ASTV ผู้จัดการรายวัน ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ. 3252/2552 ที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทย์ยื่นฟ้อง อดีตตำรวจ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ 6 นาย ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ย้ายศพเพื่อปิดปังเหตุแห่งการตาย และเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญากระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบเพื่อช่วยเหลือบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิห้าต้องรับโทษ โดยศาลได้พิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลยอดีต ตร. กาฬสินธุ์ 3 คน สถานเดียว ส่วนอีก 1 ให้จำคุกตลอดชีวิต ที่เหลือ จำคุก 7 ปี ส่วน 10 คน ให้ ยกฟ้อง ในคดีแขวนคออำพรางศพฆ่าเด็กอายุ 17 ปี
ที่ห้องพิจารณาคดี 813 ศาลอาญา วันนี้ (30 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.3252/2552 ที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้อง ด.ต.อังคาร คำมูลนา อายุ 48 ปี ด.ต.สุดธินัน โนนทิง อายุ 43 ปี ด.ต.พรรณศิลป์ อุปนันท์ อายุ 42 ปี พ.ต.ท.สำเภา อินดี อายุ 51 ปี อดีต สวป.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ พ.ต.อ.มนตรี ศรีบุญลือ อายุ 62 ปี อดีต ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ และ พ.ต.ท.สุมิตร นันท์สถิต อายุ 45 ปี อดีต รอง ผกก. สภ.เมืองกาฬสินธุ์เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ย้ายศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย และเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญากระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อช่วยเหลือบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องรับโทษ
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2547 จำเลยทั้ง 6 โดยจำเลยที่ 1-3 และ จำเลยที่ 6 เป็นเจ้าพนักงานตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ร่วมกันฆ่านายเกียรติศักดิ์ หรือเอ็กซ์ ถิตย์บุญครอง อายุ 17 ปี ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์จักรยานยนต์ ขณะนำตัวออกจากห้องควบคุมตัว สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ด้วยการบีบรัดคอจนขาดอากาศหายใจเสียชีวิต เหตุเกิดที่ อ.เมืองกาฬสินธุ์ จากนั้นจำเลยทั้ง 6 ได้ปิดบังเหตุแห่งการตายของนายเกียรติศักดิ์ โดยร่วมกันย้ายศพจากท้องที่เกิดเหตุ ไปแขวนคอไว้ที่กระท่อมนา บ้านบึงโดน หมู่ที่ 5 ต.แสนชาติ อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด จากนั้น ระหว่างวันที่ 30 ก.ค. 2547 ถึงวันที่ 27 เม.ย. 2548 จำเลยที่ 4-6 ร่วมกันข่มขู่พยาน เพื่อให้การอันเป็นเท็จ โดยให้ระบุว่า ในวันที่ผู้ตายถูกทำร้ายยังพบเห็นผู้ตายที่ตลาดโต้รุ่ง และให้ระบุว่าจำเลยและพวกทั้งหมดไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งในชั้นสอบสวนจำเลยทั้ง 6 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ศาลพิพากษาว่า จำเลยที่ 1-3 กระทำผิดฐานย้ายศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย ลงโทษจำคุกคนละ 1 ปี ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลงโทษประหารชีวิต เมื่อรวมโทษแล้วให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยที่ 1-3 สถานเดียว จำเลยที่ 5 กระทำผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญากระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อช่วยเหลือบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องรับโทษ ลงโทษจำคุก 7 ปี จำเลยที่ 6 กระทำผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลงโทษ จำคุกตลอดชีวิต และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 4 เนื่องจากขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 4 โทรศัพท์ให้ญาติหาคนมาประกันตัวนายเกียรติศักดิ์ เพื่อความสะดวกที่พนักงานสอบสวนจะได้ไม่ต้องนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังต่อศาลทุก 12 วัน และเป็นการให้บริการประชาชนซึ่งเป็นเรื่องปกติ เชื่อว่าจำเลยที่ 4 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของนายเกียรติศักดิ์
สำหรับคดีฆ่าอำพรางศพคดีนี้ เกิดขึ้นเมื่อปี 2547 โดยญาติผู้ตายได้มายื่นเรื่องต่อกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพกระทรวงยุติธรรม และให้แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจน์สุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจพิสูจน์บาดแผล ต่อมากรมสอบสวนคดีพิเศษได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อมาคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ได้มีมติรับเป็นคดีพิเศษ เมื่อปี 2548 เนื่องจากเชื่อว่า การเสียชีวิตของนายเกียรติศักดิ์ อาจมีเงื่อนงำ ซึ่งคดีนี้เกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประกาศสงครามกับยาเสพติด กระทั่งเกิดคดีในลักษณะของการฆ่าตัดตอนผู้ต้องหายาเสพติดหลายคดี
ที่ห้องพิจารณาคดี 813 ศาลอาญา วันนี้ (30 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.3252/2552 ที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้อง ด.ต.อังคาร คำมูลนา อายุ 48 ปี ด.ต.สุดธินัน โนนทิง อายุ 43 ปี ด.ต.พรรณศิลป์ อุปนันท์ อายุ 42 ปี พ.ต.ท.สำเภา อินดี อายุ 51 ปี อดีต สวป.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ พ.ต.อ.มนตรี ศรีบุญลือ อายุ 62 ปี อดีต ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ และ พ.ต.ท.สุมิตร นันท์สถิต อายุ 45 ปี อดีต รอง ผกก. สภ.เมืองกาฬสินธุ์เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ย้ายศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย และเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญากระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อช่วยเหลือบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องรับโทษ
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2547 จำเลยทั้ง 6 โดยจำเลยที่ 1-3 และ จำเลยที่ 6 เป็นเจ้าพนักงานตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ร่วมกันฆ่านายเกียรติศักดิ์ หรือเอ็กซ์ ถิตย์บุญครอง อายุ 17 ปี ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์จักรยานยนต์ ขณะนำตัวออกจากห้องควบคุมตัว สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ด้วยการบีบรัดคอจนขาดอากาศหายใจเสียชีวิต เหตุเกิดที่ อ.เมืองกาฬสินธุ์ จากนั้นจำเลยทั้ง 6 ได้ปิดบังเหตุแห่งการตายของนายเกียรติศักดิ์ โดยร่วมกันย้ายศพจากท้องที่เกิดเหตุ ไปแขวนคอไว้ที่กระท่อมนา บ้านบึงโดน หมู่ที่ 5 ต.แสนชาติ อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด จากนั้น ระหว่างวันที่ 30 ก.ค. 2547 ถึงวันที่ 27 เม.ย. 2548 จำเลยที่ 4-6 ร่วมกันข่มขู่พยาน เพื่อให้การอันเป็นเท็จ โดยให้ระบุว่า ในวันที่ผู้ตายถูกทำร้ายยังพบเห็นผู้ตายที่ตลาดโต้รุ่ง และให้ระบุว่าจำเลยและพวกทั้งหมดไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งในชั้นสอบสวนจำเลยทั้ง 6 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ศาลพิพากษาว่า จำเลยที่ 1-3 กระทำผิดฐานย้ายศพเพื่อปิดบังเหตุแห่งการตาย ลงโทษจำคุกคนละ 1 ปี ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลงโทษประหารชีวิต เมื่อรวมโทษแล้วให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยที่ 1-3 สถานเดียว จำเลยที่ 5 กระทำผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญากระทำการในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อช่วยเหลือบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องรับโทษ ลงโทษจำคุก 7 ปี จำเลยที่ 6 กระทำผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลงโทษ จำคุกตลอดชีวิต และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 4 เนื่องจากขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 4 โทรศัพท์ให้ญาติหาคนมาประกันตัวนายเกียรติศักดิ์ เพื่อความสะดวกที่พนักงานสอบสวนจะได้ไม่ต้องนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังต่อศาลทุก 12 วัน และเป็นการให้บริการประชาชนซึ่งเป็นเรื่องปกติ เชื่อว่าจำเลยที่ 4 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของนายเกียรติศักดิ์
สำหรับคดีฆ่าอำพรางศพคดีนี้ เกิดขึ้นเมื่อปี 2547 โดยญาติผู้ตายได้มายื่นเรื่องต่อกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพกระทรวงยุติธรรม และให้แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจน์สุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจพิสูจน์บาดแผล ต่อมากรมสอบสวนคดีพิเศษได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อมาคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ได้มีมติรับเป็นคดีพิเศษ เมื่อปี 2548 เนื่องจากเชื่อว่า การเสียชีวิตของนายเกียรติศักดิ์ อาจมีเงื่อนงำ ซึ่งคดีนี้เกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประกาศสงครามกับยาเสพติด กระทั่งเกิดคดีในลักษณะของการฆ่าตัดตอนผู้ต้องหายาเสพติดหลายคดี