อุตรดิตถ์ - ชาวบ้านท่าปลา เมืองลับแล ครวญ 40 ปียกที่ให้รัฐสร้างเขื่อน วันนี้หลายครอบครัวบ้านแตกสาแหรกขาด ไม่ได้รับการเหลียวแลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กองทุนรอบโรงไฟฟ้าฯตั้งมา 2 ปี ยังทำอะไรไม่ได้ ยังถูกดองเค็ม
นายคำ ใจยาเปียงแก้ว ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า กว่า 40 ปีแล้วที่ชาว อ.ท่าปลายอมเสียสละอพยพออกจากพื้นที่อันอุดมสมบูรณ์ให้กรมชลประทานนำไปสร้างเขื่อนสิริกิติ์ เพื่อการชลประทานและการผลิตไฟฟ้า แต่การดูแลเยียวยาชาวท่าปลา กลับไม่ได้รับความเป็นธรรมเท่าที่ควร ปล่อยให้เป็นหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)และท้องที่ ดูแลปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน ภายใต้งบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัดซึ่งก็ทำได้ไม่ดีขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น
นายคำ กล่าวว่า และแม้ว่ากระทรวงพลังงาน ได้เล็งเห็นว่าน่าจะให้การดูแลเยียวยาให้กับชาวท่าปลา และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนบ้าง จึงคิดจัดตั้งกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าขึ้นมา เพื่อให้การช่วยเหลือทุกด้านของผู้ที่อพยพออกจากพื้นที่สร้างเขื่อนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) โดยเฉพาะ อ.ท่าปลา ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ก็สมควรได้รับการดูแลเรื่องน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค คุณภาพชีวิต การศึกษา วัฒนธรรมที่ดี และสถาบันครอบครัวที่ถูกสลายออกจากกัน
แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับชาวท่าปลาเวลานี้คือ ครอบครัวล่มสลาย เนื่องจากหลายครอบครัวไม่มีพื้นที่ทำกิน เข้าไปหากินในป่าก็ถูกหน่วยงานรังแก จึงต้องไปทำงานต่างจังหวัดทิ้งลูกหลานไว้กับปู่ย่าตายายเลี้ยงดูแทน ทำให้ไม่เกิดความอบอุ่นในครอบครัว เด็กบางคนมีลูกก่อนวัยอันควร บางคนติดเอดส์ เพราะขาดการศึกษาที่ดี ไม่ได้อยู่กับครอบครัวที่อบอุ่น กลายเป็นปัญหาสังคมที่ไร้การดูแลจากหน่วยงานทางราชการที่เกี่ยวข้องอย่างแท้จริง
นายคำ กล่าวอีกว่า ชาวท่าปลา ต้องการให้หน่วยงานเข้ามาดูแลมากกว่านี้ โดยเฉพาะงบประมาณจากกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าเขื่อนสิริกิติ์ ที่ทุกปีได้รับการอุดหนุน 22 ล้านบาท แต่ 2 ปีแล้วที่เงินจากกองทุนนี้ แทนที่จะถูกนำมาใช้เพื่อการดูแลและแก้ไขปัญหาให้กับชาวท่าปลา แต่กลับไม่สามารถนำออกมาใช้ได้ เพราะวันนี้ยังไม่มีคณะกรรมการที่จะพิจารณาการร่างระเบียบการใช้งบประมาณ จึงอยากเรียกร้องให้กระทรวงพลังงานช่วยดำเนินการให้เสร็จสิ้น เพื่อนำงบประมาณออกมาใช้เพื่อเยียวยาคนท่าปลาให้เร็วที่สุด
นายคำ ใจยาเปียงแก้ว ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า กว่า 40 ปีแล้วที่ชาว อ.ท่าปลายอมเสียสละอพยพออกจากพื้นที่อันอุดมสมบูรณ์ให้กรมชลประทานนำไปสร้างเขื่อนสิริกิติ์ เพื่อการชลประทานและการผลิตไฟฟ้า แต่การดูแลเยียวยาชาวท่าปลา กลับไม่ได้รับความเป็นธรรมเท่าที่ควร ปล่อยให้เป็นหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)และท้องที่ ดูแลปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน ภายใต้งบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัดซึ่งก็ทำได้ไม่ดีขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น
นายคำ กล่าวว่า และแม้ว่ากระทรวงพลังงาน ได้เล็งเห็นว่าน่าจะให้การดูแลเยียวยาให้กับชาวท่าปลา และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนบ้าง จึงคิดจัดตั้งกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าขึ้นมา เพื่อให้การช่วยเหลือทุกด้านของผู้ที่อพยพออกจากพื้นที่สร้างเขื่อนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) โดยเฉพาะ อ.ท่าปลา ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ก็สมควรได้รับการดูแลเรื่องน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค คุณภาพชีวิต การศึกษา วัฒนธรรมที่ดี และสถาบันครอบครัวที่ถูกสลายออกจากกัน
แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับชาวท่าปลาเวลานี้คือ ครอบครัวล่มสลาย เนื่องจากหลายครอบครัวไม่มีพื้นที่ทำกิน เข้าไปหากินในป่าก็ถูกหน่วยงานรังแก จึงต้องไปทำงานต่างจังหวัดทิ้งลูกหลานไว้กับปู่ย่าตายายเลี้ยงดูแทน ทำให้ไม่เกิดความอบอุ่นในครอบครัว เด็กบางคนมีลูกก่อนวัยอันควร บางคนติดเอดส์ เพราะขาดการศึกษาที่ดี ไม่ได้อยู่กับครอบครัวที่อบอุ่น กลายเป็นปัญหาสังคมที่ไร้การดูแลจากหน่วยงานทางราชการที่เกี่ยวข้องอย่างแท้จริง
นายคำ กล่าวอีกว่า ชาวท่าปลา ต้องการให้หน่วยงานเข้ามาดูแลมากกว่านี้ โดยเฉพาะงบประมาณจากกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าเขื่อนสิริกิติ์ ที่ทุกปีได้รับการอุดหนุน 22 ล้านบาท แต่ 2 ปีแล้วที่เงินจากกองทุนนี้ แทนที่จะถูกนำมาใช้เพื่อการดูแลและแก้ไขปัญหาให้กับชาวท่าปลา แต่กลับไม่สามารถนำออกมาใช้ได้ เพราะวันนี้ยังไม่มีคณะกรรมการที่จะพิจารณาการร่างระเบียบการใช้งบประมาณ จึงอยากเรียกร้องให้กระทรวงพลังงานช่วยดำเนินการให้เสร็จสิ้น เพื่อนำงบประมาณออกมาใช้เพื่อเยียวยาคนท่าปลาให้เร็วที่สุด
