“เรืองไกร” ว่างจัด! ยื่นคำร้องศาล รธน.ขอสั่ง “เสธ.อ้าย” เลิกก่อม็อบ อ้างใช้เสรีภาพล้มล้างการปกครอง แนะดูเข้าข่ายกบฏหรือไม่ บอกใช้สิทธิตาม ม.68 ชง ชี้ถ้าเข้าข่ายจะนำคำวินิจฉัยยื่นดีเอสไอจัดการต่อแน่ แต่ขู่ถ้ายกคำร้องก็ต้องเป็นบรรทัดฐานม็อบอื่น
วันนี้ (5 พ.ย.) ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ได้เดินทางมายื่นคำร้อง ต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม และน.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีต สนช. เลิกกระทำการนัดชุมนุมครั้งต่อไปที่จะเกิดขึ้นภายในปลายเดือน พ.ย.นี้ เนื่องจากมีลักษณะเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย รวมถึงขอให้พิจารณาว่ากรณีการกระทำดังกล่าวเป็นการเข้าข่ายความผิดฐานเป็นกบฏ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 ที่ระบุว่าผู้ใดใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อ 1. ล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ 2. ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรืออำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญหรือให้ใช้อำนาจดังกล่าวแล้วไม่ได้ หรือ 3. แบ่งแยกราชอาณาจักรหรือยึดอำนาจปกครองในส่วนหนึ่งส่วนใดแห่งราชอาณาจักร ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิตหรือไม่ ทั้งนี้ตนจึงขอใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 62 ยื่นเรื่องตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้วินิจฉัยกรณีบุคคลหรือพรรคการเมืองกระทำการอันเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เข้าลักษณะขัดรัฐธรรมนูญชัดเจน
นายเรืองไกรกล่าวต่อว่า หากศาลวินิจฉัยว่าการกระทำของ พล.อ.บุญเลิศ และน.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นการกระทำที่เข้าข่ายล้มล้างระบอบประชาธิปไตย ตนก็จะนำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไปร้องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินคดีอาญาต่อไป แต่หากศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าการกระทำดังกล่าวไม่เข้าข่ายการล้มล้างการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยก็ขอให้พิจารณายกคำร้องนี้เพื่อให้เกิดบรรทัดฐานหรือแนวทางในการปฏิบัติต่อไป อย่างไรก็ตาม ตนได้รวบรวมเนื้อหาที่ พล.อ.บุญเลิศ และน.ต.ประสงค์ ได้ขึ้นพูดบนเวที ที่ปรากฏเป็นข่าวตามสื่อต่างมาให้ศาลเพื่อประกอบการพิจารณาด้วย