บุรีรัมย์ - “รอง ผบก.บุรีรัมย์” พร้อมทีมพนักงานสอบสวนลงพื้นที่เร่งสอบเกษตรกรพัวพันทุจริตจำนำข้าวล็อตแรก 30 ราย ยันมีการสอดแทรกใบชั่งน้ำหนักปลอมประกอบการขอใบประทวนไปขึ้นเงิน ธ.ก.ส.จริง และเงินส่วนต่างที่ได้รับนำไปให้คนในท่าข้าว “ธนพลพืชผล” ก่อนจ่ายเศษเงินส่วนแบ่งให้เกษตรกรตันละ 400-500 บาท
วันนี้ (13 ก.ย.) ที่ สภ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ พ.ต.อ.วิรัตน์ ถาดทอง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (รอง ผบก.ภ.จว.) บุรีรัมย์ หัวหน้าคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ดูแลรับผิดชอบคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 ในเขตพื้นที่ อ.หนองกี่ และพื้นที่ใกล้เคียง พร้อมทีมพนักงานสอบสวนกว่า 20 นาย ได้เรียกสอบปากคำเกษตรกร 30 รายจากจำนวนเกษตรกร 459 ราย ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบพบมีการปลอมแปลงใบชั่งน้ำหนักสอดแทรกกับฉบับจริงกว่า 800 ใบ เพื่อนำไปประกอบเอกสารยื่นขอออกใบประทวนต่อเจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้า (อคส.) ก่อนนำไปเป็นหลักฐานขึ้นเงินต่อธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จนสร้างความเสียหายแก่งบประมาณของรัฐกว่า 44 ล้านบาท ทั้งนี้ มีจำนวนเกษตรกรที่นำข้าวไปเข้าร่วมโครงการรับจำนำยังท่าข้าว ธนพลพืชผล ที่มีปัญหาการทุจริตกว่า 2,000 ราย
จากการสอบปากคำเกษตรกรเบื้องต้น ส่วนใหญ่ได้ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และยอมรับว่ามีบุคคลบางกลุ่มนำใบชั่งน้ำหนักปลอมเข้ามาสอดแทรกกับใบชั่งน้ำหนักจริงของเกษตรกรก่อนจะนำไปยื่นขอใบประทวนต่อเจ้าหน้าที่ อคส. และเมื่อเกษตรกรนำใบประทวนไปขึ้นเงินต่อ ธ.ก.ส.จึงรู้ว่ามีการสอดแทรกใบชั่งน้ำหนักข้าวปลอมมาด้วย เนื่องจากมีจำนวนปริมาณข้าวและยอดเงินเพิ่มขึ้นมากเกินกว่าที่เป็นจริง จากนั้นเกษตรกรได้นำเงินส่วนต่างไปคืนให้กลุ่มคนในท่าข้าว “ธนพลพืชผล” โดยบุคคลในท่าข้าวก็จะจ่ายค่าตอบแทนให้เกษตรกรคืนตามจำนวนข้าวที่เกินตันละ 400-500 บาท
กรณีดังกล่าว เกษตรกรส่วนใหญ่อ้างว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับขบวนการทุจริต มาทราบก็ต่อเมื่อนำใบประทวนไปขึ้นเงินต่อ ธ.ก.ส. พบมียอดเงินเพิ่มขึ้นในบัญชีเกินกว่าปริมาณที่นำข้าวไปเข้าร่วมโครงการจริงเป็นจำนวนมาก และยิ่งหนักไปกว่านั้นจากการสอบเกษตรกรบางรายพบว่า ในฤดูกาลผลิตที่ผ่านมาไม่ได้ทำนา แต่กลับมีชื่อได้รับสิทธินำข้าวไปเข้าร่วมโครงการฯ ด้วย
ทั้งนี้ มั่นใจว่าข้อมูลที่ได้จากเกษตรกรที่เป็นพยานบุคคลจะสามารถเชื่อมโยงสาวไปถึงผู้ร่วมกระทำการทุจริตในโครงการจำนำข้าวได้เพิ่มอีกหลายคน นอกเหนือจากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายศาลเข้าทำการจับกุมไปก่อนหน้านี้แล้ว 5 ราย
ด้าน พ.ต.อ.วิรัตน์ ถาดทอง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ หัวหน้าคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน กล่าวว่า เกษตรกรที่มาเป็นพยานบุคคลครั้งนี้ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมาก เชื่อว่าพยานหลักฐานที่ได้รับจะสามารถมัดตัวผู้กระทำผิด และสาวถึงผู้ร่วมขบวนการ หรือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการกระทำทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวที่ อ.หนองกี่ได้เพิ่มอีก นอกจากที่ได้ทำการจับกุมไปก่อนหน้านี้แล้ว 5 ราย คือ เจ้าของท่าข้าวธนพลพืชผล อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ พร้อมภรรยา, เจ้าหน้าที่ อคส. 1 คน และผู้ช่วยเจ้าพนักงาน อคส. 2 คน
ส่วนการสอบปากคำเกษตรกรที่เหลือคาดจะใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง เพราะมีผู้เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก
