใช้กฎ “กู” เปลี่ยนผิดให้เป็นถูก ช่วยปกป้องพวกพ้องไม่ให้ต้องรับผิดใดๆ
นักการเมืองพรรคเพื่อไทย ข้าราชการที่รับใช้พ.ต.ท.ทักษิณ หรือแม้แต่คนเสื้อแดง จึงกร่างกันคับบ้านคับเมือง เพราะไม่ต้องกลัวความผิดใด
แต่ประชาชนทั่วไปผิดนิดผิดหน่อย หรือไม่ผิดเลย กลับถูกยัดเยียดข้อหาใหญ่ เช่น กรณีครูโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งควรได้รับการยกย่องในฐานะสตรีที่กล้าหาญ แต่กลับถูกตามล้างตามล่าเหมือนโจรร้าย ทั้งที่เป็นสตรีตัวเล็กที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันเท่านั้น
การล้างมลทินให้นายยงยุทธ ไม่มีอะไรมากไปกว่าการแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลนางสาวปูย่ามใจในอำนาจ คิดว่าคุมทุกอย่างไว้เบ็ดเสร็จแล้ว จะทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย ก็ไม่มีใครทำอะไรได้
นายยงยุทธอาจถูกดันทุรังให้รั้งตำแหน่งอยู่ต่อไป ในฐานะรัฐมนตรีผีตายซาก แต่ถึงเป็นผีตายซาก นายยงยุทธก็พร้อมจะเป็น เพราะถ้าไม่มีตำแหน่งทางการเมือง ก็หมดที่ยืนในสังคม
ปฏิบัติการลวกๆ อย่างร้อนรนในการลบล้างมลทินให้นายยงยุทธ เป็นการใช้กฎหมายอย่างเลือกปฏิบัติเพื่อช่วยพวกพ้อง โดยสถาปนากฎ “กู” ขึ้นมาแทน
จะยอมนั่งดูการสถาปนากฎ “กู” ต่อไปหรือไม่ ถ้ายอมต้องฉีกกฎหมายทิ้ง ถ้าไม่ยอมต้องช่วยกันไล่รัฐบาลนางสาวปูออกไป
ล่าสุดเห็นชัดถึงความลำเอียง แบ่งฝ่าย และเลือกปฏิบัติ ระหว่างคดีของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกับคดีของครูโรงเรียนนานาชาติ ที่เพียงตะโกนถามนางดารุณี กฤตบุญญาลัย แกนนำเสื้อแดงว่า “ว่าในหลวง” ทำไมเท่านั้น
ใครที่ยอมสวามิภักดิ์ต่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สนับสนุนพรรคเพื่อไทย หรือเป็นสาวกคนเสื้อแดง ถ้ากระทำความผิด ไม่ว่าจะร้ายแรงเพียงใด รัฐบาลช่วยเหลือเต็มที่ ช่วยกันอย่างหน้าด้านๆ ขณะที่ตำรวจหลีกเลี่ยงการดำเนินคดี กระบวนการสอบสวนความผิดดำเนินไปอย่างอืดอาดล่าช้า หรือเป่าคดีไป
คดีคนเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมือง คดีภรรยานายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำเสื้อแดงจังหวัดอุดรธานี ที่ถูกจับพร้อมเครื่องเพชร หลังการเผาเซ็นทรัลเวิลด์ โดยคนเสื้อแดงเข้าไปบุกลักทรัพย์ในเหตุการณ์ 19 พ.ค. 53 และแม้แต่คดีสตรีเสื้อแดง 2 คนที่เขียนข้อความมิบังควรบนพื้นฐาน จาบจ้างสถาบัน เรื่องกลับเงียบหาย
แต่กรณีครูสตรีสอนโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งมีความจงรักภักดีต่อสถาบัน และทนไม่ได้ที่นางดารุณีแกนนำเสื้อแดงปากร้าย จาบจ้วงสถาบันบ่อยครั้ง เมื่อพบเจอจึงแสดงอารมณ์ตะโกนถามถึงสาเหตุการจาบจ้างสถาบันเท่านั้น ตำรวจกลับเกาะติดคดี เร่งรีบตรวจสอบตามหาเหมือนเป็นอาชญากรสำคัญ และออกหมายเรียกรับทราบข้อกล่าวหาที่รุนแรงเกินเหตุ
คำพูดที่ตะโกนถามไปยังนางดารุณี ไม่ได้หยาบคาย แต่ตำรวจกลับตั้งข้อหาหนัก ส่วนคนเสื้อแดงที่กระทำผิดข้อหาหนัก ตำรวจกลับทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ไม่เคร่งครัดเร่งรัดคดี จนรู้กันทั้งประเทศว่า ตำรวจตั้งตัวเป็นพวกใคร
กรณีของครูสตรีโรงเรียนนานาชาติ เทียบไม่ได้กับกรณีของนายยงยุทธ ซึ่งถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรง กรณีการโอนที่ดินและสนามกอล์ฟอัลไพน์ ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย
สมัยก่อนข้าราชการระดับสูงคนใดมีความผิดวินัยร้ายแรง และถูกให้ออกหรือไล่ออกก็ตาม จะเกิดละอายแก่ใจตัวเอง เพราะทำให้วงศ์ตระกูลเสื่อมเสีย แทบจะเอาปี๊บคุมหัว ต้องมุดหัวอยู่ในซอกหลืบของสังคมอย่างเงียบๆ
แต่สมัยนี้ คนไร้ยางอาย นอกจากไม่หาปี๊บมาคุมหัวแล้ว ยังลอยหน้าลอยตาอยากจะเป็นรัฐมนตรีต่อไปอีกเสียด้วย
ตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทยต้องสิ้นสุดทันทีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด และนายยงยุทธควรลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงเศษเสี้ยวของสปริต
แต่นายยงยุทธด้านพอที่จะไม่แสดงอะไรเลย และรัฐบาลก็ด้านพอที่จะสั่งไปยังข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยหลายคนที่ “แหย” ต่อรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ยอมก้มหัวรับใช้ระบอบทักษิณ สุมหัวกับรัฐบาล ช่วยล้างมลทินให้นายยงยุทธ
ดันทุรังให้เป็นรัฐมนตรีต่อไป ทั้งที่มีความผิดร้ายแรง จนถูกให้ออกจากราชการ
นายยงยุทธจะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่อไปได้หรือไม่ รัฐบาลและคณะอนุกรรมการข้าราชการกระทรวงหมาดไทย จะมีความผิดใดหรือไม่ เป็นเรื่องข้อกฎหมายที่จะพิจารณากันต่อไป
แต่ความพยายามล้างมลทินให้นายยงยุทธ เป็นการช่วยเหลือคนที่กระทำความผิด เปลี่ยนสีดำให้เป็นสีขาว และเป็นการใช้อำนาจ เพื่อช่วยเหลือพวกพ้องของตัวเองอย่างชัดแจ้ง
แม้เป็นเรื่องน่าทุเรศ แต่รัฐบาลนางสาวปูทำได้ และทำมาแล้วในหลายกรณี ตั้งคนที่มีความมัวหมองเข้ามาเป็นรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีชุดนี้จึงหาคนดีไม่เจอ เพราะมีแต่คนประเภทฝนตกขี้หมูไหล
รัฐบาลชุดนี้พยายามอยู่หลายครั้งเพื่อล้างมลทินให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ว่าการแก้กฎหมายหรือออกกฎหมายใหม่ แต่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ยอม พ.ต.ท.ทักษิณจึงยังเป็นคนไร้แผ่นดินอยู่
คราวนี้กำลังพยายามล้างมลทินให้ลูกสมุนแทน พยายามขุดศพนายยงยุทธขึ้นมาใหม่ แต่ประชาชนส่วนใหญ่จะยอมให้นางสาวปูทำเรื่องทุเรศหรือ
เพราะถ้ายอมเท่ากับเป็นการยอมรับว่า กฎหมายไม่สามารถบังคับใช้กับลูกสมุนที่ยอมเป็นทาสรับใช้พ.ต.ท.ทักษิณได้ แต่จะถูกบังคับใช้กับประชาชนทั่วไปเท่านั้น
แต่คนที่สนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ คนเสื้อแดง รัฐบาลนางสาวปูจะใช้กฎ “กู” เปลี่ยนผิดให้เป็นถูก ช่วยปกป้องพวกพ้องไม่ให้ต้องรับผิดใดๆ
นักการเมืองพรรคเพื่อไทย ข้าราชการที่รับใช้พ.ต.ท.ทักษิณ หรือแม้แต่คนเสื้อแดง จึงกร่างกันคับบ้านคับเมือง เพราะไม่ต้องกลัวความผิดใด
แต่ประชาชนทั่วไปผิดนิดผิดหน่อย หรือไม่ผิดเลย กลับถูกยัดเยียดข้อหาใหญ่ เช่น กรณีครูโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งควรได้รับการยกย่องในฐานะสตรีที่กล้าหาญ แต่กลับถูกตามล้างตามล่าเหมือนโจรร้าย ทั้งที่เป็นสตรีตัวเล็กที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันเท่านั้น
การล้างมลทินให้นายยงยุทธ ไม่มีอะไรมากไปกว่าการแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลนางสาวปูย่ามใจในอำนาจ คิดว่าคุมทุกอย่างไว้เบ็ดเสร็จแล้ว จะทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย ก็ไม่มีใครทำอะไรได้
นายยงยุทธอาจถูกดันทุรังให้รั้งตำแหน่งอยู่ต่อไป ในฐานะรัฐมนตรีผีตายซาก แต่ถึงเป็นผีตายซาก นายยงยุทธก็พร้อมจะเป็น เพราะถ้าไม่มีตำแหน่งทางการเมือง ก็หมดที่ยืนในสังคม
ปฏิบัติการลวกๆ อย่างร้อนรนในการลบล้างมลทินให้นายยงยุทธ เป็นการใช้กฎหมายอย่างเลือกปฏิบัติเพื่อช่วยพวกพ้อง โดยสถาปนากฎ “กู” ขึ้นมาแทน
จะยอมนั่งดูการสถาปนากฎ “กู” ต่อไปหรือไม่ ถ้ายอมต้องฉีกกฎหมายทิ้ง ถ้าไม่ยอมต้องช่วยกันไล่รัฐบาลนางสาวปูออกไป