xs
xsm
sm
md
lg

ประหารชีวิตแก๊งค้ายา‏นรก

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

(แฟ้มภาพ)
ศาลประหารแก๊งค้าเฮโรอีนอัดแท่ง ยาบ้าเกือบ 1 แสนเม็ด ขนขึ้นทางด่วนบางปะอิน-ปากเกร็ด แต่ถูก ปส.ดักจับยกแก๊ง จำเลยสารภาพสองราย ศาลลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต

ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (5 พ.ย.) ศาลอ่านคำพิพากษา คดียาเสพติด อย.6682/2554 ที่อัยการฝ่ายคดียาเสพติด 1 เป็นโจทก์ฟ้องนายสมานมิตร ใยบัว อายุ 44 ปี ชาว จ.ขอนแก่น นายวีระชัย หรือขวัญ สุรัตน์ อายุ 28 ปี และ น.ส.พรศิริ จักษุวงษ์ อายุ 22 ปี สองสามีภรรยาชาว จ.นครสวรรค์ เป็นจำเลยที่ 1-3 ตามลำดับ ในความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยมิชอบ

ฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2554 ว่า เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2554 เจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งจากสายลับว่าจะมีกลุ่มคนร้ายลักลอบขนยาเสพติดโดยใช้เส้นทางทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ดขาเข้า ใช้รถกระบะยี่ห้อเชฟโรเลต สีเทา ทะเบียน ฒฉ 5384 กทม. ขณะกำลังจะลงทางด่วนบริเวณถนนแยกศรีสมาน เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอตรวจค้นรถ ซึ่งมีจำเลยที่ 2 เป็นคนขับ และมีจำเลยที่ 1, 3 นั่งมาด้วย พบกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ 2 ใบ มีเฮโรอีนอัดแท่งพันด้วยกระดาษสาจำนวน 20 แท่ง น้ำหนัก 7 กก. มูลค่าประมาณ 5 ล้านบาท และยาบ้าชนิดกลมแบนสีชมพู และสีเขียว จำนวน 49 มัด รวม 99,800 เม็ด ราคา 10 ล้านบาทซุกซ่อนอยู่ จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.3 บช.ปส.พร้อมยาเสพติดของกลาง รถกระบะและโทรศัพท์มือถืออีก 5 เครื่อง ดำเนินคดี

จำเลยที่ 1, 2 ให้การรับสารภาพโดยตลอด ส่วนจำเลยที่ 3 ให้การปฏิเสธไม่มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับยาเสพติดแต่อย่างใด

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ในการปฏิบัติตามหน้าที่ อีกทั้งไม่เคยปรากฏว่าพยานเคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยทั้งสามมาก่อน เชื่อเบิกความตามเป็นจริง และเชื่อว่าจำเลยที่ 1, 2 ให้การรับสารภาพโดยสมัครใจ ส่วนจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นภรรยาของจำเลยที่ 2 ก็น่าจะมีส่วนรู้เห็นกับพฤติการณ์ของสามีว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หากจำเลยที่ 3 ไม่รู้เห็นหรือไม่เกี่ยวข้องจริง จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นสามีก็ไม่น่าจะให้จำเลยที่ 3 เดินทางมาด้วย นอกจากนี้ กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ทั้ง 2 ใบที่ใช้บรรจุยาเสพติดก็วางอยู่ข้างตัวจำเลยที่ 3 หากจำเลยที่ 3 ไม่รู้เห็นจริงก็น่าจะสอบถามจำเลยที่ 2 เพื่อให้ได้ทราบความจริง แต่จำเลยที่ 3 ก็ไม่ทำเช่นนั้น ส่วนที่จำเลยอ้างว่ามีเงินอยู่ในบัญชีธนาคารจำนวนมาก ก็เพราะประกอบอาชีพรับซื้อของเก่า แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยที่ 3 มีเงินหมุนเวียนในบัญชีจำนวนมากอย่างรวดเร็วจนน่าผิดสังเกต ข้ออ้างของจำเลยที่ 3 จึงเป็นการกล่าวอ้างลอยๆ ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์ได้

พิพากษาว่า จำเลยทั้ง 3 กระทำผิด พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรค 3 (2), มาตรา 66 วรรค 3 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา 83 ให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสาม แต่คำรับสารภาพของจำเลยที่ 1-2 เป็นประโยชน์ เหลือจำคุกตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 3 คงประหารชีวิต
กำลังโหลดความคิดเห็น