xs
xsm
sm
md
lg

อุทธรณ์ยืนรอลงอาญา 2 ปี หนุ่มเสพยา แก๊งยิงรอง ผกก.จร.พญาไท

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

(แฟ้มภาพ)
อุทธรณ์ยืนให้รอลงอาญา 2 ปี หนุ่มซ้อนท้าย จยย.เสพยาบ้าแหกด่านบนถนนเพชรบุรี ยกฟ้องข้อหาต่อสู้ขัดขวางตำรวจขณะปฏิบัติหน้าที่ ส่วนมือยิงรอง ผกก.จร.พญาไท ติดคุก 27 ปี และไม่ยอมอุทธรณ์สู้คดี

ที่ห้องพิจารณา 903 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (10 ก.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.2165/2551 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายจิตติโชตน์ หรืออิฐ โชคชัย อายุ 31 ปี และนายวรวรรณ หรือสอง สุขปัญญา อายุ 27 ปี เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐาน พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน, ต่อสู้ขัดขวางโดยมีอาวุธปืน, ยิงปืนในเมือง หมู่บ้านที่สาธารณะ, บุกรุก, ร่วมกันมีและพาอาวุธปืน โดยผิดกฎหมาย, ร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน และเสพยาเสพติดประเภท 1 โดยผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138, 140, 289, 296, 364, 365, 371, 376 , พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และส่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 4, 7, 8, 72 และ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2551 จำเลยร่วมกันมีอาวุธปืนออโตเมติก (TOKAREV) จำนวน 1 กระบอก ไม่มีเครื่องหมายทะเบียน และมีลูกกระสุนปืนออโตเมติกจำนวน 8 นัดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจำเลยทั้งสองขี่ จยย.โดยร่วมกันพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวติดตัวไปที่ถนนเพชรบุรีโดยไม่ได้รับอนุญาต และจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันต่อสู้ขัดขวาง จ.ส.ต.พนม วงค์ละมัย ผบ.หมู่ จร.สน.พญาไท และ พ.ต.ท.ภูษิต วิเศษคามินทร์ รองผู้กำกับการจราจร สน.พญาไท ผู้เสียหายที่ 1-2 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานเจ้าตำรวจ โดยใช้กำลังประทุษร้าย ชก ต่อย และใช้อาวุธปืนยิง โดยมีเจตนาจะฆ่า พ.ต.ท.ภูษิต รอง ผกก.จราจร สน.พญาไท ให้ถึงแก่ความตาย จนเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บแก่กายและสาหัสแล้ว จำเลยที่ 1 ยังได้บุกรุกเข้าไปในบ้านนายประเสริฐ กุมรัตน์ ผู้เสียหายที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต และยังพบว่าจำเลยที่ 1-2 เสพเมทแอมเฟตามีนฯ (ยาบ้า) ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยฝ่าฝืนกฎหมายด้วย เหตุเกิดที่แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม.

ทั้งนี้ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2552 ให้จำคุกตลอดชีวิต จำเลยที่ 1 ฐานพยายามฆ่าฯ, จำคุก 5 ปี ฐานต่อสู้ขัดวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธปืน, จำคุก 1 ปี ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ, จำคุก 6 เดือน ฐานบุกรุกเคหสถานโดยมีอาวุธปืน จำคุก 1 ปี และจำคุก 6 เดือนฐานเสพยาเสพเมทแอมเฟตามีน จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ศาลลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่มีกำหนด 27 ปี 24 เดือน ส่วนจำเลยที่ 2 ให้จำคุก 6 เดือน ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ และปรับ 10,000 บาท จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 3 เดือน และปรับ 5,000 บาท แต่จำเลยที่ 2 ไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ส่วนข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก และริบอาวุธปืนและปลอกกระสุนปืนของกลาง ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์เฉพาะในส่วนของจำเลยที่ 2 ในข้อหาร่วมกับจำเลยที่ 1 มีและพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ และร่วมกันต่อสู้ขัดขวางทำร้ายเจ้าพนักงาน

อย่างไรก็ตาม วันนี้ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ไม่เดินทางมาศาล ศาลจึงอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยที่ 2 โดยศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นว่า ด.ต.บุญญศักดิ์ คล้ายวง และ ส.ต.ท.ปิยะ โพทะมาตย์ พยานเบิกความว่า จำเลยที่ 2 เป็นเพียงผู้ซ้อนท้ายที่จำเลยที่ 1 ขับขี่มา โดยพยานสังเกตเฉพาะจำเลยที่ 1 เห็นว่าด้านหน้ามีอะไรตุงออกมาคล้ายมีสิ่งของซุกซ่อน ประกอบกับจำเลยที่ 1 มีลักษณะคล้ายผู้เสพยาจะขอตรวจค้น แต่เมื่อจำเลยที่ 1 เห็นก็ได้ขับขี่ จยย.เลี่ยงออกไป โดยพยานทั้งสองไม่ได้เบิกความว่าจำเลยที่ 2 มีพฤติกรรมใดๆ ที่จะรู้เห็นกับจำเลยที่ 1 ที่พกพาอาวุธปืน พยานหลักฐานโจทก์จึงยังไม่น้ำหนักให้รับฟังเพื่อลงโทษจำเลยที่ 2 ในส่วนนี้ อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืน
กำลังโหลดความคิดเห็น