นครศรีธรรมราช - เครือข่ายภาคประชาชนนครศรีธรรมราช ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี เรียกร้อง ครม.เร่งพิจารณางบสร้างศูนย์การแพทย์ หลังส่อถูกดองยาว
วันนี้ (8 ม.ค.) หลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึงท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช นายอำนวย ยุติธรรม รองนายก อบต.ท่าขึ้น ในฐานะเครือข่ายภาคประชาชนเพื่อความเป็นธรรมนครศรีธรรมราช ได้เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี ในกรณีเรียกร้องให้รัฐบาล โดย ครม.เร่งพิจารณางบประมาณในการสร้างศูนย์การแพทย์ ม.วลัยลักษณ์ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช
ทั้งนี้ จดหมายเปิดผนึกดังกล่าวนั้นได้ระบุถึงรายละเอียดโครงการ ว่า ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 19 พ.ย.53 ตามแผนพัฒนาสาธารณสุข โครงการจัดตั้งศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ (โรงพยาบาล) วงเงิน 1,682 ล้านบาท เป็นงบผูกพันตั้งแต่ปี 2554-2558 โดยทางมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ได้ดำเนินการจัดจ้างโดยการประกวดราคา และได้ผู้รับจ้างไปเรียบร้อยแล้วทั้งยังมีการเบิกงบประมาณไปแล้วบางส่วน ตั้งแต่เดือน ก.ย.2554 และต้องสร้างให้แล้วเสร็จภายใน 1,455 วัน และเมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาล โครงการที่มีการผูกพันงบประมาณข้ามปีงบประมาณ วงเงิน 1 พันล้านบาทขึ้นไปต้องนำเข้า ครม.ใหม่เพื่อพิจารณาอนุมัติ
“ชาวท่าศาลาและใกล้เคียงจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พิจารณาอนุมัติโครงการดังกล่าว โดยไม่เลือกปฏิบัติกับประชาชนในภาคใต้ กับภาคอื่นๆ ของประเทศไทย เพื่อให้ได้รับการดูแลโดยเท่าเทียมกัน” จดหมายเปิดผนึกระบุลงนามโดยนายอำนวย ยุติธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การอนุมัติโครงการศูนย์แพทย์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ ซึ่งศูนย์แห่งนี้จะเป็นประโยชน์กับประชาชนในภาคใต้ตอนบนลดความแออัดของโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลปรากฏว่า ได้มีการสั่งชะลอโครงการไว้ก่อน เนื่องจากต้องนำเอาเข้า ครม.ใหม่อีกครั้ง เนื่องจากเหตุผลที่ รมว.ศึกษาธิการ และสำนักงบประมาณแจ้งว่า เป็นโครงการที่มีงบผูกพันเกิน 1 พันล้านต้องนำเข้า ครม.อีกครั้งในขณะที่โครงการได้เริ่มเดินหน้าแล้วต้องชะงักไปเช่นเดียวกัน
ต่อมาภายหลังจากที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปยัง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช คณาจารย์ที่เกี่ยวข้องได้เดินทางไปยื่นหนังสือให้มีการเร่งรัดในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน เนื่องจากขณะนี้คณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ได้ก่อตั้งมาระยะหนึ่งแล้วโดยนักศึกษาแพทย์รุ่นแรกในขณะนี้กำลังศึกษาอยู่ในชั้นปีที่ 3 ยังไม่มีศูนย์แพทย์ หรือโรงพยาบาลของคณะแพทย์ที่จะต้องเป็นที่ศึกษาเรียนรู้และฝึกหัดวิชาชีพแพทย์ ซึ่งในปัจจุบันนั้นนักศึกษาแพทย์ของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์จะต้องไปฝากฝึกหัดกับโรงพยาบาลอื่นๆ ในภาคใต้ โดยในวันพรุ่งนี้ชาว อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ได้กำหนดให้มีการรวมตัวกันเพื่อหาช่องทางกดดันในเรื่องนี้ให้มีการเร่งอนุมัติต่อไป
วันนี้ (8 ม.ค.) หลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึงท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช นายอำนวย ยุติธรรม รองนายก อบต.ท่าขึ้น ในฐานะเครือข่ายภาคประชาชนเพื่อความเป็นธรรมนครศรีธรรมราช ได้เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี ในกรณีเรียกร้องให้รัฐบาล โดย ครม.เร่งพิจารณางบประมาณในการสร้างศูนย์การแพทย์ ม.วลัยลักษณ์ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช
ทั้งนี้ จดหมายเปิดผนึกดังกล่าวนั้นได้ระบุถึงรายละเอียดโครงการ ว่า ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 19 พ.ย.53 ตามแผนพัฒนาสาธารณสุข โครงการจัดตั้งศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ (โรงพยาบาล) วงเงิน 1,682 ล้านบาท เป็นงบผูกพันตั้งแต่ปี 2554-2558 โดยทางมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ได้ดำเนินการจัดจ้างโดยการประกวดราคา และได้ผู้รับจ้างไปเรียบร้อยแล้วทั้งยังมีการเบิกงบประมาณไปแล้วบางส่วน ตั้งแต่เดือน ก.ย.2554 และต้องสร้างให้แล้วเสร็จภายใน 1,455 วัน และเมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาล โครงการที่มีการผูกพันงบประมาณข้ามปีงบประมาณ วงเงิน 1 พันล้านบาทขึ้นไปต้องนำเข้า ครม.ใหม่เพื่อพิจารณาอนุมัติ
“ชาวท่าศาลาและใกล้เคียงจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พิจารณาอนุมัติโครงการดังกล่าว โดยไม่เลือกปฏิบัติกับประชาชนในภาคใต้ กับภาคอื่นๆ ของประเทศไทย เพื่อให้ได้รับการดูแลโดยเท่าเทียมกัน” จดหมายเปิดผนึกระบุลงนามโดยนายอำนวย ยุติธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การอนุมัติโครงการศูนย์แพทย์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ ซึ่งศูนย์แห่งนี้จะเป็นประโยชน์กับประชาชนในภาคใต้ตอนบนลดความแออัดของโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลปรากฏว่า ได้มีการสั่งชะลอโครงการไว้ก่อน เนื่องจากต้องนำเอาเข้า ครม.ใหม่อีกครั้ง เนื่องจากเหตุผลที่ รมว.ศึกษาธิการ และสำนักงบประมาณแจ้งว่า เป็นโครงการที่มีงบผูกพันเกิน 1 พันล้านต้องนำเข้า ครม.อีกครั้งในขณะที่โครงการได้เริ่มเดินหน้าแล้วต้องชะงักไปเช่นเดียวกัน
ต่อมาภายหลังจากที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปยัง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช คณาจารย์ที่เกี่ยวข้องได้เดินทางไปยื่นหนังสือให้มีการเร่งรัดในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน เนื่องจากขณะนี้คณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ได้ก่อตั้งมาระยะหนึ่งแล้วโดยนักศึกษาแพทย์รุ่นแรกในขณะนี้กำลังศึกษาอยู่ในชั้นปีที่ 3 ยังไม่มีศูนย์แพทย์ หรือโรงพยาบาลของคณะแพทย์ที่จะต้องเป็นที่ศึกษาเรียนรู้และฝึกหัดวิชาชีพแพทย์ ซึ่งในปัจจุบันนั้นนักศึกษาแพทย์ของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์จะต้องไปฝากฝึกหัดกับโรงพยาบาลอื่นๆ ในภาคใต้ โดยในวันพรุ่งนี้ชาว อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ได้กำหนดให้มีการรวมตัวกันเพื่อหาช่องทางกดดันในเรื่องนี้ให้มีการเร่งอนุมัติต่อไป
