ศรีสะเกษ - กก.พิจารณาผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงความผิดต่อหน้าที่ระดับจังหวัด เตรียมสอบวินัยร้ายแรง 3 ขรก.ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาแก้หวัดสูตรซูโดอีเฟดรีนหายไปจาก รพ.ภูสิงห์ 2.5 แสนเม็ด ด้านดีเอสไอเร่งเอาผิดทางคดีอาญา เชื่อมีคนเอี่ยวมากกว่า 3 คน เชื่อมโยงขบวนการค้ายาบ้า
วันนี้ (3 เม.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ นายสุริยะ อมรโรจน์วรวุฒิ รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ในฐานะคณะกรรมการพิจารณาผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงความผิดต่อหน้าที่ระดับจังหวัด กล่าวว่า จากกรณีที่เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ไปตรวจสอบการรับ-จ่ายยาแก้หวัดสูตรซูโดอีเฟดรีนของโรงพยาบาลภูสิงห์ และพบว่า ยาแก้หวัดสูตรดังกล่าวซึ่งใช้เป็นสารตั้งต้นผลิตยาเสพติดหายไปจากโรงพยาบาลภูสิงห์จำนวน 250,000 เม็ดนั้น
ขณะนี้พบมีข้าราชการเข้าไปเกี่ยวข้องทั้งหมด 3 คน ซึ่งจากการตรวจดูรายงานสรุปผลการตรวจสอบของคณะกรรมการฯที่ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษส่งมอบให้แล้ว ล่าสุด ได้เตรียมสั่งการให้มีการสอบวินัยร้ายแรงข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทั้งหมด
นอกจากนี้ การสอบสวนทางวินัยของข้าราชการที่เกี่ยวข้องเป็นอำนาจการสั่งสอบของกระทรวงสาธารณสุขเอง ซึ่งทางจังหวัดศรีสะเกษกำลังเตรียมสรุปการตรวจสอบรายงาน และสั่งสอบวินัยร้ายแรงข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แล้ว
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ในการสั่งสอบวินัยร้ายแรงนี้ ผู้เสียหายสามารถนำหลักฐานข้อโต้แย้งมาเสนอต่อคณะกรรมการสอบสวนได้ ส่วนความคืบหน้าการสอบสวนเอาผิดทางคดีอาญานั้น นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการ สำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้ตั้งคณะทำงานแบ่งงานออกเป็นชุดตามหน้าที่ และจะได้รื้อคดีสอบใหม่ทั้งหมด ซึ่งคาดว่าจะลงพื้นที่ภายในสัปดาห์นี้ และจะเร่งสรุปสำนวนให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้ โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษยังระบุไม่ได้ว่ามีผู้ที่พัวพันเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้กี่คน อาจจะมากกว่า 3 คนก็ได้ เพราะพบข้อพิรุธหลายอย่างเกี่ยวกับการเชื่อมโยงกับขบวนการค้ายาบ้าด้วย
วันนี้ (3 เม.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ นายสุริยะ อมรโรจน์วรวุฒิ รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ในฐานะคณะกรรมการพิจารณาผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงความผิดต่อหน้าที่ระดับจังหวัด กล่าวว่า จากกรณีที่เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ไปตรวจสอบการรับ-จ่ายยาแก้หวัดสูตรซูโดอีเฟดรีนของโรงพยาบาลภูสิงห์ และพบว่า ยาแก้หวัดสูตรดังกล่าวซึ่งใช้เป็นสารตั้งต้นผลิตยาเสพติดหายไปจากโรงพยาบาลภูสิงห์จำนวน 250,000 เม็ดนั้น
ขณะนี้พบมีข้าราชการเข้าไปเกี่ยวข้องทั้งหมด 3 คน ซึ่งจากการตรวจดูรายงานสรุปผลการตรวจสอบของคณะกรรมการฯที่ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษส่งมอบให้แล้ว ล่าสุด ได้เตรียมสั่งการให้มีการสอบวินัยร้ายแรงข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทั้งหมด
นอกจากนี้ การสอบสวนทางวินัยของข้าราชการที่เกี่ยวข้องเป็นอำนาจการสั่งสอบของกระทรวงสาธารณสุขเอง ซึ่งทางจังหวัดศรีสะเกษกำลังเตรียมสรุปการตรวจสอบรายงาน และสั่งสอบวินัยร้ายแรงข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แล้ว
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ในการสั่งสอบวินัยร้ายแรงนี้ ผู้เสียหายสามารถนำหลักฐานข้อโต้แย้งมาเสนอต่อคณะกรรมการสอบสวนได้ ส่วนความคืบหน้าการสอบสวนเอาผิดทางคดีอาญานั้น นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการ สำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้ตั้งคณะทำงานแบ่งงานออกเป็นชุดตามหน้าที่ และจะได้รื้อคดีสอบใหม่ทั้งหมด ซึ่งคาดว่าจะลงพื้นที่ภายในสัปดาห์นี้ และจะเร่งสรุปสำนวนให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้ โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษยังระบุไม่ได้ว่ามีผู้ที่พัวพันเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้กี่คน อาจจะมากกว่า 3 คนก็ได้ เพราะพบข้อพิรุธหลายอย่างเกี่ยวกับการเชื่อมโยงกับขบวนการค้ายาบ้าด้วย