ตรวจเข้มร้านขายพันธุ์ข้าวพิจิตร พบ “วชิรบารมี” ผิดแทบทั้งบาง

พิจิตร - รองผู้ว่าฯ พิจิตรนำทีมสารวัตรพันธุ์พืช กรมการข้าว-ตำรวจ ออกตรวจจับร้านค้าขายเมล็ดพันธุ์ข้าวปลอมปน พบร้านแถบ “วชิรบารมี” ขายพันธุ์ข้าวด้อยคุณภาพ จนต้อง “อายัด” แทบทั้งบาง

วันนี้ (17 พ.ค.) นายสุริยันต์ กาญจนศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร พร้อมด้วยนางวิไล ปาละวิสุทธิ์ สารวัตรพันธุ์พืช กรมการข้าว และนักวิชาการชำนาญการ ศูนย์วิจัยพันธุ์ข้าวพิษณุโลก และ ร.ต.อ.อิสระ น้อยพร รองสารวัตรกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร พร้อมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้ร่วมกันออกตรวจจับร้านค้าผู้จำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าวปลูกที่บริเวณสี่แยกปลวกสูง อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร

หลังจากมีชาวนาร้องเรียนว่าได้ซื้อพันธุ์ข้าวปลูกจากร้านค้า แต่ปรากฏว่าเมื่อนำไปหว่านในนาข้าวแล้วผลผลิตที่ได้กลับไม่ตรงตามคำโฆษณา อีกทั้งมีเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งถือเป็นการทำนาบนหลังคนเอาเปรียบชาวนา เพราะเมื่อถูกหลอกชาวนาก็จะเสียประโยชน์จากการทำนาในฤดูกาลนั้นๆ ทันที

การตรวจครั้งนี้คณะเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจอย่างละเอียดทุกร้านค้าในย่านของ อ.วชิรบารมีที่มีกว่า 10 ร้าน โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.พันธุ์พืชและกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งการตรวจจะมีการเก็บตัวอย่างเมล็ดพันธุ์ข้าวเปลือกที่เป็นพันธุ์ข้าวปลูกบรรจุถุง 1,000 กรัม จากนั้นสุ่มตัวอย่างออกมา 500 กรัม เข้าเครื่องบดให้เป็นเม็ดข้าวสาร แล้วตรวจดูเม็ดข้าวปลอมปน หรือที่เรียกว่า “ข้าวแดง” หรือ “ข้าววัชพืช” ถ้าจากตัวอย่าง 500 กรัม แล้วพบว่ามีข้าวแดงเกินกว่า 10 เมล็ด ก็ถือว่าเป็นข้าวไม่ได้มาตรฐาน

จากการตรวจพบว่าเกือบทุกร้านค้ากระทำความผิด คือ 1. มีพันธุ์ข้าวปลูกที่ไม่ได้มาตรฐานวางจำหน่าย 2. มีพันธุ์ข้าวที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนให้จำหน่าย 3. สลากไม่ครบถ้วนไม่มีเลขทะเบียนพันธุ์พืช ซึ่งล้วนเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.เมล็ดพันธุ์พืชและเอาเปรียบผู้บริโภคตามกฎหมาย สคบ.เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดป้าย “อายัด” เมล็ดพันธุ์ข้าวเหล่านั้นและจะได้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรกล่าวเพิ่มเติมว่า จังหวัดพิจิตรมีพื้นที่ทำการเกษตรมากกว่า 5 แสนไร่ ปีหนึ่งๆ ชาวนาทำนาทั้งนาปีและนาปรัง บางแห่งที่อยู่ในเขตชลประทานก็มีการทำนามากถึง 2 ปี 7 ครั้ง ซึ่งจำเป็นต้องใช้พันธุ์ข้าวปลูกมากถึงปีละ 350,000 ตัน แต่ชาวพิจิตรผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวปลูกได้เองแค่ปีละ 8,000 ตัน ที่เหลือต้องสั่งซื้อมาจากจังหวัดทางภาคกลาง จึงทำให้เป็นโอกาสของกลุ่มพ่อค้าที่ฉวยโอกาสเอาเปรียบชาวนา ดังนั้นจึงต้องเข้มงวดออกตรวจร้านค้าเมล็ดพันธุ์ข้าวเปลือกของจังหวัดพิจิตรที่มีมากกว่า 65 ร้านค้า

ซึ่งที่ผ่านมาร้านค้าบางแห่งก็กระทำผิดซ้ำซาก แล้วใช้วิธีเปลี่ยนชื่อร้านไปเรื่อยๆ อีกทั้งใช้แรงงานต่างด้าวให้มายืนขายสินค้าหน้าร้านเป็นผู้รับหน้าและรับโทษแทน นอกจากนี้ ร้านค้าบางแห่งก็ใช้วิธีเอาเมล็ดพันธุ์ข้าวของดีโชว์หน้าร้าน แต่พอสั่งซื้อจริงก็เอาของปลอมปนไปส่งขายชาวนา เป็นต้น