อุดรธานี - สมาพันธ์หมู่บ้านเสื้อแดงฯ แถลงเปลี่ยนชื่อเป็น สมาพันธ์ชุมชนเสื้อแดงเพื่อประชาธิปไตย เผยใช้ชุมชนเหมาะสมกว่าหมู่บ้าน เหตุมีบางคนในหมู่บ้านไม่ใช่เสื้อแดง ด้านดาราชื่อดัง อรรถชัย ยันเจตนารมณ์ต่อต้านการทำรัฐประหาร และเผด็จการทุกรูปแบบ
วันนี้ (14 พ.ย.) ที่โรงแรมต้นคูน อ.เมือง จ.อุดรธานี สมาพันธ์หมู่บ้านเสื้อแดงเพื่อประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย จัดกิจกรรมแถลงข่าวเปลี่ยนตัวบุคลากรทำงานในสมาพันธ์หมู่บ้านเสื้อแดง โดยมี นพ.ประสงค์ บูรณ์พงษ์ ร.ต.ต.กมลศิลป์ สิงหะสุริยะ นายสุริยา ชินพันธ์ นายอรรถชัย อนันตเมฆ นายอัฐพล ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา นายพิษณุ เชิงสมอ น.ส.ภิรคพร หงษ์ธนิธร ร่วมกันแถลงข่าว
นพ.ประสงค์ บูรณ์พงษ์ กล่าวว่า มติที่ประชุมของคณะกรรมการสมาพันธ์หมู่บ้านเสื้อแดงฯ มีความเห็นร่วมกันว่า ต้องเพิ่มชื่อของสมาพันธ์หมู่บ้านเสื้อแดงเพื่อประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย มาเป็นสมาพันธ์ชุมชนเสื้อแดงเพื่อประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย สาเหตุที่เพิ่มคำว่า ชุมชน เข้าไปเพราะมีสมาชิกทักท้วงว่าการใช้คำว่า หมู่บ้าน อาจจะทำให้เกิดความสับสนจากประชาชนในหมู่บ้านที่มีบางคนไม่ได้สมัครเป็นสมาชิก จึงมีมติใช้คำว่า ชุมชน แทนคำว่า หมู่บ้าน และมีชื่อใหม่ว่า สมาพันธ์ชุมชนเสื้อแดงเพื่อประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย
โดยสมาพันธ์ฯ ยังคงดำเนินการทำงานแบบเดิมที่เริ่มต้นก่อตั้งสมาพันธ์หมู่บ้านเสื้อแดง คือ การต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ และเพื่อสร้างประชาธิปไตย เน้นที่การเข้าไปให้ความรู้แก่ประชาชนตามหมู่บ้านทุกแห่งให้มีความรู้เรื่องของประชาธิปไตย พร้อมกับการให้ความรู้ในเรื่องของสหกรณ์หมู่บ้าน หรือสหกรณ์ชุมชน เพื่อสร้างความกินดี อยู่ดี สามารถพึ่งพาตัวเองได้ให้แก่พี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง
ด้าน ร.ต.ต.กมลศิลป์ สิงหะสุริยะ กล่าวว่า จากการดำเนินการสมาพันธ์ฯ มาได้ระยะหนึ่ง คณะกรรมการชุดเก่าครบวาระการทำงาน จึงมีมติเห็นควรมีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบ้างเพื่อให้เกิดความเหมาะสม โดยคณะกรรมการที่ได้ทำการสับเปลี่ยนตำแหน่งประกอบด้วย ร.ต.ต.กมลศิลป์ สิงหะสุริยะ เป็นประธานสมาพันธ์ฯ และกรรมการมี น.ส.ภิรคพร หงษ์ธนิธร เป็นเลขานุการ
น.ส.วาสนา เคนหล้า เหรัญญิก นายสะไกร พิมพา โฆษกสมาพันธ์ นางกองสิน งอยหล้า ปฏิคม นายแมนยู เรด ประชาสัมพันธ์ และนายอานนท์ แสนน่าน เป็นที่ปรึกษา โดยมีคณะกรรมการประกอบด้วย นายอรรถชัย อนันตเมฆ นายทอม ดันดี นายสุริยา ชินพันธ์ นายอัฐพล ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา นายสุรินทร์ พิมูลสุขสิน นายสุรศักดิ์ บุสุวะ
ด้านนายอรรถชัย อนันตเมฆ ดาราเสื้อแดง กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของ เสธ.อ้ายว่า สมาพันธ์ฯ ยืนยันเจตนารมณ์ต่อต้านการทำรัฐประหาร และเผด็จการทุกรูปแบบ ขอยึดแนวทางต่อต้านการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย ล้มล้างรัฐบาลทุกรูปแบบ ทั้งเนื้อหาชัดเจนอยู่แล้วว่า ผู้ใดที่ใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้าง หรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ หรือล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ หรืออำนาจบริหารตุลาการ หรือใช้อำนาจดังกล่าว มีความผิดฐานกบฏ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต
ขณะที่นายพิษณุ เชิงสมอ ผู้ดูแลการจัดตั้งสหกรณ์ของสมาพันธ์ฯ กล่าวถึงความก้าวหน้าในการจัดตั้งสหกรณ์ว่า ชื่อสหกรณ์ที่ถูกต้อง และขึ้นทะเบียนเอาไว้กับทางราชการนั้น คือ “สหกรณ์รวมพลังชุมชน....” และต่อด้วยชื่อของหมู่บ้านที่เราจะจัดตั้ง และขณะนี้สมาพันธ์ฯ ได้จัดตั้งที่จังหวัดสกลนครเป็นจังหวัดแรก 4 แห่ง ซึ่งได้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่เหลืออีกกว่า 20 แห่งในภาคเหนือ ภาคอีสาน กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนธันวาคมนี้
ดังนั้น ทางสมาพันธ์ฯ และคณะวิทยากรขอสนับสนุนให้ใช้กฎหมายข้อนี้แก่ผู้ใดก็ตามที่ประกาศตัวออกมาเพื่อล้มล้างรัฐบาล ส่วนยุทธวิธีของสมาพันธ์ฯ ยังเหมือนเดิม เพราะการต่อสู้ของพวกเราต่อสู้เพื่อสังคม เศรษฐกิจ ไม่ใช่ต่อสู้เพื่อการเมือง
วันนี้ (14 พ.ย.) ที่โรงแรมต้นคูน อ.เมือง จ.อุดรธานี สมาพันธ์หมู่บ้านเสื้อแดงเพื่อประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย จัดกิจกรรมแถลงข่าวเปลี่ยนตัวบุคลากรทำงานในสมาพันธ์หมู่บ้านเสื้อแดง โดยมี นพ.ประสงค์ บูรณ์พงษ์ ร.ต.ต.กมลศิลป์ สิงหะสุริยะ นายสุริยา ชินพันธ์ นายอรรถชัย อนันตเมฆ นายอัฐพล ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา นายพิษณุ เชิงสมอ น.ส.ภิรคพร หงษ์ธนิธร ร่วมกันแถลงข่าว
นพ.ประสงค์ บูรณ์พงษ์ กล่าวว่า มติที่ประชุมของคณะกรรมการสมาพันธ์หมู่บ้านเสื้อแดงฯ มีความเห็นร่วมกันว่า ต้องเพิ่มชื่อของสมาพันธ์หมู่บ้านเสื้อแดงเพื่อประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย มาเป็นสมาพันธ์ชุมชนเสื้อแดงเพื่อประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย สาเหตุที่เพิ่มคำว่า ชุมชน เข้าไปเพราะมีสมาชิกทักท้วงว่าการใช้คำว่า หมู่บ้าน อาจจะทำให้เกิดความสับสนจากประชาชนในหมู่บ้านที่มีบางคนไม่ได้สมัครเป็นสมาชิก จึงมีมติใช้คำว่า ชุมชน แทนคำว่า หมู่บ้าน และมีชื่อใหม่ว่า สมาพันธ์ชุมชนเสื้อแดงเพื่อประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย
โดยสมาพันธ์ฯ ยังคงดำเนินการทำงานแบบเดิมที่เริ่มต้นก่อตั้งสมาพันธ์หมู่บ้านเสื้อแดง คือ การต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ และเพื่อสร้างประชาธิปไตย เน้นที่การเข้าไปให้ความรู้แก่ประชาชนตามหมู่บ้านทุกแห่งให้มีความรู้เรื่องของประชาธิปไตย พร้อมกับการให้ความรู้ในเรื่องของสหกรณ์หมู่บ้าน หรือสหกรณ์ชุมชน เพื่อสร้างความกินดี อยู่ดี สามารถพึ่งพาตัวเองได้ให้แก่พี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง
ด้าน ร.ต.ต.กมลศิลป์ สิงหะสุริยะ กล่าวว่า จากการดำเนินการสมาพันธ์ฯ มาได้ระยะหนึ่ง คณะกรรมการชุดเก่าครบวาระการทำงาน จึงมีมติเห็นควรมีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบ้างเพื่อให้เกิดความเหมาะสม โดยคณะกรรมการที่ได้ทำการสับเปลี่ยนตำแหน่งประกอบด้วย ร.ต.ต.กมลศิลป์ สิงหะสุริยะ เป็นประธานสมาพันธ์ฯ และกรรมการมี น.ส.ภิรคพร หงษ์ธนิธร เป็นเลขานุการ
น.ส.วาสนา เคนหล้า เหรัญญิก นายสะไกร พิมพา โฆษกสมาพันธ์ นางกองสิน งอยหล้า ปฏิคม นายแมนยู เรด ประชาสัมพันธ์ และนายอานนท์ แสนน่าน เป็นที่ปรึกษา โดยมีคณะกรรมการประกอบด้วย นายอรรถชัย อนันตเมฆ นายทอม ดันดี นายสุริยา ชินพันธ์ นายอัฐพล ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา นายสุรินทร์ พิมูลสุขสิน นายสุรศักดิ์ บุสุวะ
ด้านนายอรรถชัย อนันตเมฆ ดาราเสื้อแดง กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของ เสธ.อ้ายว่า สมาพันธ์ฯ ยืนยันเจตนารมณ์ต่อต้านการทำรัฐประหาร และเผด็จการทุกรูปแบบ ขอยึดแนวทางต่อต้านการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย ล้มล้างรัฐบาลทุกรูปแบบ ทั้งเนื้อหาชัดเจนอยู่แล้วว่า ผู้ใดที่ใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้าง หรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ หรือล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ หรืออำนาจบริหารตุลาการ หรือใช้อำนาจดังกล่าว มีความผิดฐานกบฏ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต
ขณะที่นายพิษณุ เชิงสมอ ผู้ดูแลการจัดตั้งสหกรณ์ของสมาพันธ์ฯ กล่าวถึงความก้าวหน้าในการจัดตั้งสหกรณ์ว่า ชื่อสหกรณ์ที่ถูกต้อง และขึ้นทะเบียนเอาไว้กับทางราชการนั้น คือ “สหกรณ์รวมพลังชุมชน....” และต่อด้วยชื่อของหมู่บ้านที่เราจะจัดตั้ง และขณะนี้สมาพันธ์ฯ ได้จัดตั้งที่จังหวัดสกลนครเป็นจังหวัดแรก 4 แห่ง ซึ่งได้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่เหลืออีกกว่า 20 แห่งในภาคเหนือ ภาคอีสาน กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนธันวาคมนี้
ดังนั้น ทางสมาพันธ์ฯ และคณะวิทยากรขอสนับสนุนให้ใช้กฎหมายข้อนี้แก่ผู้ใดก็ตามที่ประกาศตัวออกมาเพื่อล้มล้างรัฐบาล ส่วนยุทธวิธีของสมาพันธ์ฯ ยังเหมือนเดิม เพราะการต่อสู้ของพวกเราต่อสู้เพื่อสังคม เศรษฐกิจ ไม่ใช่ต่อสู้เพื่อการเมือง
