ส.ส.แดงสุมหัวตั้งข้อหา ปชป.เข้าข่ายกบฏ ใช้กำลังขัดขวางการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ รับลูกมีโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต เรียงหน้าโต้พฤติกรรมเลวยิ่งกว่าไพร่ ด้าน “ก่อแก้ว” ผวาไข้โป้ง ร้องตำรวจสภาตรวจอาวุธนักการเมืองก่อนเข้าประชุม เกรงมียิงกันกลางสภา
วันนี้ (31 พ.ค.) นพ.เหวง โตจิราการ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย แถลงว่าจะหารือกับทางคณะทำงานด้านกฎหมายของพรรคเพื่อพิจารณาแจ้งความดำเนินคดีต่อพรรคประชาธิปัตย์ในข้อหากบฏเนื่องจากมีพฤติกรรมกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 ที่ห้ามมิให้มีการใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้ใช้อำนาจนิติบัญญัติไม่ได้ สืบเนื่องจากกรณี สส.พรรคประชาธิปัตย์ ใช้กำลังฉุดกระชากนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภา ระหว่างทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ซึ่งถือเป็นการขัดขวางไม่ให้ใช้อำนาจประธาน และสามารถเหมารวมได้ว่าเป็นการกระทำของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ได้ เนื่องจากไม่มีการห้ามปราม
น.ส.จารุพรรณ กุลดิลก ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ระวางโทษในข้อหาของผู้กระทำผิดจะมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งในต่างประเทศจะห้ามไม่ให้มีการละเมิดประธานสภาแบบถึงเนื้อถึงตัว และอยากให้พรรคประชาธิปัตย์ หรือผู้รู้ทางด้านกฎหมายเตือนไปยังกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่พยายามเสนอตัวแทน 200 คนเข้าสังเกตการณ์ในที่ประชุมสภาให้รับรู้ข้อกฎหมายเหล่านี้ก่อนที่จะมีการกระทำผิดซ้ำซ้อน
นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พฤติกรรมความวุ่นวายในสภาที่เกิดขึ้นมีพฤติกรรมยิ่งกว่าไพร่เสียอีก และ มีความเป็นห่วงว่ากลุ่มพันธมิตรฯ จะเข้ามาสังเกตการณ์ในสภา จะเป็นแผนของประชาธิปัตย์ที่จะต้องการให้เกิดความปั่นป่วน เพราะก่อนหน้านี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี เคยประกาศว่าจะขัดขวางร่าง พ.ร.บ.ปรองดองทุกทาง คนเป็น ส.ส.ไม่ควรพูดอย่างนั้น เพราะจะเป็นเหมือนอันธพาล เป็นพวกก่อการร้ายในสภา
ด้าน นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวตำหนิพฤติกรรมของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่สร้างความวุ่นวายในการประชุมสภาเมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า พฤติกรรมของพรรคประชาธิปัตย์มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อีกไม่นานจะพัฒนาไปสู่ความรุนแรงมากกว่านี้ อาจถึงขั้นชกต่อยหรือยิงกันในสภา เป็นเรื่องที่น่าห่วงมาก จึงอยากให้ตำรวจสภาได้ตรวจสอบอาวุธทั้ง ส.ส.และ ส.ว.อย่างเข้มงวดไม่เช่นนั้นจะเป็นการสุ่มเสี่ยงจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงมากกว่านี้ พรรคประชาธิปัตย์ไม่อยากเห็นความปรองดองโดยมองว่าร่าง พ.ร.บ.ปรองดองเป็นประโยชน์ต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพียงคนเดียว และไม่ต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับบ้าน ดังนั้น ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เป็นกฎหมายทางการเงินหรือไม่ เพราะฉะนั้นจะพิจารณาเมื่อไหร่พรรคประชาธิปัตย์ก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ พ.ร.บ.ปรองดองผ่านสภา พรรคประชาธิปัตย์รู้ดีว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้เป็นภัยคุกคามประเทศ แต่เป็นภัยคุกคามต่อพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อมีโอกาสก็จะขัดขวางทุกวิถีทาง ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้ผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ตักเตือนและดูแลพฤติกรรมของสมาชิกในยุคที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรค ถือว่ามีความเสื่อมถอยลงทุกด้านและจะเป็นตัวทำลายพรรคประชาธิปัตย์เอง
