หน.ปชป.สั่งลูกพรรคเดินหน้าคัดค้านร่างปรองดอง ทั้ง 4 ฉบับอย่างเต็มที่ ชี้แม้ภาพลักษณ์สภาจะเสียหายไปบ้าง ก็ดีกว่าปล่อยให้ กม.ทำลายชาติผ่านสภาฯ หนุนการเคลื่อนไหวทั้งในและนอกสภา ปลุก ปชช.สกัดกั้นการใช้อำนาจไม่ชอบ ยันไม่ใช่กบฏ ย้อนถามการทำหน้าที่ ปธ.สภาฯ และแก๊ง พท.ให้สำรวจพฤติกรรมตัวเอง
วันนี้ (31 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เรียกประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ห้องอาหาร อาคารรัฐสภา 1 เพื่อกำหนดท่าทีหลังจากที่สภาฯ มีมติเรื่องร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ขึ้นพิจารณา วาระ 1 ในวันที่ 1 มิถุนายน โดยใช้เวลาในการประชุมกว่า 1 ชั่วโมง จากนั้น นายอภิสิทธิ์ ได้แถลงสรุปผลการประชุม ว่า พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่า ร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 4 ฉบับ ไม่ควรเป็นกฎหมายปรองดอง จะเห็นได้ว่า เป็นการสร้างความแตกแยกในสังคม โดยเฉพาะเนื้อหาของกฎหมายเป็นการล้มล้างอำนาจตุลาการ ล้างผิดให้คนโกง ฉะนั้นพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันจะเดินหน้าต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง และคัดค้านในสภาฯ อย่างถึงที่สุด ขณะเดียวกัน พร้อมให้การสนับสนุนการเคลื่อนไหวคัดค้านนอกสภาฯ และเผยแพร่ข้อมูลที่เกี่ยวกับ พ.ร.บ.ดังกล่าวกับประชาชนอย่างเต็มที่
“ขอขอบคุณประชาชน ที่รักความถูกต้องจำนวนมาก ที่ออกมาแสดงออกทางความคิดภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ และพรรคประชาธิปัตย์ อยากให้ประชาชนทุกคนที่รักความถูกต้องออกมาใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ภายใต้กรอบของกฎหมาย เพื่อแสดงให้เสียงข้างมาก และรัฐบาลได้รับทราบว่า ประชาชน คนไทย และสังคมไทย ไม่ต้องการกฎหมายทั้ง 4 ฉบับ ดังนั้น การเดินหน้าในการคัดค้านก็จะเริ่มต้นในวันที่ 1 มิ.ย.ในขั้นตอนรับหลักการ ขณะเดียวกัน เราพร้อมสนับสนุนเคลื่อนไหวต่อต้านที่ชอบด้วยกฎหมายทุกรูปแบบ เพื่อไม่ให้กฎหมายทั้ง 4 ฉบับผ่าน” นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า ตนทราบดีว่า 2 วันที่ผ่านมา อาจมีพฤติกรรมในสภาฯที่ทำให้ประชาชนไม่สบายใจ แต่ขอบอกว่า ถ้าภาพลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ต้องเสียหาย แต่สามารถสกัดกั้นกฎหมายที่ทำลายชาติได้ เราก็ยอมรับที่จะเสียภาพลักษณ์ และต้องขอโทษประชาชนในขณะนี้ ว่า เราไม่สามารถสกัดกั้นการใช้อำนาจ โดยไม่ชอบและผลักดันกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯโดยไม่ถูกต้อง ขอยืนยันว่าสิ่งที่ทำไม่ได้มุ่งล้มล้างรัฐบาล หรือให้กระทบต่อระบบรัฐสภา แต่มุ่งรักษาประโยชน์ของประเทศ คัดค้านในกรอบของกฎหมาย ไม่มีประโยชน์แอบแฝงในเรื่องนี้ ตรงข้ามกับผู้ที่ผลักดันกฎหมาย ทั้งผู้มีส่วนร่วมในการก่อการจลาจล การก่อการร้าย การทำผิดกฎหมายต่างๆ การทุจริตจนถึงขั้นถูกยึดทรัพย์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งไม่ได้มีเฉพาะคนที่ถูกยึดทรัพย์ แต่มีตั้งแต่คนในครอบครัว และหัวหน้ารัฐบาล ที่มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงกับกฎหมายนี้ จึงเป็นเหตุให้รวบรัดไม่ให้เป็นกฎหมายการเงิน เพื่อให้นายกฯ ซึ่งมีส่วนได้ส่วนเสียต้องเข้ามาเซ็นรับรอง ที่ผ่านมา เสียงข้างมากพยายามเอาเรื่องเล็กมาบดบังเรื่องใหญ่ ทั้งที่ความจริงคนสุดท้ายที่ควรจะเรียกร้องเรื่องนี้ คือ พรรคเพื่อไทย เพราะสิ่งที่พรรคเพื่อไทยต้องผลักดันกฎหมายนี้ เนื่องจากได้กระทำผิดไว้มากมายทั้งแผ่นดิน จึงต้องขอนิรโทษกรรมให้กับตนเอง
นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า ในส่วนของยื่นตีความ พ.ร.บ.ปรองดองว่าขัดรัฐธรรมนูญนั้น คงต้องรอให้กฎหมายผ่านสภาฯ ในวาระที่ 3 เสียก่อน เรียกร้องให้นายกฯ เข้ามานั่งฟังการพิจารณากฎหมายนี้ และขอให้ตอบว่า ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลที่มีนโยบายชูธงให้มีความปรองดองหมายความว่าอย่างไร สิ่งที่เกิดขึ้นในสภาฯช่วง 2 วันที่ผ่านมา ไม่ใช่ความรุนแรง แต่พฤติกรรมหลายอย่างเกิดจากบรรยากาศที่เกิดขึ้น หากประธานทำหน้าที่ตามปกติ ก็จะไม่เกิดปัญหาที่กระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐสภา ส่วนใครจะรับผิดชอบในความวุ่นวายที่เกิดขึ้นนั้น ตนคิดว่า คนที่ทำอะไรลงไปต้องรับผิดชอบ พรรคก็ระวังให้สมาชิกได้แสดงออกอย่างเหมาะสม ในการกระทำของตนเอง ใครที่เป็นต้นตอของปัญหาต้องรับผิดชอบ
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยกล่าวหาว่าพรรคประชาธิปัตย์มีพฤติกรรมเข้าข่ายเป็นกบฏ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อยากถามว่า พรรคเพื่อไทยอยากให้พวกตนออกไปยืนข้างนอก และตะโกนให้เผาบ้านเมืองเลยใช่หรือไม่ มาตรฐานของตนไม่ต่ำอย่างนั้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมาจากการปิดกั้นทุกวิถีทาง เราจึงต้องปกป้องบ้านเมือง ซึ่งอาจจะมีอะไรที่กระทบกระทั่งเกินเลยไปบ้าง แต่ไม่ถึงขั้นกบฏ เพราะไม่มีใครเผาบ้านเผาเมือง ตั้งกองกำลังติดอาวุธ พรรคเพื่อไทยน่าจะย้อนดูพฤติกรรมของตนเองมากกว่า ส่วนที่ระบุว่า มีการขัดขวางการทำหน้าที่ของประธานสภาฯนั้น ไม่ทราบว่าขัดขวางอย่างไร เพราะขณะนี้เห็นอยู่ว่า สามารถเลื่อนร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ได้แล้ว ส่วนกรณีการสนับสนุนมวลชนในการคัดค้านนั้น พรรคประชาธิปัตย์ได้สนับสนุนมาตั้งแต่แรกแล้ว โดยขอให้ทุกฝ่ายดำเนินการตามกรอบรัฐธรรมนูญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับประเด็นที่พรรคประชาธิปัตย์ จะใช้ในการอภิปรายในวาระ 1 ส่วนใหญ่จะเน้นประเด็นในเรื่องของความไม่ชอบด้วยกฎหมาย การขัดรัฐธรรมนูญ การขัดหลักนิติรัฐ นิติธรรม การใช้อำนาจของฝ่ายบริหารโดยมิชอบ และ พ.ร.บ.นี้มีเนื้อหาที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เป็นต้น และจะเปิดโอกาสให้ ส.ส.ทุกคนในพรรคได้มีสิทธิในการอภิปรายอย่างเต็มที่