มารดาหญิงสาววัย 18 ปี ร้องสื่อขอความเป็นธรรม กรณีลูกสาวเสียชีวิต ชี้ ผลชันสูตรศพของ รพ.และ นิติเวช ไม่ตรงกัน พบพิรุธหลายแห่ง แต่ตำรวจสรุปสำนวนคดีคนตายถูกไฟฟ้าช็อต ทั้งที่แม่ผู้ตายเชื่อลูกถูกฆาตกรรม ลั่นสัปดาห์หน้าจะไปร้องขอให้ตำรวจบุปผาราม รื้อคดีพิสูจน์ข้อเท็จจริงใหม่ทั้งหมด
วันนี้ (19 ม.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นางมะลิวัลย์ โคตรสมบัติ อยู่บ้านเลขที่ 46/235 หมู่ที่ 5 ต.บางคูรัด อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี แม่ของผู้ตายและ นางเอี่ยม โมลา แม่เลี้ยงของผู้ตาย ได้เดินทางมาร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวประจำ บช.น.เรื่องการเสียชีวิตของ น.ส.ชไมพร บูรณสินธ์ บุตรสาว อายุ 18 ปี ที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 29 ต.ค.52 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสรุปสำนวนคดี ว่า เสียชีวิตจากการโดนไฟฟ้าช็อตตามร่างกาย บริเวณห้องน้ำในชุมชนหลังโรงเรียนศึกษานารี เขตคลองสาน กทม.ในท้องที่ สน.บุปผาราม โดยมี พ.ต.ท.ถวัลย์ ศุกร์คณาภรณ์ พนักงานสอบสวน (สบ3) เป็นผู้รับเรื่องและส่งศพไปที่ รพ.ศิริราช และทางนิติเวชวิทยา เพื่อทำการชันสูตรศพ ซึ่งผลสรุปสำนวนการสอบสวนและผลการชันสูตรศพของทั้ง 2 ที่ไม่ตรงกัน จึงได้มีการเรียกร้องความเป็นธรรมในการสอบสวนคดีดังกล่าวที่มีการบิดเบือนจากข้อเท็จจริง
“ดิฉันมองว่า ทำไมผลการชันสูตรศพลูกสาวถึงไม่ตรงกัน ซึ่งดิฉันเชื่อว่า ลูกสาวน่าจะถูกฆาตกรรม ทั้งบาดแผลที่พบตามร่างกาย และระบุในผลการชันสูตรศพก็ไม่ตรงกันด้วย แต่ทางตำรวจสรุปสำนวนคดี ว่า ลูกสาวดิฉันถูกไฟฟ้าช็อต ซึ่งเรื่องนี้ยังเป็นที่เคลือบแคลงใจและสงสัยผลการชันสูตรศพทำไมไม่ตรงกัน” นางมะลิวัลย์ กล่าว
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากหลังการเสียชีวิตของบุตรสาว นางมะลิวัลย์ และ นางเอี่ยม ได้เดินทางไปร้องเรียนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ), กองบัญชาการตำรวจนครบาล และ แพทยสภา ในเรื่องของผลชันสูตรศพบุตรสาว เมื่อปี 2552 ที่ผ่านมา โดยผู้ร้องเรียนทั้ง 2 คน รู้สึกติดใจในการสรุปสำนวนคดี ทั้งที่มีพยานและหลักฐานไม่ครบถ้วน และไม่สมบูรณ์ แต่ได้ทำการปิดคดีไป ซึ่งสาเหตุของการเสียชีวิตทางญาติได้พบข้อพิรุธหลายแห่ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่ อีกทั้งยังไม่มีการประสานงานหรือแจ้งให้ผู้ร้องเรียนทราบ
อย่างไรก็ตาม นางมะลิวัลย์ และ นางเอี่ยม จะเดินทางไปพบ ผกก.สน.บุปผาราม ในวันจันทร์ที่ 23 ม.ค.เวลา 13.00 น.เพื่อขอความเป็นธรรมให้ตำรวจรื้อคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ชไมพร ขึ้นมาใหม่ พร้อมกับนำเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมที่ผู้ร้องเรียนสามารถหามาได้มอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงของสาเหตุการเสียชีวิตของบุตรสาวที่แท้จริงต่อไป
วันนี้ (19 ม.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นางมะลิวัลย์ โคตรสมบัติ อยู่บ้านเลขที่ 46/235 หมู่ที่ 5 ต.บางคูรัด อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี แม่ของผู้ตายและ นางเอี่ยม โมลา แม่เลี้ยงของผู้ตาย ได้เดินทางมาร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวประจำ บช.น.เรื่องการเสียชีวิตของ น.ส.ชไมพร บูรณสินธ์ บุตรสาว อายุ 18 ปี ที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 29 ต.ค.52 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสรุปสำนวนคดี ว่า เสียชีวิตจากการโดนไฟฟ้าช็อตตามร่างกาย บริเวณห้องน้ำในชุมชนหลังโรงเรียนศึกษานารี เขตคลองสาน กทม.ในท้องที่ สน.บุปผาราม โดยมี พ.ต.ท.ถวัลย์ ศุกร์คณาภรณ์ พนักงานสอบสวน (สบ3) เป็นผู้รับเรื่องและส่งศพไปที่ รพ.ศิริราช และทางนิติเวชวิทยา เพื่อทำการชันสูตรศพ ซึ่งผลสรุปสำนวนการสอบสวนและผลการชันสูตรศพของทั้ง 2 ที่ไม่ตรงกัน จึงได้มีการเรียกร้องความเป็นธรรมในการสอบสวนคดีดังกล่าวที่มีการบิดเบือนจากข้อเท็จจริง
“ดิฉันมองว่า ทำไมผลการชันสูตรศพลูกสาวถึงไม่ตรงกัน ซึ่งดิฉันเชื่อว่า ลูกสาวน่าจะถูกฆาตกรรม ทั้งบาดแผลที่พบตามร่างกาย และระบุในผลการชันสูตรศพก็ไม่ตรงกันด้วย แต่ทางตำรวจสรุปสำนวนคดี ว่า ลูกสาวดิฉันถูกไฟฟ้าช็อต ซึ่งเรื่องนี้ยังเป็นที่เคลือบแคลงใจและสงสัยผลการชันสูตรศพทำไมไม่ตรงกัน” นางมะลิวัลย์ กล่าว
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากหลังการเสียชีวิตของบุตรสาว นางมะลิวัลย์ และ นางเอี่ยม ได้เดินทางไปร้องเรียนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ), กองบัญชาการตำรวจนครบาล และ แพทยสภา ในเรื่องของผลชันสูตรศพบุตรสาว เมื่อปี 2552 ที่ผ่านมา โดยผู้ร้องเรียนทั้ง 2 คน รู้สึกติดใจในการสรุปสำนวนคดี ทั้งที่มีพยานและหลักฐานไม่ครบถ้วน และไม่สมบูรณ์ แต่ได้ทำการปิดคดีไป ซึ่งสาเหตุของการเสียชีวิตทางญาติได้พบข้อพิรุธหลายแห่ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่ อีกทั้งยังไม่มีการประสานงานหรือแจ้งให้ผู้ร้องเรียนทราบ
อย่างไรก็ตาม นางมะลิวัลย์ และ นางเอี่ยม จะเดินทางไปพบ ผกก.สน.บุปผาราม ในวันจันทร์ที่ 23 ม.ค.เวลา 13.00 น.เพื่อขอความเป็นธรรมให้ตำรวจรื้อคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ชไมพร ขึ้นมาใหม่ พร้อมกับนำเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมที่ผู้ร้องเรียนสามารถหามาได้มอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงของสาเหตุการเสียชีวิตของบุตรสาวที่แท้จริงต่อไป