ASTVผู้จัดการออนไลน์ - “ผู้การแต้ม” พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ รับไม่ได้ข้อกล่าวหาจับผู้ต้องหาแล้วบังคับใช้หนี้พนันยื่นใบลาออกแล้ว ระบุไม่ได้รับความเป็นธรรม "ผู้การแต้ม" แถลงยื่นแล้วใบลาออกแต่ยังไม่รู้มีผลวันใด ตัดพ้อ ป.ป.ช.ฟังความผู้ร้องมากกว่าผู้ถูกร้อง แต่ก็เคารพในมติดังกล่าวพร้อมต่อสู้คดีทุกข้อกล่าวหา รับเสียดายโอกาสทำงานเพื่อประชาชน เหนื่อยมาพอแล้ว 37 ปี
นี้
จากกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ได้แถลงกรณีเรื่องกล่าวหา พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ รองจเรตำรวจ (สบ 7) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 กับพวก ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต จับกุมผู้กล่าวหาแล้วบีบบังคับให้ใช้หนี้เจ้าหนี้พนันมีมูลความผิดเมื่อวานนี้ (20 ก.ย.) นั้น ล่าสุดเช้าวันนี้ พล.ต.ต.วิชัยได้ให้สัมภาษณ์วิทยุ 100.5 เมกะเฮิรตซ์ ว่าได้ยื่นหนังสือลาออกตั้งแต่เมื่อวานนี้ เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยนัดแถลงข่าวรายละเอียดต่อสื่อมวลชนเที่ยงวันนี้
ทั้งนี้ พล.ต.ต.วิชัยถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจหน้าที่จับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับจังหวัดเชียงใหม่ แล้วต่อรองให้ผู้กล่าวหาซึ่งเป็นภริยาของผู้ต้องหาดังกล่าวชำระหนี้การพนันให้แก่เจ้าหน้าที่การพนันของผู้กล่าวหา จำนวน 10,000,000 บาท แลกเปลี่ยนกับการละเว้นไม่ดำเนินคดีต่อผู้ต้องหา เป็นเหตุให้ผู้กล่าวหาต้องยินยอมสั่งจ่ายเช็คจำนวน 2 ฉบับ ฉบับละ 5,000,000 บาท พร้อมทั้งทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้กับเจ้าหนี้การพนัน
คณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงมีมติเอกฉันท์ว่าการกระทำดังกล่าวของ พล.ต.ต.วิชัย และพวกอีก 2 คนมีมูลความผิดทางวินัย ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความซื่อสัตย์ ฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง รวมทั้งมีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเรียก รับ ยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด โดยจะส่งรายงานเอกสาร ตลอดจนความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และส่งไปยังอัยการสูงสุด ให้ดำเนินคดีอาญาแล้วแต่กรณีต่อไป
ขณะที่ พล.ต.ต.วิชัย เมื่อวานนี้ให้สัมภาษณ์ว่าเรื่องดังกล่าวไม่มีอะไร ถ้าผิดก็ว่าไปตามผิด แต่ตนยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่มีเรื่องเกี่ยวกับการทุจริตอย่างแน่นอน เพราะเป็นเรื่องของการจับกุมถ้า ป.ป.ช.จะว่าผิดก็คงเป็นอีกหนึ่ง อย่างไรก็ตามจะยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลปกครองเพื่อสู้คดีต่อไป
สำหรับขั้นตอน หลังจากที่ ป.ป.ช.ได้ทำการชี้มูลความผิดแล้วจะส่งเรื่องมาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติในฐานะต้นสังกัดดำเนินการ โดยเรื่องจะถูกส่งไปที่กองวินัย เพื่อทำการออกคำสั่ง 2 กรณี คือ ปลดออก หรือไล่ออกจากราชการ อย่างไรก็ตาม คำสั่งนี้จะต้องส่งต่อให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.พิจารณาตัดสินผลการลงโทษความผิดวินัย ซึ่งทาง พล.ต.ต.วิชัยสามารถยื่นอุทธรณ์ให้คณะอนุฯ ก.ตร.อุทธรณ์พิจารณาได้
ต่อมาเวลา 12.00 น.วันที่ 21 ก.ย.ที่สำนักงานจเรตำรวจแห่งชาติ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถ.แจ้งวัฒนะ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ รองจเรตำรวจ (สบ.7) แถลงข่าวลาออกจากราชการ ภายหลังถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็น ผบก.น.1 ว่า ตนได้ยื่นใบลาออกไปถึงผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นแล้ว เนื่องจากไม่ต้องการให้สังคมเคลือบแคลงใจ หรือทำให้องค์กรเสียหาย รวมถึงต้องการแสดงให้เห็นว่า จะไม่ใช้อำนาจหน้าที่ไปรบกวนหรือมีอิทธิพลกับคดี โดยจะขอต่อสู้คดีอย่างตรงไปตรงมา
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาได้พยายามชี้แจงข้อเท็จจริงต่อ ป.ป.ช.รวมถึงกรณีที่ได้ฟ้องร้องกลับคู่กรณีฐานแจ้งความเท็จ ซึ่งศาลได้ประทับรับฟ้องไปแล้ว แต่ตั้งข้อสังเกตว่า ป.ป.ช.จะรับฟังคำให้การผู้ร้องมากกว่าผู้ถูกร้อง ไม่นำข้อมูลของผู้ร้องไปวิเคราะห์เท่าที่ควร แต่ตนก็เคารพในมติดังกล่าว โดยคดีที่เป็นเหตุให้มีการร้องเรียนขณะนั้น ผู้ต้องหาถูกตำรวจจับและศาลชั้นต้นตัดสินให้ประหารชีวิต แต่อุทธรณ์จนเหลือโทษแค่จำคุกตลอดชีวิต ขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำกลางบางขวาง ขอย้ำว่าที่ผ่านมาไม่เคยจ่ายเงิน เพื่อแลกเปลี่ยนกับการดำเนินคดีใด ๆ ทั้งสิ้น คดีดังกล่าวมีรายละเอียดจำนวนมากที่เตรียมไว้ต่อสู้คดีในชั้นศาล โดยจะฟ้องร้องทุกคนที่กล่าวหาว่าตนกระทำความผิดด้วย
“ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าใบลาออกจะมีผลวันใด เนื่องจากมีระเบียบขั้นตอนที่ผู้บังคับบัญชาต้องพิจารณาก่อนจะมีคำสั่งให้ออก ซึ่งคงต้องใช้เวลาสักระยะ ส่วนในช่วงนี้ก็ยังเดินหน้าทำงานตามปกติ แต่ยอมรับว่ารู้สึกท้อแท้กับระบบการตรวจสอบขององค์กรอิสระ ที่ไม่ฟังเหตุผลของผู้ถูกร้อง โดยมองว่าการตรวจสอบควรใช้แนวทางเหมือนศาล ที่ต้องรับฟังข้อมูลรอบด้าน ทั้งนี้หลังออกจากราชการ ผมคงไปทำงานเป็นที่ปรึกษาบริษัทเอกชนและช่วยภรรยาทำธุรกิจ ส่วนการเข้าสู่เส้นการเมืองนั้น เรื่องนี้ขอเรียนว่า ที่ผ่านมาทำงานอยู่กับประชาชนมาตลอด ดังนั้นหากจะทำอะไรต่อไปในภายภาคหน้าก็จะไปช่วยประชาชนเหมือนเดิม โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องของอนาคต แต่ผมจะสู้ต่อไป เพราะถือคติทำงานเพื่อนาย ตายเพื่อประชาชน” พล.ต.ต.วิชัย กล่าวด้วยสีหน้าตึงเครียด
ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกเสียดายที่ต้องออกจากราชการเรื่องทำผิดวินัยร้ายแรงหรือไม่ พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า เสียดายที่ไม่ได้ทำงานต่อมากกว่า แต่ที่ผ่านมาก็ถือว่าทำงานมาเหนื่อยพอแล้ว โดยตนรับราชการมานานกว่า 37 ปี พร้อมฝากให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนทำงานโดยยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง ต้องหันหน้าเข้าหาประชาชน ดูว่าประชาชนเดือดร้อนอะไรก็ต้องเข้าไปช่วยเหลือ